เสียใจ
ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณทันที และเหล่าสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ก็ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ซือเฟิงนั้นไม่ได้พูดเสียงดังมาก และผู้เล่นทั่วไปที่ยืนอยู่ห่างจากไปราวยี่สิบหลาก็จะไม่สามารถได้ยินเขาแล้ว อย่างไรก็ตามทุกคนในปัจจุบันนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ และประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาก็เหนือกว่าผู้เล่นทั่วไปมาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินคำพูดของซือเฟิงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์นั้นก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาได้ยินผิดรึ
ปล่าว
ท้ายที่สุดแล้ว มันจะมีคนที่กล้าพูดกับเผ่าศักสิทธิ์แบบนี้ได้ยังไงกัน ?
แม้แต่หัวหน้าของหอการค้าอาซูก็ยังไม่กล้าจะพูดกับคนของเผ่าศักสิทธิ์ด้วยท่าทีหยิ่งผยองแบบนี้ แต่ผู้เล่นขั้นสามที่เป็นใครมาจากไหนไม่รู้อย่างซือเฟิงกับกล้าพูดงั้นหรอ ?
“นี่พวกคุณไม่ได้ยินที่หัวหน้ากิลของเราพูดงั้นหรอ ?! หากคุณรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว และยอมจ่ายค่าชดเชยเป็นอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หนึ่งร้อยชิ้น เราก็ยินดีจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ไม่งั้นผลที่ตามมามันจะไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบมากนักแน่นอน !!!” โคล่าพูดซ้ำคำพูดของซือเฟิง ขณะที่เขามองไปยังสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ที่ยังคงตกตะลึงอยู่
ซึ่งแตกต่างจากซือเฟิง โคล่านั้นได้ตะโกนเลย และคำพูดของเขาก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ นับประสาอะไรกับพวกสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ แม้แต่ผู้เล่นเบื้องล่างหลายหมื่นคนก็ยังได้ยินเขาอย่างชัดเจน
“คนเหล่านี้เป็นใครกัน ? พวกเขากล้าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าเผ่าศักสิทธิ์จริงๆงั้นหรอ ?”
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่ตอนนี้พวกเขาจะได้ตายอย่างแน่นอน”
“พวกเขาจะไม่ตายแค่ครั้งเดียวด้วยในวันนี้ เพราะจากการกล้าทำแบบนี้เผ่าศักสิทธิ์จะฆ่าพวกเขาจนกลับลงไปอยู่เลเวลศูนย์แน่นอน !!!”
สมาชิกของหอการค้าอาซูนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่พวกเขามองไปยังทีมของซือเฟิงที่อยู่บนอินทรีสายฟ้า เพราะแม้แต่หัวหน้าหอการค้าของพวกเขาก็ยังไม่กล้าทำตัวหยิ่งผยองมากขนาดนี้ต่อหน้าคนของเผ่าศักสิทธิ์
เผ่าศักสิทธิ์นั้นจัดเป็นกิลชั้นยอดระดับต้นๆเลยในตอนที่ God domain เปิดตัว และตอนนี้พวกเขาก็ใกล้จะกลายเป็นซุเปอร์กิลแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจาก God domain ได้รับความนิยมมากขึ้น เผ่าศักสิทธิ์จึงได้รับการอัดฉีดเงินทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเข้ามามากขึ้น ซึ่งในตอนนี้นั้นมันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าซุเปอร์กิลบางกิลไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่เผ่าศักสิทธิ์นั้นกล้าจะต่อสู้กับหอการค้าอาซูเพื่อแย่งชิงเส้นเลือดแร่เงินปีศาจ
“เซี่ยวเฉียน นี่คนพวกนี้บ้ารึปล่าว ?” ผู้อาวุโสของหอการค้าอาซูที่เป็นราชันเบอเซิกเกอร์ถามขึ้นอย่างตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ ตอนแรกเขานั้นคิดว่าทีมของซือเฟิงอาจเลือกจะหนีไป หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากหอการค้าอาซู อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เขาไม่ได้คาดคิดเลย เพราะซือเฟิงจงใจยั่วยุเผ่าศักสิทธิ์อย่างไม่ลังเล
ในขณะที่แม้ว่าหัวหน้าของหอการค้าอาซูจะปรากฎตัวขึ้น แต่เขาก็จะไม่สามารถห้ามไม่ให้คนของเผ่าศักสิทธิ์จัดการกับทีมของซือเฟิงได้แน่นอน
หยานเซี่ยวเฉียนเองก็รู้สึกสับสนกับสถานการณ์นี้มากเช่นกัน หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะถามว่าซือเฟิงคิดอะไรอยู่
นี่เขาคิดว่าสถานที่นี้จะเหมือนกับเมืองหินปีศาจที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรผู้เล่นขั้นสามได้งั้นหรอ ?
ขณะที่หยานเซี่ยวเฉียนมองไปยังซือเฟิงนั้น คำอธิบายเดียวที่เธอคิดได้สำหรับสถานการณ์นี้ก็คือ เขามีความเชื่อว่ามหาอำนาจต่างๆจะไม่กล้าแตะต้องเขา เพราะเขาเป็นผู้เล่นขั้นสาม เนื่องมาจากครั้งก่อนนั้นมหาอำนาจต่างๆที่อยู่ในเมืองหินปีศาจก็ได้แสดงความเคารพต่อเขาอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้กับตอนนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง !!!
ย้อนกลับไปตอนนั้น ซือเฟิงสามารถจะทำตัวเย่อหยิ่งได้ในฐานะผู้เล่นขั้นสาม เนื่องจากไม่มีใครจะสามารถทำอะไรกับเขาได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้มหาอำนาจทุกกลุ่มนั้นก็ล้วนมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากอยู่หลายโหลแล้วภายใต้การคำสั่งของพวกเขา และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดขั้นสามนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะแสดงท่าทีหยิ่งผยองต่อหน้ามหาอำนาจต่างๆอีกต่อไป
โดยเฉพาะในทวีปด้านตะวันตกที่เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจ ผู้เล่นที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าผู้เล่นในทวีปด้านตะวันออกอย่างมาก และมรดกกับไอเทมต่างๆใช้นั้นมันก็ช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ให้มากกว่าสิ่งที่ผู้เล่นในทวีปด้านตะวันออกใช้อย่างมาก
นับประสาอะไรกับผู้เล่นขั้นสาม มหาอำนาจต่างๆจะไม่มีปัญหาในการจะจัดการกับ NPC ขั้นสามด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดกองทัพสัตว์ปีศาจที่พวกเขาเคยเผชิญหน้ามานั้น บางตัวในหมู่พวกมันก็มีสติปัญญาเทียบเท่ากับ NPC เช่นกัน และมหาอำนาจต่างๆก็สามารถจะฆ่าสัตว์ปีศาจเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ในขณะที่หยานเซี่ยวเฉียน และสมาชิกคนอื่นๆของหอการค้าอาซูกำลังตกตะลึงกับการกระทำอันบ้าคลั่งของซือเฟิง แม๊คอาฟรี่ที่อยู่บนหลังของค้างคาวยักษ์ก็ยิ้มออกมา
“ดีมาก !!! ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้มาที่นี่ด้วยความไม่รู้สินะ !!! ไม่งั้นคุณคงไม่กล้าจะยั่วยุเผ่าศักสิทธิ์แบบนี้ !!!” แม๊คอาฟรี่กล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ขณะจ้องมองไปยังซือเฟิง “เรื่องนี้จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น จงเสียใจกับการยั่วยุครั้งนี้ของคุณซะ เพราะมันจะมีเพียงแต่นรกเท่านั้นที่รอคุณอยู่นับจากนี้ !!!”
ทันทีที่แม๊คอาฟรี่กล่าวจบ เหล่าผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักศิทธิ์หลายคนที่ล้อมรอบทีมของซือเฟิงอยู่ก็ได้เปิดใช้งานม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ในมือของพวกเขาทันที ซึ่งมันไม่เพียงแต่จะปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ แต่มันยังวางเครื่องหมายติดตามวิญญาณทีมของซือเฟิงไว้ ด้วยวิธีนี้แม้ว่าทีมของซือเฟิงจะตายและไปฟื้นคืนชีพที่อื่น พวกเขาก็ยังจะสามารถติดตามไปได้
ในเวลาเดียวกันนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของเผ่าศักสิทธิ์ หลายร้อยคนก็ได้ทำการวางวงเวทย์ผสานกันที่ใต้ฝ่าเท้าของอินทรีสายฟ้า และร่ายเป็นสกิล AOE หลอมรวมขนาดใหญ่
ทันใดนั้นเสาไฟและหอกไฟจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากวงเวทย์ และพุ่งเข้าใส่ทีมของซือเฟิงทันที ซึ่งเวทย์เหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเวทย์ขั้นสามของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจริงๆเลยแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงในแง่ของพลัง เวทย์เหล่านี้บางส่วนมีพลังเท่ากับเวทย์ขั้นสี่ด้วย
ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …
ชั่วครู่หนึ่งบริเวณท้องฟ้าที่อินทรีสายฟ้าบินอยู่ก็กลายเป็นทะเลเพลิง และคลื่นกระแทกนั้นมันก็แผ่ออกไปหลายร้อยหลาเลยทีเดียว
“ช่างสิ้นเปลืองอย่างแท้จริง เดิมทีเวทย์พวกนี้ควรจะใช้ใส่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามของหอการค้าอาซู แต่ตอนนี้เรากับมาใช้ใส่คนที่ไม่รู้จักเหล่านี้ …” Elementalist หญิงขั้นสามที่มีผมสีแดง และนั่งอยู่ด้านหลังแม๊คอาฟรี่กล่าวพลางเดาะลิ้นของเธอ
สิบวันก่อนหน้านี้ ผู้เล่นขั้นสามนับเป็นตัวตนที่มหาอำนาจต่างๆไม่สามารถจะประมาทได้
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว มหาอำนาจต่างๆไม่เพียงแต่จะมีผู้เล่นขั้นสามเป็นของตัวเองจำนวนหนึ่งแล้ว แต่พวกเขายังมีวิธีการฆ่าผู้เล่นขั้นสามด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับเวทย์หลอมรวมที่ถูกร่ายโดยผู้เล่นขั้นสอง สามสิบคนนั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่แข็งแกร่งอย่างมากก็จะตายได้ทันที หากประมาท นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าครั้งนี้พวกเขาใช้สกิลเวทย์หลอมรวมถึงเจ็ดสกิลพร้อมกัน ….
“เอาล่ะเตรียมพร้อมจะใช้ม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพชุบชีวิตพวกนี้ !!! ฉันอยากจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าการยั่วยุเผ่าศักสิทธิ์นั้นมันเป็นการกระทำที่โง่เขลามากขนาดไหน !!”
แม๊คอาฟรี่กล่าวออกคำสั่ง และให้ผู้เล่นที่มีม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพก้าวออกไปด้านหน้า
ม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพนั้นเป็นเครื่องมือล้ำค่าที่จะสามารถพบได้ในซากปรักหักพังโบราณเท่านั้น และเอฟเฟคดั้งเดิมของม้วนคัมภีร์นั้นก็คือการชุบชีวิตเพื่อนที่ตายไปในสนามรบ อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีประโยชน์มากเช่นกัน เมื่อพวกเขาต้องการฆ่าผู้เล่นของศัตรูซ้ำๆ
กระนั้นหลังจากที่สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ที่ถือม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพพยายามจะฟื้นคืนชีพทีมของซือเฟิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังม้วนคัมภีร์ด้วยความสับสน
“มีอะไรผิดปกติ ? ทำไมยังไม่ฟื้นคืนชีพพวกเขา ?” แม๊คอาฟรี่กล่าว หลังจากที่ได้เห็นว่าม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพยังคงอยู่ในมือคนของเขา
“รองผู้บัญชาการ ด้วยเหตุผลบางอย่างม้วนคัมภีร์มันไม่สามารถใช้งานได้ มันอาจจะพัง” แรนเจอร์ขั้นสามรายงาน
“พัง ?”
แม๊คอาฟรี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังทะเลเพลิงตรงหน้าของเขา
ม้วนคัมภีร์ฟื้นคืนชีพนั้นไม่เคยพังหรือล้มเหลวในการเปิดใช้งานมาก่อน หากการฟื้นคืนชีพล้มเหลว มันก็หมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น
เป้าหมายในการฟื้นคืนชีพยังมีชีวิตอยู่ !!!
ในช่วงเวลาต่อมาเมื่อเปลวไฟทั้งหมดหายไป มันก็ปรากฎร่างของอินทรีสายฟ้าและทีมของซือเฟิงที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากๆ เพราะมันมีบาเรียบางอย่างแยกพวกเขาออกจากนรกโดยรอบ
บาเรียนี้นั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากสกิลโดเมนสมบูรณ์แบบของซือเฟิง
“เมื่อพวกคุณโจมตีกันเรียบร้อยแล้ว งั้นมันก็ถึงตาฉันแล้ว !!!” ซือเฟิงประกาศ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและเริ่มทำการร่ายไฟร์โดเมน ใส่กลุ่มของแม๊คอาฟรี่