สั่นสะเทือนทั่วทุกด้าน
เมื่อพวกเขารู้ว่าร่างที่ขี่มังกรศักสิทธิ์ ออร์เบ็คมานั้นเป็นซือเฟิง ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วสถานที่พักกิลชั่วคราว ขณะที่ทุกคนจ้องมองไปยังนักดาบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิช ซึ่งมองมายังซือเฟิงด้วยปากที่อ้ากว้างจนแทบจะหุบไม่ได้ ทั้งคู่นั้นรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาดที่มีความแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัด
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขามองเห็นพลังของซือเฟิงแล้ว ในไม่ช้าพวกเขากจะได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่พวกเขารู้มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว
ตัวอย่างเช่นเรือเหาะมังกรสีเลือด และเครื่องมือโดเมนที่ซือเฟิงใช้เป็นตัวอย่าง ซึ่งซือเฟิงมีทั้งเครื่องมือที่สามารถใช้ปราบปรามเบเฮโมทแสงดาว และช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรได้ ซึ่งมหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนอยากได้สิ่งของแบบนี้กันอย่างมาก แม้สักชิ้นก็ยังดี แต่ซือเฟิงกับมีพวกมันทั้งหมด ….
ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังยึดป้อมปราการแสงดาวในหุบเขาดาวได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่มหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกนั้นยังไม่มีใครสามารถทำได้เลยในระยะนี้ของเกม ….
และตอนนี้ซือเฟิงก็ยังมีมังกรอีกด้วย ….
มังกรจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังทำลายล้างแทบสูงสุดใน God domain เลย และแม้แต่อาณาจักรกับจักรวรรดิต่างๆของ NPC ก็ยังต้องปวดหัว เมื่อมันปรากฎตัวขึ้น แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับมีมันตัวหนึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
แม้ว่าออร์เบ็ค จะยังเป็นเพียงมังกรเด็กขั้นสี่ แต่ความแข็งแกร่งของมันก็มีมากเกินพอแล้วที่จะป้องกันมหาอำนาจต่างๆจากการเข้าโจมตีป้อมปราการแสงดาว
“นี่คือเหตุผลที่เขามั่นใจมากสินะ …” ตอนนี้ฟิธาเลียเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ในขณะที่เธอมองไปยังมังกรด้านหลังของซือเฟิง ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมซือเฟิงถึงปฎิเสธข้อเสนอของเธอทันควัน เมื่อได้รู้ว่ามหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกอาจรวมตัวกันโจมตีป้อมปราการแสงดาวได้
ในเมื่อมีออร์เบ็คอยู่ที่นี่ มันจะเป็นการฆ่าตัวตายแน่นอน หากผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆกล้าจะก่อความวุ่นวายในป้อมปราการแสงดาว พวกเขาจะไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ หากออร์เบ็คมองเห็นพวกเขา
ไม่นานหลังจากที่ซือเฟิงมาถึงสถานที่พักกิลชั่วคราวของเผ่าศักสิทธิ์พร้อมกับออร์เบ็ค เหล่าสายลับที่มหาอำนาจต่างๆฝังไว้ในเผ่าศักสิทธิ์ก็เริ่มรายงานกลับไปยังหัวหน้าของพวกเขา
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! เรากำลังพูดถึงมังกรกันนะ !!!”
“ผู้เล่นจะควบคุมมอนสเตอร์ที่ทรงพลังแบบนี้ได้ยังไงกัน ?!!”
เมื่อลูกน้องของพวกเขารายงานเรื่องนี้มา พวกระดับสูงที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ของมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนคิดว่าลูกน้องของพวกเขานั้นลายเป็นคนทรยศที่พยายามจะหลอกล่อพวกเขาด้วยข้อมูลเท็จเพื่อไม่ให้พวกเขาเข้าโจมตีป้อมปราการแสงดาว
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันนั้น พวกระดับสูงก็ยังคงได้รับรายงาที่คล้ายคลึงกันจากสายลับคนอื่นๆทั้งหมดของพวกเขาในเผ่าศักสิทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางจะปฎิเสธความจริงข้อนี้ได้ เพราะมันไมามีทางเลยที่สายลับของพวกเขาจะแปรพักตร์ทั้งหมดในคราวเดียว
เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมและเข้าใจถึงสถานการณ์ของป้อมปราการแสงดาวมากขึ้น พวกเขากระทั่งแอบจ่ายเงินจำนวนมากอย่างลับๆเพื่อเปลี่ยนสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์บางส่วนให้หันมาอยู่ข้างพวกเขา และโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็มั่นใจว่าไม่มีผู้คนใดที่พวกเขาติดสินบนรู้เรื่องของกันและกัน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาได้ป้องกันเรื่องนี้ไว้เสมอเพื่อไม่ให้ผู้เล่นร่วมมือกันส่งข้อมูลเท็จมาให้พวกเขาที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อเผ่าศักสิทธิ์
แม้รายงานนี้จะไม่น่าเชื่อ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะปฎิเสธความจริงได้ หลังจากได้รับรายงานจากสายลับมากกว่าสิบคน ….
ซึ่งเมื่อพวกเขาตรวจสอบข้อมูลแล้ว มันก็ได้ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วมหาอำนาจต่างๆเลยทีเดียว
มหาอำนาจบางส่วนที่วางแผนจะเข้าโจมตีป้อมปราการนั้นก็เริ่มลังเลแล้ว ตอนนี้พวกเขาเริ่มจะคิดแล้วว่าพวกเขาควรจะร่วมมือกับมหาอำนาจกลุ่มอื่นเพื่อจัดการกับซือเฟิง และเผ่าศักสิทธิ์รึปล่าว ….
ก่อนที่มังกรจะปรากฎตัวขึ้นนั้น พวกเขามีความแน่ใจเก้าสิบเปอเซ็นต์ว่าพวกเขาจะสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ และแม้ว่าพวกเขาจะล้มเหลว พวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำให้ป้อมปราการแสงดาวไม่สามารถมีใครเข้ามาอยู่ได้ แม้ว่าเผ่าศักสิทธิ์จะส่งผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของตัวเองมาปกป้องก็ตาม
อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป
หากพวกเขาพยายามเข้ายึดป้อมปราการที่มีมังกรขั้นสี่เป็นผู้พิทักษ์ พวกเขาจะต้องได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ผู้เล่นในปัจจุบันนั้นแทบไม่มีโอกาสจะสร้างรอยขีดข่วนให้กับมังกรที่แท้จริงขั้นสี่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการฆ่ามันเลย ซึ่งนี่เป็นความจริงที่มหาอำนาจต่างๆนั้นได้รู้มานานแล้ว นับตั้งแต่ที่ God domain เปิดตัวมา มังกรหลายตัวนั้นได้รับทำลายเมืองชายแดนของ NPC ไปเป็นจำนวนมาก และที่ทวีปด้านตะวันตกก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามอนสเตอร์พวกนี้มันยิ่งอันตรายกว่าทวีปด้านตะวันออกมาก
แน่นอนว่าหากพวกเขายอมแพ้ในตอนนี้ พวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจะหาโอกาสอีกครั้งเพื่อเข้ายึดป้อมปราการแสงดาว ป้อมปราการแสงดาวนั้นพึ่งถูกยึดได้เมื่อไม่นานมานี้ และแม้ว่าเผ่าศักสิทธิ์จะใช้ทั้งกำลังคนกับทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเร่งซ่อมแซม และวางโครงสร้างการป้องกันของป้อมปราการ แต่กิลนั้นก็ยังไม่สามารถจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในช่วงเวลาสามวันสั้นๆ ดังนั้นเวลานี้มันจึงเป็นเวลาที่ป้อมปราการแสงดาวอ่อนแอที่สุด
หากพวกเขาไม่ทำการโจมตีป้อมปราการแสงดาวในตอนนี้ ความท้าทายมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเมื่อเวลาผ่านไป
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆกำลังพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเขา ทีมสามร้อยคนก็ได้เข้าโจมตีค่ายของสิ่งมีชีวิตปีศาจ ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหุบเขาดาว
ซึ่งค่ายนี้นั้นไม่เพียงแต่จะมีสิ่งมีชีวิตปีศาจมากกว่าหกพันตัว แต่ทุกตัวยังอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสิบ แถมมันยังถูกนำโดยมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบสองอย่างราชันแมงป่องแปดตาด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแบบนี้ แต่ทีมสามร้อยคนก็ยังมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้
พวกเขานั้นสามารถเข้าครอบงำราชันแมงป้องแปดตาได้เลย ไม่ต้องพูดถึงพวกแกรนลอร์ดกับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ที่อ่อนแอกว่า เพราะทั้งทีมนั้นสามารถรับมือและสร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้อย่างง่ายดายเลย
ทั้งทีมนั้นไม่มีใครตายลงเลยแม้แต่คนเดียว ในตอนที่ราชันแมงป่องแปดตาถูกฆ่า แถมพวกเขายังทิ้งซากศพของพวกสิ่งมีชีวิตปีศาจไว้เกลื่อนพื้นด้วย
“ครั้งนี้เราโชคดีมากจริงๆ ไม่เพียงแต่เราจะพบกับค่ายของสิ่งมีชีวิตปีศาจ แต่ราชันแมงป่องแปดตายังดรอปขวานต่อสู้ระดับอีปิค เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยไว้ด้วย ธันเดอร์ ขวานนี้ควรเป็นของนาย …” ชายร่างผอมในชุดเกราะสีดำสนิทพูดขณะเขายื่นขวานต่อสู้ให้กับชายอีกคนที่สูงเกือบสามเมตร และมีร่างที่ปกคลุมไปด้วยอักษรรูน
ถ้าแม๊คอาฟรี่ได้เห็นทั้งหมดนี้เขาจะต้องประหลาดใจ
เพราะทีมนี้คือกองกำลังนรก ซึ่งจัดเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ และสมาชิกทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสามทั้งหมด แถมพวกเขายังมีมาตราฐานการต่อสู้ที่เทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้เลย
ขณะที่ชายร่างผอมผู้นี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าที่หนาแน่นและน่าหวาดกลัว ซึ่งมันดูเหมือนกับว่าเขาจะมีพลังเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันเลยทีเดียว
“ผู้บัญชาการ มีรายงานจากพวกระดับสูงเข้ามา พวกเขาบอกว่ามันมีมังกรเด็กขั้นสี่คอยปกป้องป้อมปราการแสงดาวอยู่ และด้วยเหตุนี้มหาอำนาจจำนวนมากจึงได้ละทิ้งความพยายามที่จะโจมตีป้อมปราการไปแล้ว พวกระดับสูงเตือนให้เราระวังในการเคลื่อนไหว …” แอสซาซินชุดดำขั้นสามรายงานชายร่างผอมทันที
“มังกรเด็ก ?” ริมฝีปากของชายร่างผอมขดขึ้นเป็นรอยยิ้ม “น่าสนใจจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม พวกเขาถึงกล้าจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวโดยไม่สนใจผลที่ตามมา แต่ถ้าพวกเขาคิดว่า พวกเขาจะสามารถหยุดเราได้ พวกเขาก็คิดผิดแล้ว !!!”
มหาอำนาจอื่นๆอาจกลัวมังกรที่ปกป้องป้อมปราการแสงดาว แต่นั่นมันไม่ใช่สำหรับกองกำลังนรก
เหตุนั้นง่ายมาก
มันมีมังกรอยู่เพียงแค่ตัวเดียวในป้อมปราการ แต่กองกำลังนรกนั้นมีสามร้อยคน
หากกองกำลังนรกเข้าไปอาละวาดในป้อมปราการนั้น พวกเขาจะสามารถฆ่าผู้เล่นได้หลายร้อยหรือหลายพันคนก่อนที่มังกรจะมาถึงตัวพวกเขาแน่นอน และพวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีจากมังกรไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กลัวอะไรเลย และเอาเข้าจริงพวกเขามีสิทจะลอบเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้เลยด้วยซ้ำ
“ผู้บัญชาการ ฉันได้รับข้อความสำคัญบางอย่างอีกข้อความหนึ่งมาด้วย ฟิธาเลียได้ขอเจรจากับเรา …” แอสซาซินในชุดดำกล่าวเสริม
“ฟิธาเลีย ?” ชายร่างผอมยิ้มเมื่อได้ยินชื่อนี้ “เนื่องจากเพื่อนเก่าได้เชิญฉันมาอย่างสุภาพแบบนี้ ฉันก็จะต้องแสดงความเคารพที่เหมาะสมที่เธอควรจะได้รับ เตรียมตัวกันได้แล้วทุกคน เราจะมุ่งหน้าไปยังป้อมปราการแสงดาวกัน !!!”