สถานการณ์ในทวีปด้านตะวันตก
“สร้างเมือง ?”
คำขอของซือเฟิงนั้นทำให้อดอล์ฟตกตะลึงไปชั่วขณะ และเขาก็ชักสงสัยแล้วว่าหัวหน้ากิลคนนี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเขารึปล่าว
ถ้าหยานเซี่ยวเฉียนมาได้ยินคำพูดของซือเฟิงตอนนี้ เธอจะต้องคิดว่านักดาบบ้าไปแล้ว หรือไม่ก็กำลังฝันอยู่
ผู้เล่นจากทวีปด้านตะวันออกนั้นก็สามารถจะสร้างเมืองขึ้นในทวีปด้านตะวันตกได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีความแตกต่างอยู่เล็กเล็กน้อยระหว่างเมืองกิลในทวีปด้านตะวันออกและตะวันตก
ความแตกต่างอย่างหนึ่งคือความจริงที่ว่าอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆของ NPC ในทวีปด้านตะวันออกนั้นจะมีกองทัพเป็นของตัวเองคอยดูแลเมืองต่างๆ ในทางกลับกันที่ทวีปด้านตะวันตกนั้นนั้น อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆได้ไว้วางใจให้สมาคมนักผจญภัยจัดการเรื่องนี้ โดยสมาคมนักผจญภัยก็จะมามอบเควสต่างๆที่กิลข้องกับเรื่องนี้ให้ผู้เล่นจัดการ ซึ่งสิ่งนี้บังคับให้กิลต่างๆนั้นต้องลงทุนทั้งกำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากในการจัดการเมือง NPC เป้าหมายเพื่อรับรองอำนาจของตัวเอง ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกนั้นจึงขาดกำลังคนอย่างรุนแรง และก็มีเพียงแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่สามารถสร้างเมืองกิลเป็นของตัวเองได้
อีกทั้งมันมีความแตกต่างอยู่อย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้มหาอำนาจส่วนใหญ่ในทวีปด้านตะวันตกนั้นไม่เต็มใจจะก่อสร้างเมืองกิล
กองทัพสัตว์ปีศาจ !!!
การโจมตีของสัตว์ปีศาจที่บุกเข้ามานั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะในเมืองต่างๆที่อยู่ตามชายแดน ในบางครั้งพวกมันจะทำการปิดล้อมและโจมตีเมืองที่อยู่ลึกเข้าไปในประเทศต่างๆของทวีปด้านตะวันตกด้วย และไม่ว่าจะก่อตั้งเมืองกิลขึ้นที่ไหน กิลนั้นก็ยังจะต้องรับมือกับการบุกของกองทัพสัตว์ปีศาจ
ซึ่งกองทัพสัตว์ปีศาจเหล่านี้นั้นไม่เหมือนกับกองทัพสัตว์ปีศาจในทวีปด้านตะวันออก พวกมันนั้นเคลื่อนไหวเหมือนกับกองทัพของ NPC ประเทศต่างๆที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และพวกมันก็สามารถใช้อาวุธสงคราม กับอาวุธปิดล้อมเมืองได้ทั้งหมด
ในขณะเดียวกันเมืองกิลนั้นก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ NPC เลย และเมืองกิลก็จะเป็นเช่นเดียวกับเมือง NPC ที่นี่คือจะต้องว่าจ้างทหาร NPC เข้ามาช่วย ซึ่งการว่าจ้างนั้นก็ทำได้อย่างจำกัด และกิลก็จะพึ่งพาสมาชิกกิลจำนวนหนึ่งของตัวเองด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายเลยที่จะจินตนาการว่าการปกป้องเมืองกิลที่นี่นั้นมันทำได้ยากขนาดไหน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีมหาอำนาจแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่สามารถจะก่อตั้งเมืองกิลของตัวเองขึ้นได้ที่นี่ และผู้ที่สามารถทำมันได้สำเร็จจริงๆก็จะเป็นผู้ที่ทรงพลังมากอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอย่างน้อยที่สุดมันจะต้องอาศัยพลังของกิลชั้นสูงหนึ่งกิลเลยในการจะดูแลเมืองกิลสักเมืองที่ถูกสร้างขึ้นที่นี่ และมันก็มีเพียงแค่กิลชั้นสูงระดับต้นๆเท่านั้นที่สามารถจะดูแลเมืองกิลสองถึงสามแห่งที่นี่ได้ ซึ่งมันก็เรียกได้ว่าพวกเขานั้นเป็นกึ่งมหาอำนาจแล้วเลย ….
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับต้องการให้เผ่าศักสิทธิ์ช่วยเขาสร้างเมืองกิลขึ้นในทวีปด้านตะวันตก หากเขาพูดเรื่องนี้กับมหาอำนาจอื่นๆ เขาจะโดนโยนออกนอกประตูไปแล้วแน่นอน
นี่มันไม่ใช่การเป็นหุ้นส่วน นี่มันเป็นการปล้นกลางวันแสกๆชัดๆ !!!
หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมคุณรู้ถึงสถานการณ์ของทวีปด้านตะวันตกหรือไม่ ? การสร้างเมืองกิลขึ้นที่นั้นมันยากกว่าที่คุณคิดมากๆ และแม้แต่ตอนนี้เผ่าศักสิทธิ์ก็มีพลังมากพอจะสร้างและดูแลเมืองกิลของตัวเองได้แค่ห้าแห่งเท่านั้น” อดอล์ฟอธิบาย หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์
การสร้างเมืองกิลในทวีปด้านตะวันตกนั้นไม่ใช่เรื่องยากมาก แต่ที่ยากจริงๆคือกำลังคนและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการดูแลเมืองกิลของตัวเอง
สภาสิบแปดปีกนั้นมีผู้เล่นอยู่เพียงแค่สิบคนในทวีปด้านตะวันตกตอนนี้ และแม้ว่าซือเฟิงจะมีความแข็งแกร่งที่ท้าทายสวรรค์ แต่เขาก็ไม่สามารถจะเอาชนะกองทัพสัตว์ปีศาจทั้งหมดได้ด้วยตัวเองแน่นอน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเผ่าศักสิทธิ์ที่จะต้องส่งกองทัพผู้เล่นไปช่วยสภาสิบแปดปีกปกป้องเมืองกิลของตัวเองที่นี่ และในการจะทำเช่นนี้เผ่าศักสิทธิ์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ ซึ่งสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นเพียงแค่กึ่งมหาอำนาจเท่านั้นในทวีปด้านตะวันออก ดังนั้นนี่มันจะคุ้มค่าให้เผ่าศักสิทธิ์ต้องทำขนาดนี้เลยงั้นหรอเพื่อจะได้เป็นพันธมิตรกับพวกเขา ?
ยิ่งไปกว่านั้นกำลังคนและทรัพยากรที่เผ่าศักสิทธิ์จะต้องลงทุนไปนั้น มันจะเป็นสิ่งที่นำกลับมาใช้ไม่ได้อีก มันจึงไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่าเลย
“ฉันเข้าใจถึงความยากของเรื่องนี้ดี นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันมาขอความช่วยเหลือจากเผ่าศักสิทธิ์” ซือเฟิงพยักหน้า ขณะหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตามหากกิลของคุณตกลง ฉันยินดีจะทำการจะขายคริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้น ซึ่งเป็นวัสดุหายากให้กับเผ่าศักสิทธิ์ในราคาตลาด !!!”
ซือเฟิงนั้นพอมีความรู้อยู่บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ในทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าการสร้างและปกป้องเมืองกิลนั้นทำได้ยากมากๆในทวีปด้านตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งเป็นกิลที่ไม่มีรากฐานใดๆเลยในทวีปด้านตะวันตก
อย่างไรก็ตาม เมืองกิลนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นมากๆสำหรับการพัฒนาในอนาคตของสภาสิบแปดปีก หากไม่มีเมืองกิล กิลจะไม่สามารถตั้งหลักในทวีปด้านตะวันตกได้อย่างแท้จริง และต้องเผชิญหน้ากับการปราบปรามของกิลท้องถิ่น
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปสองด้านได้จึงมักจะสร้างสถานที่มั่นของพวกเขาไว้ในทั้งสองแห่งเสมอ เมืองหินปีศาจของหอการค้าอาซูที่อยู่นอกจักรวรรดิมังกรไฟออกมานั้นก็นับเป็นตัวอย่างหนึ่ง และด้วยมีศูนย์กลางการค้าเป็นของตัวเอง ดังนั้นหอการค้าอาซูจึงจะไม่ต้องกังวลเรื่องของมหาอำนาจท้องถิ่น แม้ว่าพวกเขาจะอิจฉาก็ตาม
นอกจากนี้เขายังต้องการเมืองกิลเพื่อจัดการกับปัญหาที่ใหญ่กว่า
มันจะมีมหาอำนาจจำนวนมากขึ้นที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปทั้งสองด้านได้ เมื่อเวลาผ่านไป และเมื่อเป็นแบบนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่มากขึ้น และแม้แต่เผ่าศักสิทธิ์นั้นก็อาจจะหาทางไปยังทวีปด้านตะวันออกได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นแทนที่จะพึ่งพาสภาสิบแปดปีกในฐานะพ่อค้าคนกลาง พวกเขาก็จะเริ่มทำกำไรด้วยตัวเองแน่นอน
ดังนั้นมันจึงมีความเป็นอย่างมากที่สภาสิบแปดปีกจะต้องมีเมืองในทวีปด้านตะวันตก
“คริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้น ?!” ดวงตาของอดอล์ฟเบิกกว้าง และเขาก็จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความตกตะลึง เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะร่ำรวยมากขนาดนี้ “นี่คุณกำลังพูดความจริงกับฉันใช่ไหม ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม …”
คริสตัลเวทย์มนต์นั้นเป็นสกุลเงินที่ค่อนข้างแข็งค่าอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก และผู้เล่นก็สามารถจะซื้อวัสดุหายากบางอย่างด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่พวกเขาไม่สามารถทำแบบเดียวกันนี้โดยใช้เหรียญทองได้ แถมผู้ขายยังจะเสนอส่วนลดให้ด้วย หากผู้ซื้อยินดีจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์
ทวีปด้านตะวันตกนั้นไม่เหมือนกับทวีปด้านตะวันออก ไม่เพียงแต่คริสตัลเวทย์มนต์จะหายากมาก แต่ความต้องการของมันยังสูงมากเช่นกัน เพราะมันต้องใช้ในการผลิตไอเทมหลากหลายที่ถูกใช้ที่นี่ โดยเฉพาะกับหินรูนการต่อสู้ซึ่งต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์เป็นวัสดุหลักในการผลิต
นี่คือสาเหตุที่เผ่าศักสิทธิ์นั้นได้ส่งหนึ่งในกองกำลังหลักของพวกเขาเข้าไปโจมตีเส้นเลือดแร่เงินปีศาจที่อยู่ภายใต้การปกครองของหอการค้าอาซู เพราะแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเส้นเลือดแร่เกรดสาม แต่มันก็ดรอปคริสตัลเวทย์มนต์ด้วย
คริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้น !!!
มันนับเป็นจำนวนมหาศาลมากจริงๆสำหรับมหาอำนาจต่างๆทุกกลุ่มในทวีปด้านตะวันตก
ไม่เพียงแต่การได้รับคริสตัลเวทย์มนต์มาสามล้านชิ้นจะทำให้เผ่าศักสิทธิ์อยู่เหนือกว่ามหาอำนาจอื่นๆ เมื่อทำการสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย แต่มันยังจะช่วยแก้ปัญหาของกิลสำหรับการขาดวัสดุในการวิจัยหินรูนการต่อสู้ด้วย ซึ่งนี่มันก็จะทำให้เผ่าศักสิทธิ์สามารถสร้างหินรูนการต่อสู้ขั้นสามขึ้นมาได้ และเมื่อตอนนั้นมาถึง เผ่าศักสิทธิ์ก็สามารถยืนอยู่ท่ามกลางมหาอำนาจต่างๆได้อย่างแท้จริง และกิลอาจจะมีศักยภาพในการเติบโตมากกว่าซุเปอร์กิลบางกิลที่ทวีปด้านนี้ด้วยซ้ำ
“แน่นอน แต่ข้อเสนอของฉันมันก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของคุณในการเจรจา ผู้อาวุโสสูงสุด …” ซือเฟิงกล่าว เมื่อเขาเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและตื่นเต้นของอดอล์ฟ เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับเอฟเฟคของคริสตัลเวทย์มนต์ที่นี่
แม้ว่าซือเฟิงจะรู้ดีว่าคริสตัลเวทย์มนต์นั้นมีค่ามากในทวีปด้านตะวันตก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าแม้แต่ตัวตนอย่างอดอล์ฟก็ยังจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเร่าร้อน เมื่อได้ยินข้อเสนอแบบนี้ของเขา
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อดอล์ฟก็กัดฟัน และพูดว่า “ตกลง ฉันสามารถจะเป็นตัวแทนของเผ่าศักสิทธิ์ ในการยอมรับคำขอของคุณได้ อย่างไรก็ตามเผ่าศักสิทธิ์จะสามารถส่งผู้เล่นระดับสูงแปดหมื่นคน และผู้เชี่ยวชาญสองหมื่นคนเท่านั้นไปปกป้องเมืองกิลของคุณได้ และผู้เล่นเหล่านี้จะทำได้ดีไหม มันก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมการของคุณ”
“กองทัพหนึ่งแสนคนนั่นก็เพียงพอแล้ว เพียงแต่ว่าฉันจะขอยืมหนึ่งในกองกำลังหลักของคุณเพื่อไปยึดเมืองสักหน่อย” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
กองทัพผู้เล่นระดับสูงแปดหมื่นคน และผู้เชี่ยวชาญสองหมื่นคน ถือเป็นขีดจำกัดที่กิลชั้นสูงแทบทุกกิลในทวีปด้านตะวันออกสามารถจะส่งมาเพื่อปกป้องเมืองกิลของตัวเองได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามการจะปกป้องเมืองกิลด้วยกองทัพแค่หนึ่งแสนคนในทวีปด้านตะวันตกนั้นมันก็ค่อนข้างยากสักหน่อย
“นั่นไม่มีปัญหา ฉันจะส่งกองกำลังของแม๊คอาฟรี่ไปช่วยคุณ อย่างไรก็ตามฉันต้องเตือนคุณก่อนว่า หากกองกำลังของเราสูญเสียไปมากกว่าสามสิบเปอเซ็นต์ พวกเขาจะล่าถอยทันที”
คำขอเพิ่มเติมของซือเฟิงนั้นไม่ได้ทำให้อดอล์ฟประหลาดใจ การยึดเมือง NPC นั้นนับเป็นวิธีการที่เร็วที่สุดแล้วที่จะทำให้เขามีเมืองกิลในทวีปด้านตะวันตก
หลังจากนั้นซือเฟิงและอดอล์ฟก็ได้ทำการเซ็นสัญญาระหว่างกันที่ค่อนข้างจะมั่นคง โดยสัญญานั้นระบุว่าเผ่าศักสิทธิ์จะรวบรวมวัสดุหายากทั้งหมดที่ซือเฟิงร้องขอมาให้ภายในเจ็ดวัน และก็ให้ซือเฟิงสามารถเข้าถึง และบัญชาการกองทัพหนึ่งแสนคนของพวกเขาเพื่อปกป้องเมืองสภาสิบแปดปีกได้เป็นเวลาสามเดือน ในการแลกเปลี่ยน ซือเฟิงจะจ่ายให้เผ่าศักสิทธิ์ด้วยด้วยคริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้น และเผ่าศักสิทธิ์จะกลายเป็นพันธมิตรแต่เพียงผู้เดียวของสภาสิบแปดปีกในทวีปด้านตะวันตก และวัสดุใดๆที่สภาสิบแปดปีกต้องการจะต้องซื้อจากเผ่าศักสิทธิ์ เว้นแต่ว่าจะมีฝ่ายอื่นที่สามารถเสนอราคาถูกกว่าได้
เมื่อเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว แม๊คอาฟรี่ก็ได้รับคำสั่งให้นำกองกำลังของเขากลับมาที่เมืองสิงโตเงินเพื่อมาพบกับซือเฟิง และซือเฟิงก็ได้รับอำนาจเต็มในการควบคุมกองกำลังนี้
เมืองสิงโตเงิน สถานที่พักกิลของเผ่าศักสิทธิ์ :
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม บอกแผนของคุณมาหน่อยได้ไหม ? ด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเรา มันมีเมืองเพียงแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้นในแผนที่เลเวลเก้าสิบที่เราจะสามารถเข้ายึดได้ และเมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากในการป้องกันเมืองแล้ว ฉันขอแนะนำให้เราเข้าไปยึดเมืองในแผนที่เลเวลแปดสิบแทน” แม๊คอาฟรี่กล่าวแนะนำ ขณะที่เขาชี้ไปที่พื้นที่บนแผนที่ที่เขาถือ
การยึดเมืองในแผนที่เลเวลเก้าสิบนั้นทำได้ค่อนข้างยากมาก อันเนื่องมาจากมันมี NPC เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หรือไม่ก็มอนสเตอร์ที่เลเวลนี้จำนวนมากปกป้องเมืองอยู่ และเผลอๆพวกเขาอาจจะต้องพบกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยด้วย
ดังนั้นการยึดเมืองในแผนที่เลเวลแปดสิบจึงจะทำได้ง่ายกว่ามาก แม้ว่าพื้นที่เหล่านี้จะเป็นพื้นที่เลเวลต่ำ แต่เมืองกิลนั้นก็สามารถจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งอื่นได้ทุกเมื่อ เมื่อมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังต้องการเพียงแค่ฐานที่มั่นในทวีปด้านตะวันตก ไม่ได้คิดจะแข่งขันแย่งชิงอำนาจเหนือทวีปด้านนี้ ดังนั้นการยึดเมืองในแผนที่เลเวลแปดสิบจึงจะตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของ
กิลมากกว่า
“ไม่ ฉันไม่สนใจเมืองเหล่านี้ !!! ฉันต้องการป้อมปราการแสงดาว ที่หุบเขาดาว !!!” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาชี้ไปยังสถานที่ซึ่งค่อนข้างจะอยู่ห่างจากจักรวรรดิจันทราสีเงิน เพื่อความแม่นยำต้องบอกเลยว่าจุดที่เขาชี้นั้นคือ ป้อมปราการแสงดาว ในหุบเขาดาว ซึ่งเป็นดินแดนต้องห้ามทางตอนใต้ของทวีปด้านตะวันตก และการเข้ายึดป้อมนี้ให้ได้เป็นเป้าหมายหลักของเขาเลยในการเดินทางมายังทวีปด้านตะวันตกรอบนี้