เครื่องหมายระดับเงิน
พร้อมกับเสียงตะโกนของซือเฟิง พลังสึกกร่อนก็เริ่มไหลออกมาจากเกราะ Disintegration และเข้าล้อมรอบพื้นที่รอบซือเฟิง ในเวลาเดียวกันส่วนหนึ่งของพลังสึกกร่อนก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของซือเฟิง และยกระดับของเขาไปสู่ขั้นสี่ในทันที
ทันใดนั้นข้อจำกัดเชิงพื้นที่ และแรงกดดันที่น่ากลัวซึ่งเดิมทีทำให้ร่างกายของซือเฟิงนั้นอ่อนแอลงอย่างมากมันก็ไร้ผลไป และทำให้เขาสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แต่ซือเฟิงก็ยังไม่รู้สึกปลอดภัยเลย ในทางตรงกันข้ามตอนนี้ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขายังอยู่ในขั้นสาม เขารู้สึกว่าการโจมตีครั้งที่สามของอีเลียดี้นั้นไม่ได้มีมานาประกอบมากเท่ากับการโจมตีครั้งที่สองของเธอ อย่างไรก็ตามหลังจากถูกยกระดับให้มาถึงขั้นสี่ชั่วคราว เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นคิดผิดไปมากแค่ไหน
ปัจจุบันพื้นที่ภายในรัศมีห้าสิบหลารอบอีเลียดี้นั้นเต็มด้วยมานาที่หนาแน่นราวกับเหล็กกล้า
ใน God domain การดำรงอยู่ของมานานั้นคล้ายกับอากาศ และมันจะรวมตัวกันเป็นหมอกหลังจากที่มันมีความหนาแน่นของมานาสูงเพียงพอแล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามมานาที่อยู่รอบๆอีเลียดี้นั้นได้อยู่เหนือสถานะของหมอกและของเหลวไปแล้ว
โดยปกติแล้วใน God domain ยิ่งมานาผ่านการกลั่นให้บริสุทธิ์มามากเท่าไหร่ พลังงานของมันก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
หากนำมานาที่อยู่ในสถานะก๊าซไปรวมกับคริสตัลเวทย์มนต์ จำนวนพลังงานที่จะได้รับก็จะมีปริมาณที่แตกต่างกันมาก
เมื่อเห็นการโจมตีที่น่ากลัวของอีเลียดี้กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา ซือเฟิงก็ได้ผลักดันประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาไปให้ถึงขีดจำกัด และใช้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่าง Void Slash เพื่อตอบโต้การโจมตีนี้ ก่อนที่เขาจะอธิษฐานในใจว่าขอร้องล่ะ โปรดป้องกันมันให้ได้เถอะ !!!
ในช่วงเวลาต่อมาลำแสงดาบหกลำแสงก็ปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากนั้นมันก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันปะทะเข้ากับการโจมตีของอีเลียดี้
เมื่อรวมกับผลของสกิลเบอเซิกร์ของซือเฟิง การโจมตีนี้ของเขาอาจจัดว่ามีพลังมากที่สุดเท่าที่ซือเฟิงจะสามารถทำได้ในปัจจุบันแล้ว ในความเป็นจริงเขาได้ใช้สกิล Void Slash ด้วยอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วย ซึ่งมัจะสามารถทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปปลิวกระเด็นไปได้ไกลเลยอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นไปได้มากว่า แม้แต่ NPC ขั้นสี่นั้นก็ไม่มีข้อยกเว้น
ตู้ม !!
เสียงนั้นดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ หลังจากการโจมตีของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน และภูเขาศักสิทธิ์ทั้งลูกนั้นก้มีการสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ในช่วงเวลาต่อมา ร่างหนึ่งก็ปลิวกระเด็นออกมาจากศาลเจ้าแห่งแรกของภูเขาศักสิทธิ์และไปหยุดอยู่ที่เชิงเขา ซึ่งการปลิวกระเด็นของร่างนี้ก็ได้ทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟที่มีความลึกกว่าสามเมตรเลย
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ฉันรอมานานมากแล้วสำหรับการท้าทายของผู้มีร่างมานาระดับอีปิค ถ้าเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาของพวกเขาได้มากกว่านี้อีกสักหน่อยก่อนจะมาถึงที่นี่ และเมื่อรวมกับพลังในฐานะตัวตนขั้นสี่ชั่วคราวของเขา เขาอาจจะสามารถต้านทานการโจมตีครั้งสุดท้ายของฉันได้ !!!” อีเลียดี้กล่าวพลางถอนหายใจ เมื่อเธอเห็นซือเฟิงปลิวกระเด็นหายไปจากศาลเจ้า
อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง จากนั้นร่างของเธอก็หายไปจากศาลเจ้าและมาปรากฎขึ้นอีกครั้งที่เชิงเขา เพื่อความแม่นยำเธอได้มาปรากฎตัวขึ้นข้างปล่องภูเขาไฟที่ร่างของซือเฟิงปลิวกระเด็นมา
“เขาไม่ตายงั้นหรอ ?” ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของอีเลียดี้เป็นครั้งแรก เมื่อเธอเห็นซือเฟิงยืนขึ้นมาได้จากในปล่องภูเขาไฟ
แม้ว่านักดาบจะรับการโจมตีของเธอเข้าไป แต่ HP ของเขานั้นก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว มันมีเพียงแค่รอยแตกเชิงพื้นที่เท่านั้นที่เห็นได้ชัดว่าล้อมรอบเขาอยู่ อย่างไรก็ตามรอยแตกเหล่านี้ก็ซ่อมแซมตัวเองและในที่สุดบาเรียที่สมบูรณ์ก็ได้ก่อตัวขึ้นรอบตัวเขา
เกือบไปแล้วจริงๆ …. ถ้าฉันไม่มีสกิลของผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์อย่างโล่วอย การโจมตีเมื่อครู่จะฆ่าฉันแน่นอน ซือเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่เขามองไปยังบาเรียที่ปกป้องเขา
เขายอมรับเลยว่าเขาได้ประเมินการโจมตีครั้งสุดท้ายของอีเลียดี้ต่ำไปมาก
การโจมตีครั้งสุดท้ายของเธอนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าการโจมตีของปืนใหญ่มานาของเรือเหาะมังกรสีเลือดซะอีก ซึ่งการโจมตีของเธอนั้นเทียบได้กับปืนใหญ่ระดับเเวทย์เอลฟ์เลย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีตัวตนที่สามารถแสดงพลังที่สูงสุดของขั้นสี่ได้ ในการโจมตีปกติของขั้นสาม
โชคดีที่เขามีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่กับตัวมากกว่าหนึ่งชิ้น และหนึ่งในนั้นยังเป็นไอเทมที่เน้นไปในด้านการป้องกันด้วย ไม่งั้นมันจะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นจริงๆที่รอเขาอยู่ในการทดสอบนี้
หลังจากเฉลิมฉลองอยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็รีบปีนขึ้นจากปล่องภูเขาไฟและเดินไปหาอีเลียดี้อย่างรวดเร็ว
“ท่านหญิงอีเลียดี้ ฉันผ่านการทดสอบหรือยัง ?” ซือเฟิงถามขณะมองไปยังเทพธิดา
แม้ว่าเขาจะรอดชีวิต แต่เขาก็ถูกส่งให้ปลิวกระเด็นลงมาจากภูเขาศักสิทธิ์ เนื่องจากข้อตกลงที่เขาทำไว้กับอีเลี้ยดี้นั้นคือ เขาต้องรับการโจมตีของเธอให้ได้สามครั้ง เขาจึงไม่แน่ใจว่าการถูกส่งให้ปลิวกระเด็นออกมาจากศาลเจ้าจะถูกตัดสิทธิ์ไหม เพราะอีเลียดี้ไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน
“คุณผ่านแล้ว …” อีเลียดี้กล่าวพลางพยักหน้า “ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงของคุณนั้นมันยอดเยี่ยมมากจริงๆ คุณสามารถรับการโจมตีทั้งสามของฉันได้โดยที่ยังไม่สามารถปลดล๊อคร่างมานาของคุณได้อย่างเต็มศักยภาพทั้งหมด ในบรรดาผู้ท้าทายทั้งหมดที่ฉันเจอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณเป็นคนแรกจริงๆที่ทำได้สำเร็จเพื่อเป็นรางวัลไม่เพียงแต่ฉันจะมอบคำแนะนำเรื่องมรดกให้กับคุณ แต่ฉันจะมอบเครื่องหมายระดับเงินของป้อมปราการแสงดาวให้กับคุณด้วย”
หลังจากพูดจบ อีเลี้ยดี้ก็ดึงอักษรรูนสีเงินขึ้นมากลางอากาศ และทำการสลักมันลงไปในโทเค่นที่ผูกไว้รอบข้อมือของซือเฟิง
ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณได้รับเครื่องหมายระดับเงิน และกลายเป็นลอร์ดระดับเงินแห่งป้อมปราการแสงดาว คุณสามารถจะเข้าสู่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการได้อย่างอิสระ และสามารถใช้ประโยชน์จากฟังชั่นขั้นสูงของป้อมปราการแสงดาวได้
ระบบ : คุณสามารถผ่านความท้าทายของผู้สร้างประตูมรดกได้สำเร็จ รางวัล เลเวล
บวกเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล และคำแนะนำเรื่องมรดก
เมื่อได้รับเสียงแจ้งเตือนของระบบที่ดังขึ้นเป็นชุดๆซือเฟิงก็ตกอยู่ในความงุนงง เขาไม่เคยคิดเลยว่ารางวัลสำหรับการผ่านความท้าทายนี้มันจะมากขนาดนี้
เพียงแค่โอกาสในการที่จะได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกก็มีค่ามากพอๆกับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานแล้ว ในความเป็นจริงถ้าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาน่าจะเต็มใจแลกเปลี่ยนเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานกับคำแนะนำเรื่องมรดกเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วใน God domain ความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นมีความสำคัญสูงสุด สิ่งของภายนอกเช่นอาวุธหรืออุปกรณ์นั้นจัดว่าเป็นเรื่องรอง
ยิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ การจะได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ยกตัวอย่างเช่นผู้เชี่ยวชาญอิสระบางคนของทีมนักผจญภัย ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่มีบริษัทใดๆสนับสนุน แต่พวกเขาก็สามารถจะก้าวขึ้นไปยืนในจุดสูงสุดของ God domain ได้
ในขณะเดียวกันคนเหล่านี้ก็ประสบความสำเร็จโดยอาศัยพลังของตัวเองทั้งหมด
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกแล้ว เขายังได้รับเครื่องหมายระดับเงินของป้อมปราการแสงดาวมาด้วยเช่นกัน หากมหาอำนาจต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาจะได้ไล่ควักหัวใจของซือเฟิงแน่ๆ
ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเพื่อเพิ่มอำนาจของพวกเขาในป้อมปราการโบราณที่พวกเขาควบคุม มหาอำนาจต่างๆนั้นได้ทุ่มทรัพยากรนับไม่ถ้วนเพื่อจะเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขึ้นมา อย่างไรก็ตามมันก็มีมหาอำนาจเพียงแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่สามารถรับเอาเครื่องหมายระดับเงินมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับป้อมปราการโบราณที่เป็นที่ตั้งของประตูระดับทองด้วย
นี่เป็นเพราะว่าเครื่องหมายระดับเงินนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดแค่ไม่กี่คนจะสามารถนำเอามันมาได้ การจะได้รับเครื่องหมายระดับเงินนั้นมันจำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญสิบคนไปถึงศาลเจ้าแห่งที่สองของภูเขาศักสิทธิ์ หรือไม่งั้นก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญสามคนที่สามารถไปถึงยอดภูเขาศักสิทธิ์ได้ในครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้นความยากในระดับที่สองของภูเขาศักสิทธิ์ก็ยังยากกว่าในระดับแรกมาก
ระดับแรกของภูเขาศักสิทธิ์นั้นเป็นระดับพื้นฐานที่สุดสำหรับการทดสอบของมรดกแล้ว มันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือให้ผู้เล่นศึกษามากกว่าเป็นความท้าทาย
อย่างไรก็ตามมันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป เมื่อผู้เล่นเข้าสู่ระดับที่สองของภูเขาศักสิทธิ์ ระดับที่สองหรือสูงกว่าขึ้นไปนั้นจะแตกต่างจากเดิมมาก มันไม่ได้มีไว้ให้ผู้เล่นศึกษา มันมีไว้ให้ผู้เล่นเอาชีวิตรอดเป็นหลัก
ในกรณีของระดับที่สองของภูเขาศักสิทธิ์ที่เป็นประตูระดับทองแดง ผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณฮีโร่ขั้นสามที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และที่อ่อนแอที่สุดในหมู่วิญญาณฮีโร่เหล่านี้นั้นก็อยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวก่อนการปรับแต่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นต้องต่อสู้กับวิญญาณฮีโร่จำนวนมากพร้อมกันด้วย
สำหรับระดับที่สามของภูเขาศักสิทธิ์นั้นมีข่าวลือฝ่ายตรงข้ามของผู้เล่นจะเป็นฮีโร่ขั้นสามที่แท้จริงเลย
แน่นอนว่าผู้เล่นไม่จำเป็นจะต้องเอาชีวิตรอดนานถึงสามสิบนาที ในระดับที่สองหรือสูงกว่าขึ้นไป อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงจะต้องเอาตัวรอดให้ได้สิบนาที
หากประตูระดับทองแดงยังยากขนาดนี้ ซือเฟิงก็ไม่กล้าจะจินตนาการเลยว่าอะไรจะรอเขาอยู่ในระดับที่สองของภูเขาศักสิทธิ์ในประตูระดับทอง
“เอาล่ะ ฉันมีทางเลือกให้คุณ คุณต้องการรับคำแนะนำเกี่ยวกับการปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาระดับอีปิค หรือต้องการจะรับคำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคมานา ?” อีเลียดี้กล่าวถาม ขณะที่เธอจ้องมองไปยังการแสดงออกอันตกตะลึงของซือเฟิง