Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2468

เอฟเฟคของเครื่องหมายระดับเงิน

ขณะที่ซือเฟิงและคนอื่นๆเดินเข้าไปในคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครอง พวกเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าสภาพจิตใจที่อ่อนแอล้าของพวกเขานั้นได้รับการฟื้นฟูทันที

“ความหนาแน่นของมานาในพื้นที่นี้นั้นสูงมากๆ !!!” อควาโรสอุทานออกมา เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงมานาภายในคฤหาสถ์ “มันสูงกว่าที่เมืองสภาสิบแปดปีกอย่างน้อยสองเท่า !!!”

จากเมืองกิลทั้งหมดใน God domain นั้น ความหนาแน่นของมานาในเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นจัดว่าสูงที่สุด

นี่เป็นสาเหตุที่เมืองสภาสิบแปดปีกนั้นยังคงได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้เล่น แม้ว่ามันจะตั้งอยู่ในเขตแดนของอาณาจักรสตาร์มูน ที่เป็นแผนที่ที่มีเลเวลต่ำกว่าเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นแล้ว ปัจจุบันยอดการเข้าเยี่ยมชมเมืองรายวันยังคงเกินหกล้านคน ซึ่งหากจัดอันดับจริงๆเมืองมียอดการเข้าเยี่ยมชมจากผู้เล่นเป็นรองแค่เมืองสตาร์มูน กับเมืองไวท์ริเวอร์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามแม้จะมีมานาที่เบาบางในหุบเขาดาว แต่ภายในคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการแสงดาวนั้นกับมีความหนาแน่นของมานาสูงกว่าเมืองสภาสิบแปดปีกอย่างน้อยสองเท่า จากสิ่งที่อควาโรสคิดออก มันจะมีก็แต่เพียงมานาในเมืองไททันเท่านั้นที่จะเทียบกับมานาภายในคฤหาสถ์นี้ได้

“ด้วยสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ แม้แต่การฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงก็จะไม่เป็นปัญหาที่นี่เลย …” หยานเทียนซิงแสดงความคิดเห็นด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นในทำนองเดียวกัน เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงมานารอบตัวเขา

การฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้นั้นมันจัดเป็นภาระอย่างมากโดยเฉพาะกับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่น หากสภาพแวดล้อมไม่มีมานาที่หนาแน่นเพียงพอ อัตราการฟื้นฟูของพวกเขาจะไม่สามารถตามทันอัตราการผลาญใช้งานได้ ผู้เล่นนั้นจะต้องพักผ่อนเป็นเวลานานเลย หลังจากได้ฝึกใช้เทคนิคการต่อสู้ไปจำนวนหนึ่งแล้ว และการฝึกโดยทำแบบนี้ไปก็จะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

ในขณะเดียวกันเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงนั้นยิ่งฝึกฝนได้ยาก และยิ่งผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก การใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงแต่ละครั้งจะผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมากกว่าการใช้เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้เล่นไม่ได้เชี่ยวชาญในการใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง การใช้มันก็จะยิ่งเพิ่มภาระให้กับค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขา ดังนั้นตอนนี้มหาอำนาจต่างๆจึงมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น และแม้แต่สภาสิบแปดปีกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“สถานที่นี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่ไว้ใช้ฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงเท่านั้นนะ …” เมื่อมองไปที่สีหน้าตื่นเต้นของทุกคน ซือเฟิงก็ชี้ไปที่ห้องมรดกที่อยู่ใกล้ๆและอธิบายว่า “ที่นี่ยังมีห้องฝึกมานา ในนั้นผู้เล่นไม่เพียงแต่จะสามารถฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ได้เท่านั้น แต่ยังฝึกการควบคุมมานาได้ด้วย ซึ่งประสิทธิภาพที่จะได้รับหลังจากการฝึกภายในนั้นมันก็สูงกว่าโลกภายนอกหลายเท่าเลย มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าห้องเหล่านี้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดตอนนี้ในการฝึก”

ในฐานะป้อมปราการที่คงอยู่มาตั้งแต่โบราณ ป้อมปราการแสงดาวนั้นไม่ได้ดูเรียบง่ายอย่างที่เห็นเลย มาตราฐานเทคโนโลยีเวทย์มนต์ที่ป้อมปราการครอบครองอยู่นั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่ประเทศต่างๆใน God domain ในปัจจุบันก็ยังทำได้แค่ชื่นชม นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงนั้นล้วนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงป้อมปราการโบราณ

น่าเสียดายที่ป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นเพียงป้อมปราการขนาดเล็ก และคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองที่นี่ก็มีขนาดไม่ใหญ่นัก โดยมันมีทั้งหมดแค่ห้าชั้นเท่านั้น ซึ่งแบ่งออกเป็นชั้นปกติสองชั้น และชั้นใต้ดินสามชั้น

ในขณะเดียวกันทุกชั้นเหล่านี้ล้วนได้รับการปรับปรุงโดยวงเวทย์แทบทุกประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานโดยรอบ รวมทั้งช่วยเร่งอัตราการฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นด้วย แถมผู้เล่นยังจะสามารถสะสมดับเบิ้ลบัฟ EXP ได้ เมื่ออยู่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกลัวจะตามหลังเลยในแง่ของเลเวล แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาฝึกฝนในคฤหาสถ์เป็นเวลานานก็ตาม

สำหรับห้องฝึกมานานั้นมันมีอยู่เพียงแค่สามสิบห้องในคฤหาสถ์ ขณะที่ในป้อมปราการขนาดกลางนั้นมันจะมีอยู่มากกว่านี้สองเท่า ส่วนป้อมปราการขนาดใหญ่นั้นจะมีห้องแบบนี้อยู่หนึ่งร้อยห้าสิบห้อง ซึ่งความสามารถในการช่วยผู้เล่นของป้อมปราการโบราณขนาดใหญ่นั้นมากกว่าป้อมปราการโบราณขนาดเล็กหลายเท่าเลย และด้วยป้อมปราการแสงดาว สภาสิบแปดปีกจะสามารถเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นมาได้อีกแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนี่ก็นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ซือเฟิงจะสามารถทำได้แล้วในตอนนี้ เพราะท้ายที่สุดความยากลำบากในการเข้ายึดป้อมปราการขนาดกลางและขนาดใหญ่นั้นสูงกว่าขนาดเล็กหลายเท่า

โดยทั่วไปป้อมปราการขนาดใหญ่นั้นจะมีมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายคอยปกป้องอยู่ ในขณะที่ป้อมปราการขนาดกลางนั้นก็มีโอกาสเล็กน้อยที่จะมี มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายปรากฎตัวมาเป็นบอสผู้พิทักษ์ตัวสุดท้าย ป้อมปราการขนาดกลางนั้นจะมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอื่นๆอีกมากมายอยู่ภายใน ป้อมปราการขนาดกลางนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นแค่ไม่กี่คน และฮีโร่ขั้นสี่จะสามารถยึดได้ง่ายๆ ในความเป็นจริงในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง มหาอำนาจต่างๆเริ่มเข้ายึดป้อมปราการขนาดกลางและขนาดใหญ่ในหุบเขาดาวได้ก็หลังจากที่ผู้เล่นมาถึงขั้นสี่กันแล้วเท่านั้น

หลังจากที่ซือเฟิงทำการแนะนำทุกคนอย่างคร่าวๆ เขาก็ได้พาทุกคนไปที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองของคฤหาสถ์

ชั้นใต้ดินชั้นที่สองนี้มันมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และมันมีเพียงแค่สองห้อง ซึ่งหนึ่งในห้องเหล่านี้เป็นห้องหลักที่รับผิดชอบในการควบคุมวงเวทย์ของป้อมปราการ ในขณะที่อีกห้องนั้นมีประตูขนาดใหญ่กว่าให้เข้าไปโดยประตูนั้นล้วนสร้างจากคริสตัลเวทย์มนต์ทั้งหมด

ซึ่งห้องที่มีประตูที่ทำจากคริสตัลเวทย์มนต์นี้นั้นจัดเป็นสถานที่ที่ล้ำค่าที่สุดใน
คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ

ห้องมรดก !!!

สถานที่แห่งนี้นั้นจัดว่ามีค่าอย่างมากที่สุดแน่นอน หากไม่นับประตูมรดก ในแง่ของการช่วยให้ผู้เล่นปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเอง ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของมหาอำนาจต่างๆในการดูแลผู้เชี่ยวชาญของกิล

ใน God domain ร่างมานาอาจถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสนับสนุนของผู้เล่นเท่านั้น อันเนื่องมาจากมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ผู้เล่นจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้ทั้งหมดหลังจากที่มาถึงขั้นสามแล้ว อย่างไรก็ตามยิ่งผู้เล่นปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำระหว่างพวกเขากับผู้เล่นคนอื่นขึ้นมากอย่างชัดเจน
เนื่องจากยิ่งผู้เล่นสามารถควบคุมร่างมานาของตัวเองได้ดีเท่าไหร่ รูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาก็จะยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้นและได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันมันก็ต้องใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

นอกจากนี้หากผู้เล่นต้องการจะปรับปรุงร่างมานาของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น กล่าวคือให้ทะลุเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องปลดล๊อคศักยภาพทั้งหมดของร่างมานาของพวกเขาให้ได้ก่อน และหลังจากทำเช่นนั้นได้แล้วพวกเขาจึงจะสามารถลองพยายามให้มันทะลุเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ ซึ่งความสำเร็จของผู้เล่นก็จะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาไปถูกทางไหม

หากผู้เล่นพบว่าพวกเขาทำผิดพลาด พวกเขาก็ยังจะสามารถเปลี่ยนวิธีการปลดล๊อคศักยภาพศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้

ดังนั้นยิ่งผู้เล่นคนใดสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองใน God domain ได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น

แน่นอนว่าห้องมรดกนั้นก็มีข้อบกพร่องมากเช่นกัน มันสามารถทำให้ผู้เล่นนั้นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการมีร่างมานาที่ปลดล๊อคแล้วสมบูรณ์แบบตามรากฐานปัจจุบันของพวกเขา แต่มันจะไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงเส้นทางที่เด่นชัด

ถึงกระนั้นการได้รับความช่วยเหลือจากห้องมรดกก็ยังดีกว่าการทดลองไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าในห้องมรดกหลายเท่า

หลังจากที่มาถึงหน้าประตูที่ทำจากคริสตัลเวทย์มนต์ที่สูงสี่เมตร และกว้างสามเมตร ซือเฟิงก็นำโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการขึ้นมา และเริ่มร่ายเวทย์ที่บันทึกไว้ภายในนี้เพื่อเรียกวงเวทย์ออกมา

ในช่วงเวลาต่อมาวงเวทย์ที่เรียกออกมาจากโทเค่นก็เปล่งแสงสีน้ำเงินออกมาก่อนที่มันจะพุ่งไปสะท้อนกับวงเวทย์ที่ถูกแกะสลักไว้บนประตู โดยวงเวทย์บนประตูก็ได้เปล่งแสงสีเงินออกมาเช่นกัน

ซึ่งหลังจากนั้นประตูที่ปิดสนิทอยู่ก็เริ่มเปิดออก และทุกคนก็รู้สึกได้ทันทีถึงความหนาแน่นของมานาที่ไหลออกมาจากห้องมรดก โดยเมื่อร่างของพวกเขาอาบไปด้วยมานานี้ทุกคนก็รู้สึกว่าจิตใจของพวกเขานั้นชุ่มชื่นและปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในเวลาเดียวกัน เสียงการแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง

ระบบ : คุณได้ใช้งานห้องมรดกระดับเงิน ห้องนี้สามารถใช้งานได้สิบสองครั้งต่อเดือน และสามารถเข้าได้เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน โดยผู้เล่นจะสามารถสัมผัสความรู้สึกที่ร่างมานาถูกปลดล๊อคแล้วอย่างสมบูรณ์แบบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ตามมาตราฐานของปัจจุบันของพวกเขา เป็นเวลาห้านาที และเมื่อมันจบลง ผู้เล่นจะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่ห้องมรดกอีกเป็นเวลาหนึ่งเดือนตามธรรมชาติ

เครื่องหมายระดับเงินให้ประโยชน์แบบนี้ด้วยงั้นหรอ ? ซือเฟิงจ้องมองไปที่โทเค่นในมือของเขาด้วยความประหลาดใจ

ความแตกต่างระหว่างสามนาทีและห้านาทีนั้นอาจไม่นานมากนัก แต่อย่างไรก็ตามการได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ร่างมานาถูกปลดล๊อคอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนานกว่าเดิมมันก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

ซึ่งเครื่องหมายระดับเงินนี้มันก็ช่วยเพิ่มเวลาขึ้นอีกถึงสองนาทีเลยทีเดียว

ในขณะนี้ซือเฟิงก็เข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆถึงทุ่มลงทุนให้กับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของพวกเขาจำนวนหนึ่งให้ท้าทายประตูมรดกเพื่อรับเอาเครื่องหมายระดับเงินมาให้ได้ พวกเขาทำกันเพราะแบบนี้นี่เอง ….

“เอาล่ะ คนไหนจะเข้าไปก่อน ?” ซือเฟิงถามขณะที่เขาหันไปมองยังอควาโรสและคนอื่นๆ

เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง อควาโรสและคนอื่นๆก็มองกันและกันอย่างลังเล พวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเขาควรเข้าไปในห้องมรดกตอนนี้เลยดีไหม เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงได้บอกพวกเขาแล้วว่าพวกเขามีโอกาสแค่เดือนละครั้ง ซึ่งถ้าพวกเขาพลาด พวกเขาก็จะต้องรออีกหนึ่งเดือนเลย ซึ่งมันอาจจะสายเกินไปในบางเรื่อง ….

“ฉันจะไปก่อน” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวหลังจากครุ่นคิด

“เอาล่ะ เพียงแค่เดินตรงเข้าไปในห้อง เมื่อเข้าไปแล้วก็ให้มุ่งความสนใจไปที่ร่างมานาของตัวเอง และพยายามให้ดีที่สุดเพื่อจะปรับให้เข้ากับสิ่งที่เธอได้รู้สึกในนั้น” ซือเฟิงกล่าวแนะนำขณะชี้ไปยังห้องมรดกที่มีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลครึ่งสนาม
สถานการณ์ภายในห้องมรดกนั้นมันตรงกันข้ามกับสถานการณ์ภายในประตูมรดก

มันแตกต่างจากที่ประตูมรดกก็ตรงที่ห้องนี้นั้นมีความหนาแน่นของมานาสูงมากๆ และในขณะที่ยืนอยู่ในห้องนี้ผู้เล่นจะได้รู้เลยว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสัมผัสถึงการไหลของมานาในร่างกายของตนเองได้อย่างชัดเจน พวกเขานั้นจะสามารถพึ่งพาได้แค่สัญชาตญาณเท่านั้น

“ฉันเข้าใจแล้ว” ไฟเออร์แดนซ์พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง

ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ไฟเออร์แดนซ์เข้าสู่ห้องมรดก ประตูก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ในขณะที่ทุกคนที่เฝ้าดูก็เต็มไปด้วยความประหม่า

“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าครั้งนี้จะมีบางคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาแบบสมบูรณ์ได้ไม่สำเร็จ แต่ก็ยังสามารถจะลองพยายามกันต่อไปได้ในโลกภายนอก และมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ทุกคนจะปลดล๊อคได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าให้คิดว่านี่คือโอกาสที่จะได้สัมผัสมันล่วงหน้า” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนประหม่าแค่ไหน

โอกาสที่ห้องมรดกมอบให้นั้นมันสำคัญมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาแบบสมบูรณ์ได้หลังจากเข้าสู่ห้องมรดก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้ในอนาคต พวกเขานั้นสามารถจะทำได้ เพียงแต่ต้องจ่ายในราคาที่สูงหน่อย

ทันใดนั้นอควาโรสก็ได้รับข้อความหนึ่งเข้ามา และหลังจากอ่านจบ เธอก็หันไปหาซือเฟิงและพูดว่า “หัวหน้ากิลแม๊คอาฟรี่ส่งข้อความมาหาฉันอีกครั้งแล้ว เขาบอกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และเขาขอให้หัวหน้าไปพบเขาตอนนี้”

“มันเร่งด่วนขนาดนั้นเลยหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าทำไมแม๊คอาฟรี่ถึงพยายามจะติดต่อเขา “เอาล่ะ เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็คงต้องไปก่อน ต่อแถวทยอยกันเข้าใช้ไปแล้วกัน …”

หลังจากกล่าวจบซือเฟิงก็ออกจากคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง และมุ่งหน้าไปยังสถานที่พักกิลชั่วคราวของเผ่าศักสิทธิ์ในป้อมปราการแสงดาวทันที

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset