เผ่าศักสิทธิ์ตกตะลึง
แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้พูดเสียงดังมากนัก แต่แม๊คอาฟรี่และคนของเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน ซึ่งคำถามของซือเฟิงนั้มันก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธมากๆ
ตอนแรกพวกเขานั้นมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำให้ทีมของซือเฟิงได้รู้ถึงความโง่เขลาของตัวเองที่กล้าจะมายั่วเผ่าศักสิทธิ์ แต่ในพริบตา นักดาบก็ได้ฆ่าสังหารหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของเผ่าศักสิทธิ์ไปหลายร้อยคน
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทีมของซือเฟิงก่อขึ้นนั้นพวกเขายังพอทนได้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมของซือเฟิง โดยเฉพาะหัวหน้าทีมอย่างซือเฟิงนั้นไปไกลเกินไปแล้ว
น้ำเสียงของซือเฟิงที่พูดออกมาเมื่อครู่นั้นมันแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าเขาเต็มไปด้วยความสงสาร และเห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอ เขาไม่ได้ปฎิบัติต่อพวกเขาในฐานะศัตรูเลย เขาปฎิบัติต่อพวกเขาเพียงแค่เป็นตัวตนเล็กน้อยที่แทบไม่ควรค่าให้สนใจ
นี่มันนับเป็นความอัปยศและความน่าอับอายอย่างยิ้ง !!!
บ้าแล้ว !!! แบล๊คเฟรมจะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!! ดวงตาของหยานเซี่ยวเฉียนที่จ้องมองผ่านกระจกเวทย์มนต์เพื่อเฝ้าสังเกตการสถานการณ์ตอนนี้นั้นก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เธอนั้นไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าซือเฟิงกลายเป็นหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกได้อย่างไร ด้วยบุคลิกของเขา และเธอก็รู้สึกประหลาดใจมากจริงๆที่ซือเฟิง
อยู่รอดมาได้นานมากขนาดนี้ใน God domain
มันเป็นความจริงที่ว่าซือเฟิงนั้นสามารถจะทำให้แม๊คอาฟรี่ตกใจได้ด้วยพลังของไฟร์โดเมน เพราะท้ายที่สุดเอฟเฟคของเวทย์นี้มันน่ากลัวมากๆ และมันก็ทำให้ทุกคนที่เฝ้าดูสถานการณ์นี้อยู่ตกตกตะลึงมากเช่นกัน
ในขณะเดียวกันเมื่อทำแบบนี้แล้วนั้น นักดาบและทีมของเขาก็มีเวลามากพอที่จะหนีออกจากบริเวณนี้ผ่านอะเม้าท์บินได้ของเขา ซึ่งหากซือเฟิงและทีมของเขาทำแบบนั้น เหล่าสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ที่กำลังตกตะลึงอยู่ก็อาจจะยอมปล่อยให้เขาและทีมของเขาหนีไป
ถึงกระนั้นตอนนี้ ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะไม่พาทีมของเขาหนีไป …. แต่เขายังทำการยั่วยุเผ่าศักสิทธิ์ต่อด้วย
ซือเฟิงนั้นไม่รู้เลยหรือไงว่าสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ที่อยู่บริเวณเหมืองนี้นั้นมีมากกว่าเจ็ดพันคน และพวกเขาก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีอาวุธครบมืออีกมากกว่าหกสิบคน
เวทย์ AOE ขนาดใหญ่ของซือเฟิงนั้นทรงพลังอย่างมากแน่นอน แต่เวทย์แบบนี้นั้นก็มักจะมีคูลดาวน์ที่ยาวนานมากๆ และผู้เล่นส่วนใหญ่ก็จะนับว่าโชคดีมากแล้ว หากพวกเขาสามารถใช้เวทย์ AOE แบบนี้ได้สักสองครั้ง ในการต่อสู้ครั้งเดียว
ขณะเดียวกันผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่นั้นต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากจริงๆ เพราะมันนานมากแล้วที่ไม่ได้มีสกิลหรือเวทย์แบบ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่แบบนี้สามารถสังหารหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองหลายร้อยคนในทวีปด้านตะวันตกได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์หายจากอาการตกตะลึงนั้น พวกเขาก็สามารถที่จะฆ่าซือเฟิงและผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของเขาได้อย่างง่ายดายแน่นอน
กองทัพที่เผ่าศักสิทธิ์ได้ส่งมาเพื่อปิดล้อมและโจมตีเหมืองในครั้งนี้นั้น เป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของกิลที่ได้รับการปรับโครงสร้างใหม่ และพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะยึดเมืองกิล เมืองหนึ่งได้อย่างสบายๆเลย และกองทัพนี้ก็มีวิธีเอาชนะผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งวิธีด้วย มันไม่จำกัดอยู่แค่เฉพาะสกิล และเวทย์หลอมรวมเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หยานเซี่ยวเฉียนประหลาดใจอย่างแท้จริงก็คือ พฤติกรรมของอควาโรสและคนอื่นๆ ที่แม้ว่าซือเฟิงจะอาละวาดมากขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครพยายามที่จะหยุดเขา และพวกเขาก็ทำเพียงแค่เฝ้าดูราวกับว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย ….
เธอนั้นนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าอควาโรสและคนอื่นๆมาจากกิลเดียวกับซือเฟิงจริงรึ
ปล่าว ….
“ต่อ ? ไอ้หนู คุณนี่หาเรื่องตายจริงๆ !!! คุณเพียงแค่สามารถใช้เวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ที่ทรงพลังได้เท่านั้น แต่คุณกับคิดว่าคุณจะสามารถทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการได้ต่อหน้าเผ่าศักสิทธิ์งั้นหรอ ?!” แรนเจอร์ขั้นสามตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยวจากด้านหลังของแม๊คอาฟรี่ และโดยไม่รอคำสั่ง แรนเจอร์ก็ได้ยิงลูกธนูสามดอกที่ทำจากคริสตัลเข้าใส่ซือเฟิงทันที
ทันทีที่ลูกธนูทั้งสามดอกถูกยิงออกจากคันธนูของแรนเจอร์ พวกมันก็ทลายกำแพงเสียงปล่อยโซนิคบูมที่สั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ และอากาศโดยรอบเองก็เริ่มสั่นคลอนจากพลังของลูกธนู แถมลูกธนูทั้งสามดอกนี้ก็ยังรวดเร็วมากๆจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและสามารถจะทำให้แกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันบาดเจ็บสาหัสได้เลย
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่เนื่องจากคุณกล้าที่จะยั่วยุเผ่าศักสิทธิ์ ดังนั้นวันนี้พวกคุณจะต้องตายที่นี่ !!!” Elementalist หญิงผมแดงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ขณะที่เธอโบกคทาของเธอเริ่มใช้เวทย์ขั้นสาม Manifold Illusions โดยไม่ต้องร่ายแม้แต่นิดเดียว
ขณะเดียวกันลูกธนูคริสตัลทั้งสามดอกก็แยกออกเป็นหลายโหลและล๊อคเป้าไปที่ซือเฟิงทั้งหมด แถมลูกธนูที่แยกออกมายังมีพลังมากขึ้นด้วย
“อะไรกัน ?! คริมสันวิชนั้นก็เชี่ยวชาญการโจมตีแบบหลอมรวมงั้นหรอ !!!” หยานเซี่ยวเฉียนอุทาน ขณะที่เธอมองฉากนี้ผ่านกระจกเวทย์มนต์ในมือเธอ
ผู้เล่นนักเวทย์ทุกคนนั้นล้วนใฝ่ฝันที่จะสามารถเรียนรู้วิธีการโจมตีแบบหลอมรวมได้ หากแต่ว่ามันก็ทำได้ยากมากๆ ยากยิ่งกว่าการฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงซะอีก และแม้แต่หยานเซี่ยวเฉียนก็ไม่สามารถจะคลี่คลายแนวคิดเบื้องต้นของเทคนิคนี้ได้
ทั่วทั้งหอการค้าอาซูนั้นมีเพียงหัวหน้า Elementalist ของหอการค้าอาซูเท่านั้นที่เชี่ยวชาญในการใช้เทคนิคนี้ แต่อย่างไรก็ตาม Elementalist ผู้นี้ก็เป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่มีอายุมากแล้ว และแม้แต่ต้วนฮันซาน จากตระกูลต้วน ก็ยังต้องปฎิบัติต่อสัตว์ประหลาดเก่าแก่แบบนี้ด้วยความเคารพ และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนนั้นก็ไม่มีหวังที่จะเทียบกับเขาได้เลย
แต่ถึงกระนั้นคริมสันวิชของเผ่าศักสิทธิ์ที่พึ่งมาถึงขอบเขตโดเมนกับสามารถใช้เทคนิคนี้ได้ ….
หากผู้เล่นสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยรวมสกิลหรือเวทย์ของตัวเองเข้ากับสกิลหรือเวทย์อื่นได้ การโจมตีที่เกิดขึ้นมันก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ และมีพลังมากพอจะก้าวข้ามขั้นได้ นี่คือเหตุผลที่ผู้เล่นนักเวทย์ทุกคนล้วนต่อสู้และฝึกฝนเพื่อเทคนิคนี้
ขณะที่ลูกธนูทั้งสิบสองกำลังมาถึงตัวเขานั้น ซือเฟิงก็ไม่ได้มีท่าทีกังวลใดๆ และเขาก็ทำการเหวี่ยงคิลลิงเรย์ของเขารับมือกับลูกธนูที่เข้ามาทันที
เทคนิคลับ ไลท์นิ่งแฟลช !!
Peng… Peng… Peng…
มันราวกับว่าลูกธนูนั้นพุ่งเข้าใส่กำแพงที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และพวกมันก็ระเบิดออกมา พลางตกลงมาจากท้องฟ้าในขณะที่อยู่ไม่ไกลจากเป้าหมายนัก ซึ่งมันนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ซือเฟิงในระยะห้าหลาได้เลย ไม่ต้องพูดถึงการทำให้นักดาบได้รับบาดเจ็บ ….
“เป็นไปไม่ได้ !!” ดวงตาของคริมสันวิชนั้นแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อเธอเห็นลูกธนูกำลังตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง
การโจมตีหลอมรวมของเธอกับแรนเจอร์นั้น แม้ว่ามัจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มันก็เป็นการใช้สกิลขั้นสาม หลอมรวมกับเวทย์ขั้นสาม ซึ่งมันทรงพลังมากพอที่จะทำให้แกรนลอร์ดสายพันธุ์โบราณในเลเวลเดียวกันบาดเจ็บสาหัสได้เลย
แม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่สามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้ในทันที แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะส่งให้คนๆหนึ่งปลิวกระเด็นไป
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ทุกคนที่เฝ้ามองดูฉากนี้ต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของเผ่าศักสิทธิ์ และมันก็ไม่มีใครนึกออกเลยว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร
แม้แต่แม๊คอาฟรี่ รองผู้บัญชาการของพวกเขาก็ยังจะต้องเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์เพื่อป้องกันการโจมตีเมื่อครู่นี้ อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับไม่ได้เปิดใช้งานสกิลหรือเวทย์ใดๆเพื่อตอบโต้ลูกธนูเมื่อครู่นี้เลย ไม่ต้องพูดถึงสกิลเบอเซิกร์
“สัตว์ประหลาดที่แท้จริง ?” การแสดงออกของแม๊คอาฟรี่มืดมนลง เมื่อเขาเห็นว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ
ฉายา “สัตว์ประหลาดที่แท้จริง” นั้นเกิดขึ้นมาเพื่อใช้ระบุตัวตนเฉพาะของผู้เล่นบางคนหลังที่มาถึงขั้นสาม และแม้ว่ามหาอำนาจหลายกลุ่มจะไม่รู้ว่าฉายานี้หมายถึงอะไร แต่มหาอำนาจอย่างเผ่าศักสิทธิ์นั้นก็รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
เผ่าศักสิทธิ์นั้นเคยเห็นความแข็งแกร่งของสัตว์ปประหลาดที่แท้จริงมาก่อน
สัตว์ประหลาดที่แท้จริงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษซึ่งสามารถจะเอาชนะทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนหนึ่งร้อยคนได้สบายๆ
แม๊คอาฟรี่นั้นไม่สามารถนึกคำอธิบายอย่างอื่นได้ออกเลย นอกจากเรื่องนี้ว่าซือเฟิงสามารถหยุดการโจมตีเมื่อครู่ได้โดยไม่ได้รับความเสียหายเลยได้ยังไง
เป็นไปได้ยังไงกัน ? เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง จริงๆงั้นหรอ ?
เมื่อพวกเขาได้ยินรองผู้บัญชาการของพวกเขาพึมพำเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดในพื้นที่ก็ล้วนหันมาจ้องมองซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ปากของหยานเซี่ยวเฉียนเองก็อ้ากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน เธอนั้นไม่สามารถเชื่อได้เลยว่าซือเฟิงจะเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่แท้จริง !!!