รากฐานที่แท้จริง
คำถามของเฮลรัชนั้นทำให้สมาชิกที่เหลือของกองกำลังนรกในบาเรียมานาตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดนั้นจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ
“นี่เขาเป็นมนุษย์จริงๆงั้นหรอ ?”
พวกเขานั้นเคยได้ยินมาก่อนว่าซือเฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับมังกรเงินศักสิทธิ์ แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะสามารถควบคุมมันแถมยังยับยั้งผลของบาเรียมานาได้ด้วย
การมีอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่งแบบนี้มันก็จะทำให้มหาอำนาจกลุ่มหนึ่งขึ้นไปอยู่เหนือมหาอำนาจต่างๆอีกจำนวนมากแล้ว เพราะท้ายที่สุดทั้งมังกรและเครื่องมือโดเมนนั้นจัดเป็นสมบัติที่มีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อใช้มันปกป้องเมืองหรือป้อมปราการ เพราะมันจะทำให้การโจมตีของมหาอำนาจอื่นๆนั้นไร้ประโยชน์ไปเลย
แต่ตอนนี้พวกเขากับได้รู้ว่าซือเฟิงนั้นมีพวกมันทั้งสองเลย นี่มันบ้าชัดๆ !!!
“ถูกต้อง ฉันคือแบล๊คเฟรม” ซือเฟิงตอบพลางพยักหน้า
“ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะซ่อนความแข็งแกร่งไว้มากมายขนาดนี้ แค่มังกร พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆก็ปวดหัวกับคุณมากแล้ว แต่พลังของคุณนั้นยังไม่ได้จำกัดอยู่แค่มังกรซะด้วย …” เฮลรัชอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ในขณะที่เขาพูดและมองไปยังซือเฟิง “กองกำลังนรกขอยอมรับความพ่ายแพ้”
แม้ว่าบาเรียมานาจะยังคงอยู่รอบๆตัวพวกเขา และพวกเขาก็มีไอเทมจำนวนหนึ่งที่จะช่วยป้องกันตัวจากออร์เบ็คได้ชั่วคราว แต่ทุกอย่างมันก็จะจัดว่าไม่มีความหมายเลย หากพวกเขาไม่สามารถเทเลพอร์ตออกจากป้อมปราการแสงดาวได้ และมันก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่บาเรียมานาของพวกเขาจะหมดลง
ซึ่งหากปราศจากบาเรียคอยปกป้องแล้ว พวกเขาก็แทบไม่มีความหวังที่จะหนีจาก
ออร์เบ็คได้เลย
สำหรับการพยายามเผชิญหน้ากับออร์เบ็คในการต่อสู้นั้นมันจะจัดว่าไร้ผลอย่างมากสำหรับพวกเขา พวกเขานั้นแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวภายใต้ออร่าและความสามารถของมังกรเด็กตัวนี้ได้ นี่ก็ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือกองกำลังนรกอยู่ในความเมตตาของซือเฟิงอย่างเต็มที่แล้วตอนนี้
ดังนั้นแทนที่จะเสียเวลาไปกับการเสแสร้งเฮลรัชนั้นคิดว่ามันฉลาดกว่าที่เลือกจะยอมแพ้ในทันที
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เฮลรัชพูดจบนั้น ทั้งเขาและทีมของเขาก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลดังขึ้น
“ผู้บัญชาการรัช ฉันกลัวว่าเราจะเข้าใจผิดกันแล้ว ฉันเชิญคุณมาที่นี่ตามคำขอของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และเนื่องจากคุณเป็นแขกของป้อมปราการแสงดาว หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจึงได้ตัดสินใจจะออกมาต้อนรับคุณด้วยตัวเอง”
ร่างอีกร่างหนึ่งที่ขี่หลังของออร์เบ็คอยู่เช่นกันกล่าวขึ้นมา ซึ่งร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟิธาเลีย ผู้บัญชาการกองกำลังดีไวน์ไฮม์
“ต้อนรับพวกเราด้วยตัวเอง ?” เฮลรัชกลอกตาของเขา
นี่เดี๋ยวนี้ใครๆเขาใช้มังกรต้อนรับแขกกันแล้วงั้นหรอ ?
ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะขี่มังกรของเขามา แต่เขายังใช้เครื่องมือโดเมนด้วย นี่คนเหล่านี้คิดว่านี่มันเป็นการ “ต้อนรับ” จริงๆงั้นหรอ ?
สมาชิกของกองกำลังนรกที่เหลือเองก็ล้วนมองไปยังฟิธาเลีย และแม้แต่คนโง่ก็ยังจะสามารถบอกได้ว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้มันเป็นคำเตือน
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนกับสิ่งนี้
“นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยของเรา ผู้บัญชาการรัช เชิญเข้าไปในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการกันเถอะ” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่สนใจว่าเฮลรัชนั้นจะเชื่อฟิธาเลียหรือไม่ จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากหลังของออร์เบ็ค และยกเลิกสกิลโลกจิ๋ว ก่อนที่จะพาแขกของเขาไปที่คฤหาสถ์
รองผู้บัญชาการหลายคนของกองกำลังนรกมองไปที่ผู้นำของพวกเขาด้วยความสงสัยว่าเฮลรัชจะตอบสนองอย่างไรกับเรื่องนี้
“เนื่องจากเรามาถึงที่นี่แล้ว เราก็น่าจะลองพูดคุยกับพวกเขาดู” เฮลรัชพึมพำกับรองผู้บัญชาการของเขา เขาไม่สามารถจะบอกได้ว่าซือเฟิงเป็นคนอย่างไรและปัจจุบันนักดาบก็กุมชะตากรรมของกองกำลังนรกอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจจะยอมรับคำเชิญนี้
จากนั้นเฮลรัชก็ได้นำรองผู้บัญชาการของเขาเดินตามซือเฟิงไปที่คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการแสงดาว ในขณะเดียวกันรองผู้บัญชาการของเขาก็ได้สั่งให้สมาชิกที่เหลือของกองกำลังหาที่พักผ่อนก่อนจะตามพวกเขาไป
เมื่อเฮลรัชและรองผู้บัญชาการของเขาเดินตรงไปยังคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางป้อมปราการ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เพราะเมื่อพวกเขาเข้าใกล้คฤหาสถ์มากขึ้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของมานาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานั้นรู้สึกได้ว่ามานารอบตัวพวกเขาหนาแน่นขึ้นสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว เมื่อพวกเขามาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น
การที่มันเพิ่มขึ้นมากถึงสามสิบเปอเซ็นต์นี้ มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกของพวกเขาทั้งด้านเทคนิคการต่อสู้ สกิล และเวทย์ขึ้นห้าสิบเปอเซ็นต์เลย โดยการฝึกฝนที่นี่จะให้ผลมากกว่าการฝึกในดินแดนลับที่อยู่ภายใต้การควบคุมจักรวรรดิโลกใต้พิภพซะอีก
“ห้ะ ? สถานที่แห่งนี้มันคืออะไรกัน ?” เฮลรัชถาม เมื่อเขาสังเกตเห็นหอคอยโบราณที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเท่าไหร่นัก
หอคอยนี้นั้นมีเพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น แต่ความหนาแน่นของมานารอบๆมันนั้นเป็นรองแค่คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเท่านั้น และแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมานาสูงของป้อมปราการแสงดาว แต่หอคอยนั้นก็ยังคงดูโดดเด่นอย่างมาก
“มันคือคุกป้อมปราการ” ฟิธาเลียอธิบาย “เป็นจุดที่เราจะจับผู้เล่นที่ก่อปัญหามาขังไว้ มันก็คล้ายกับคุกในเมืองของ NPC นั่นแหละ”
“มันเหมือนกับคุกในเมืองของ NPC งั้นหรอ ?” เฮลรัชนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น หลังจากได้ยินคำตอบของฟิธาเลีย
รองผู้บัญชาการของเขาเองก็ล้วนจ้องมองไปยังหอคอยนี้ด้วยความหวาดกลัว
หากพวกเขาตายภายในป้อมปราการอย่างมากพวกเขาก็จะสูญเสียเลเวลและอุปกรณ์ไปหนึ่งชิ้นเท่านั้น ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของกองกำลังนรก พวกเขาจะสามารถฟื้นฟูความเสียหายที่ตัวเองได้รับได้ในเวลาไม่นาน
แต่ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่อยากจะถูกขัง หลังจากตายไปหนึ่งรอบแล้ว เพราะท้ายที่สุดผลลัพธ์มันจะเลวร้ายยิ่งกว่าการที่พวกเขาตายสามหรือสี่ครั้งติดต่อกัน
เวลานั้นสำคัญกว่าเงินใน God domain โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นชั้นแนวหน้า โอกาสนั้นไม่เคยรอใคร พวกเขาจะมีโอกาสสูงสุดในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งก็ด้วยการรักษาตำแหน่งในฐานะผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเกมไว้เท่านั้น และพวกเขาก็มีสิทจะพบโอกาสที่หาได้ยากที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาได้เลย หากพวกเขารักษามาตราฐานนี้ไว้ได้
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาต้องติดคุกห้าถึงหกวัน พวกเขานั้นก็จะต้องตามหลังผู้เล่นชั้นแนวหน้าคนอื่นๆอย่างมาก และมันก็จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตามทัน
มังกร ?
เครื่องมือโดเมน ?
สิ่งเหล่านี้นั้นไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับคุกป้อมปราการ
ออร์เบ็คนั้นอาจสามารถทำลายกองกำลังนรกได้ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือโดเมน แค่สมาชิกในกองกำลังก็จะสามารถฟื้นฟูคืนสู่จุดสูงสุดในเวลาสามถึงสี่วัน และพวกเขาก็อาจแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาด้วยซ้ำ
ในทางกลับกันหากต้องใข้เวลาอยู่ในคุกป้อมปราการระยะหนึ่ง ทั้งกองกำลังของพวกเขาจะตกอยู่ในสภาพพิการ และการจะตามกองกำลังชั้นแนวหน้าอื่นๆให้ทันก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือนเลย
คุกป้อมปราการเพียงอย่างเดียวนั้น มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะยับยั้งไม่ให้มหาอำนาจต่างๆเลือกจะเข้าโจมตีป้อมปราการแสงดาว
ในขณะเฮลรัชและรองผู้บัญชาการของเขาแอบวางแผนจะตรวจสอบคุกป้อมปราการ พวกเขาก็ได้มาถึงคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง
ตอนนี้คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แล้ว และมันก็ดูเหมือนกับปราสาทจากนิยายแฟนตาซี มันมีออร่าลึกลับโบราณและมานาที่หนาแน่นนั้นล้อมรอบปราสาทอยู่ และมันก็จัดว่ามีมานาที่หนาแน่นเหนือกว่าส่วนที่เหลือของป้อมปราการอย่างมากด้วย ชั่วขณะหนึ่งตอนนี้เฮลรัช และคนอื่นๆนั้นแทบจะอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม บอกฉันมาหน่อยได้ไหมคุณว่ามีอะไรจะคุยกับเรา ? ฉันเป็นพวกชอบอะไรตรงๆน่ะ เข้าประเด็นมาได้เลย ไม่ต้องโยกโย้” เฮลรัชกล่าวกับซือเฟิง
อย่างจริงจัง
ตอนนี้เฮลรัชนั้นเข้าใจถึงสถานการณ์ของป้อมปราการแสงดาวแล้ว ในความคิดของเขาการยึดและก่อความวุ่นวายในป้อมปราการนั้นเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับมหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงจักรวรรดิโลกใต้พิภพด้วยเช่นกัน เขาไม่สามารถนึกถึงเหตุผลที่ซือเฟิงจะเชิญกองกำลังนรกมาพูดคุยโดยเฉพาะได้เลย
“ตอนนี้คุณได้เห็นป้อมปราการแสงดาวด้วยตัวคุณเองแล้ว และฉันแน่ใจว่าคุณค่อนข้างจะสนใจป้อมปราการนี้ ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอเจรจาเป็นพันธมิตรกับคุณ แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเสนอสถานที่พักกิลชั่วคราวให้คุณได้ แต่ฉันก็ยินดีจะให้ส่วนลดสี่สิบเปอเซ็นต์สำหรับสมาชิของจักรวรรดิโลกใต้พิภพทุกคนเมื่อทำการใช้จ่ายพื้นฐานภายในป้อมปราการแสงดาว” ซือเฟิงอธิบายพลางหัวเราะเบาๆ
“สี่สิบเปอเซ็นต์ ? นี่คุณจริงจังไหม ?” ข้อเสนอนี้ล่อลวงเฮลรัชทันที
หุบเขาดาวนั้นเป็นดินแดนต้องห้ามที่อยู่ห่างไกลจากอารยธรรมปัจจุบันและการจะเดินทางเข้ามายังที่นี่นั้น มันก็ไม่สะดวกเลย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้จักรวรรดิโลกใต้พิภพต้องการสถานที่พักกิลชั่วคราวเพียงแห่งเดียวที่มีในป้อมปราการแสงดาว เพราะหากจักรวรรดิโลกใต้พิภพได้รับมันมา สมาชิกของจักรวรรดิโลกใต้พิภพก็จะสามารถเดินทางเข้ามาที่นี่ได้โดยตรง ซึ่งมันจะเป็นการประหยัดเวลาและเงินได้อย่างมาก
แม้ว่าการไม่มีสถานที่พักกิลชั่วคราวจะไม่สะดวก แต่ส่วนลดสี่สิบเปอเซ็นต์สำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐานทั้งหมดในป้อมปราการแสงดาวก็จะช่วยให้จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาไปได้มาก
ค่าใช้จ่ายพื้นฐานนั้นมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นโรงแรม แต่จะรวมไปถึงค่าเข้าสู่ป้อมปราการทุกครั้งด้วย ส่วนลดนั้นจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญหากจักรวรรดิโลกใต้พิภพต้องการส่งผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนเข้ามาที่นี่ แต่อย่างไรก็ตามถ้ากิลส่งผู้เล่นเข้ามาหลายพันคน ส่วนลดสี่สิบเปอเซ็นต์นี้ก็จะช่วยพวกเขาประหยัดได้อย่างมหาศาล
“แน่นอน” ซือเฟิงพยักหน้า
“คุณต้องการจะให้เราทำอะไร ?” เฮลรัชถาม
เมื่อใช้คุกป้อมปราการ การดำเนินงานของป้อมปราการแสงดาวก็จะไม่มีวันถูกสั่นคลอนได้เลย ซึ่งตามเหตุผลแล้ว สภาสิบแปดปีกและเผ่าศักสิทธิ์นั้นก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากจักรวรรดิโลกใต้พิภพในการปกป้องป้อมปราการเลย
“ฉันต้องการจะยืมพลังของกองกำลังนรกเพื่อทำงานบางอย่าง !!!” ซือเฟิงประกาศ
“ยืมพลังของกองกำลังนรก ?” เฮลรัชจ้องมองไปที่นักดาบด้วยความสับสน “คุณต้องการจะให้เราทำอะไร ?”
สภาสิบแปดปีกนั้นเป็นพันธมิตรกับเผ่าศักสิทธิ์ซึ่งเป็นกิลชั้นยอดระดับต้นๆที่แข็งแกร่งกว่าซุเปอร์กิลบางกิลแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าเผ่าศักสิทธิ์นั้นสามารถจะจัดการกับเรื่องส่วนใหญ่ในทวีปด้านตะวันตกได้ ดังนั้นเขาจึงนึกไม่ออกเลยว่าสภาสิบแปดปีกต้องการยืมพลังของกองกำลังนรกไปทำไม ?
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่ว่าฉันต้องการจะเข้าสู่ดันเจี้ยนภูมิภาค โหมดพระเจ้า ในหุบเขาดาวเพื่อไปรับเอาไอเทมบางอย่างน่ะ …” ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น