ป้อมปราการแสงดาวถูกปลดผนึก
“นายพูดอะไรนะ ?! กองกำลังนรกยอมรับข้อเสนอของพวกนั้นงั้นหรอ ?!”
“เป็นไปไม่ได้ !!! กองกำลังนรกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามถึงสามร้อยคน และพวกนั้นล้วนแต่โหดเหี้ยมกับบ้าการต่อสู้มากๆเลยนะ !!!”
เมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวการตัดสินใจของกองกำลังนรก พวกเขาก็พบว่ามันยากที่จะเชื่อ
พวกเขานั้นคิดว่าป้อมปราการแสงดาวคงจะถึงจุดจบแล้ว เมื่อมีกองกำลังนรกเข้ามาเกี่ยวข้อง และแม้ว่ากองกำลังนรกจะไม่สามารถเข้ายึดป้อมปราการได้ แต่กองกำลังนรกก็น่าจะทำให้ป้อมเหลือแค่เศษซากปรักหักพังได้
พวกเขาทุกคนนั้นล้วนคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของกองกำลังนรกดี
ทั้งกองกำลังนั้นมันเป็นดั่งการรวมตัวกันของเหล่าคนบ้าที่โหดเหี้ยม
ป้อมปราการแสงดาวนั้นอาจจะน่าประทับใจที่ได้รับมังกรมาเป็นผู้พิทักษ์ป้อมปราการ แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าพูดยังไง ผลสรุปก็คือพวกเขามีมังกรแค่ตัวเดียวเท่านั้น และมังกรแค่ตัวเดียวนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะใช้จัดการผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สามร้อยคนของกองกำลังนรกแน่นอน เพราะท้ายที่สุด พวกเขานั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไป และตราบใดที่พวกเขาเห็นว่าตัวเองมีโอกาสชนะ พวกเขาก็จะทำการคืนชีพกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเข้าโจมตีป้อมปราการแสงดาวไม่หยุดจนกว่าจะมีข้างหนึ่งที่หมดสิ้นทุกอย่างจริงๆ
นี่คือสาเหตุที่มหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนกลัวกองกำลังนรกอย่างมาก
แต่ตอนนี้สถานการณ์ทั้งหมดกับพัฒนาไปในทางที่ไม่คาคดิด
กองกำลังนรกนั้นยังไม่ได้เริ่มการต่อสู้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการยึดป้อมปราการเลย แต่กองกำลังนรกนี้กับเลือกจะเป็นหุ้นส่วนกับพันธมิตรผู้ปกครองป้อมปราการหลังจากพูดคุยกันแค่ช่วงสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นการตกลงเป็นหุ้นส่วนนี้ กองกำลังนรกยังไม่ได้รับหุ้นของป้อมปราการมาแม้แต่นิดเดียว พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆล้วนสงสัยกันอย่างมากว่านี่คือกองกำลังนรกที่พวกเขารู้จักจริงๆรึปล่าว เมื่อได้รับรายงานนี้มา
ในขณะที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มหาอำนาจต่างๆที่เตรียมการโจมตีป้อมปราการแสงดาวก็เริ่มลังเล
พวกเขานั้นกล้าที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่ป้อมปราการแสงดาว เพราะว่าจักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นแสดงความสนใจที่จะเข้ายึดครองมัน แต่ตอนนี้ซุเปอร์กิลกับไปเข้าร่วมกับพันธมิตรผู้ปกครองป้อมปราการแล้ว ดังนั้นสถานการณ์มันจึงกลายเป็นดั่งหายนะสำหรับมหาอำนาจต่างๆ
มหาอำนาจเหล่านี้นั้นไม่ได้กลัวเผ่าศักสิทธิ์ เพราะท้ายที่สุดแล้วกิลมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าพวกเขาแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหากพวกเขารวมกองกำลังกัน พวกเขาก็จะมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าเผ่าศักสิทธิ์อย่างง่ายดาย และเนื่องจากป้อมปราการแสงดาวนั้นให้อำนาจผู้เล่นควบคุมแค่บางส่วนเท่านั้น ดังนั้นการเข้ายึดมันจึงน่าจะง่ายมากๆ
แต่ตอนนี้จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นได้เข้าเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีก และเผ่าศักสิทธิ์แล้ว มันจึงทำให้สถานการณ์นั้นกลายเป็นยากและอันตรายมากๆ
นอกเหนือจากความแข็งแกร่งของสมาชิกแต่ละคนของกองกำลังนรกแล้ว พวกเขายังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากพอที่จะต่อกรกับมหาอำนาจต่างๆที่รวมกลุ่มกันมาได้ นี่ยังไม่นับรวมมังกรที่เป็นผู้พิทักษ์ป้อมปราการอีก แล้วพวกเขาจะไปโจมตี หรือก่อความวุ่นวายในป้อมปราการแสงดาวได้ยังไงกัน ?
แน่นอนว่ามหาอำนาจต่างๆเหล่านี้ยังคงไม่ยอมแพ้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าการได้รับส่วนแบ่งผลกำไรจากป้อมปราการแสงดาวนั้นมันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป แต่พวกเขาก็ยังคงส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายใน ผลประโยชน์ของป้อมปราการแสงดาวนั้นมันมีมากเกินกว่าที่พวกเขาจะเพิกเฉยได้ และหากมีโอกาสพวกเขาก็พร้อมจะกระโจนเข้าใส่ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์แค่เศษเสี้ยวก็ตาม
ในขณะเดียวกันที่เหมืองแร่เงินปีศาจอันห่างไกลของหอการค้าอาซู ….
“แม้แต่กองกำลังนรกก็ยังล้มเหลวงั้นหรอ ?” หยานเซี่ยวเฉียนนั้นพึมพำอย่างตกตะลึง หลังจากที่เธอได้อ่านรายงานจากลูกน้องของเธอ
เธอนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากแล้วที่ได้ยินว่าสภาสิบแปดปีกกับเผ่าศักสิทธิ์นั้นร่วมมือกันยึดป้อมปราการแสงดาว
จากนั้นเธอก็ได้รู้ข่าวเกี่ยวกับมังกรที่เป็นผู้พิทักษ์ป้อมปราการ
และตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่กองกำลังนรกก็ยังกลัวที่จะโจมตีป้อมปราการนี้
ถ้าเธอไม่ได้รู้อะไรมาก่อนเกี่ยวกลุ่มของซือเฟิง เธอจะคิดว่าพวกเขานั้นคงเป็นมหาอำนาจที่หลบอยู่ในเงามืด ซึ่งพึ่งจะเริ่มการพัฒนาออกมาในที่สว่างในทวีปด้านตะวันตก
อย่างไรก็ตามเธอนั้นรู้ในระดับหนึ่งเกี่ยวกับผู้เล่นกลุ่มนี้
ซือเฟิงนั้นมาถึงทวีปด้านตะวันตกพร้อมกับเพื่อนของเขาอีกเก้าคน และทั้งหมดล้วนเป็นสมาชิกสภาสิบแปดปีก และเมื่อพวกเขามาถึงนั้นสภาสิบแปดปีกไม่ได้มีพันธมิตรอยู่ทางทวีปด้านตะวันตกเลยแม้แต่กลุ่มเดียว
กระนั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่กลุ่มของซือเฟิงจะสามารถตั้งหลักในทวีปด้านตะวันตกได้ หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่พวกเขายังได้รับพันธมิตรที่ทรงพลังมาอีกสองกลุ่มด้วย
หอการค้าอาซูนั้นใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนกว่าที่จะสามารถตั้งหลักในทวีปด้านตะวันออกได้ และหอการค้าก็ได้ทำการสร้างสถานที่สำหรับตัวเองขึ้นมาได้ในเนินเขาแห่งความมืด นอกเขตแดนของจักรวรรดิมังกรไฟหลังจากที่ลงทุนทั้งทรัพยากรและกำลังคนไปมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นหอการค้าอาซูยังประสบความสำเร็จเพราะว่าทำการเชื่อมต่อกับผู้เล่นจำนวนหนึ่งในทวีปด้านตะวันออกได้ตั้งแต่ต้นเกม หากไม่เป็นเช่นนั้นการสร้างฐานที่มั่นในทวีปด้านตะวันออกของพวกเขาจะต้องใช้เวลานานกว่านี้มาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับยึดป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว และในเวลาไม่ถึงสี่วันที่เขามาที่นี่ เขาก็มีพันธมิตรเป็นมหาอำนาจที่ทรงพลังสองกลุ่มแล้ว
“คุณหนู พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วก่อนการแข่งขันระหว่างตระกูลจะเริ่มขึ้น ตระกูลนั้นได้รับรองแล้วว่าคุณจะมีสิทเข้าใช้พื้นที่ทดสอบ พวกเขาหวังว่าคุณจะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูชื่อเสียงที่เสียไปของตระกูลในระหว่างการแข่งขันครั้งก่อนได้ โปรดอย่าปล่อยให้เรื่องอื่นมารบกวนจิตใจคุณเลย” ชายชราซึ่งนั่งอยู่ข้างหหยานเซี่ยว
เฉียนกล่าวแนะนำเมื่อเห็นท่าทีของเธอ
“ฉันเข้าใจ สภาสิบแปดปีกเพียงแค่ตั้งหลักในทวีปด้านตะวันตกได้ และได้รับทรัพยากรมามากขึ้นเท่านั้น แต่ยังไงพวกเขาก็ยังไม่มีพลังมากพอจะช่วยให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ชนะฉันในการแข่งขันระหว่างตระกูลได้แน่นอน !!!” หยานเซี่ยวเฉียนกล่าว
อย่างพยายามสงบใจ และเรียกคืนความมั่นใจของเธอกลับมา
ตอนนี้สภาสิบแปดปีกอาจมีที่ของตัวเองในทวีปด้านตะวันตกแล้ว แต่การจะพัฒนาต่อไปได้หรือไม่ได้นั้นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกิลนั้นไม่ใช่มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตก แต่เป็นกองทัพสิ่งมีชีวิตปีศาจ
ในฐานะที่ดินแดนต้องห้าม มันไม่มีประเทศใดๆที่คอยปกป้องหุบเขาดาวอยู่
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือป้อมปราการแสงดาวนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของกองทัพสิ่งมีชีวิตปีศาจโดยปราศจากความช่วยเหลือจาก NPC ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายเลยที่จะจินตนาการถึงสถานการณ์ที่อันตรายในเรื่องนี้
แม้ว่าเผ่าศักสิทธิ์ จักรวรรดิโลกใต้พิภพ และสภาสิบแปดปีกจะร่วมมือกันปกป้องป้อมปราการ แต่มันก็ใช่ว่าจะสามารถปกป้องป้อมปราการไว้ได้
ยิ่งกว่านั้นต่อให้ปกป้องไว้ได้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไซเร้นวอร์นเดอร์เลย สภาสิบแปดปีกนั้นมีรากฐานอยู่ที่ทวีปด้านตะวันออก และพวกเขายังมีทรัพยากรไม่มากนักที่ทวีปด้านตะวันตก ขณะที่พื้นที่ฝึกในทวีปด้านตะวันตกนั้นมันดีกว่าทวีปด้านตะวันออกอย่างมาก
“ในกรณีนี้ คุณหนูควรเริ่มได้แล้ว” ชายชรากล่าวยืนกราน
หยานเซี่ยวเฉียนพยักหน้าตอบรับ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังทิศทางของหุบเขาดาว
รอก่อนเถอะ !!! ฉันจะไม่ปล่อยให้ไซเร้นวอร์นเดอร์เอาชนะฉันได้แน่นอนการในแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้น !!! หยานเซี่ยวเฉียนสบถภายในใจด้วยความไม่พอใจ เมื่อนึกถึงซือเฟิงที่ไม่เห็นหัวเธอและหอการค้าอาซูเลย
ตระกูลของเธอนั้นต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อจะให้เธอเข้าไปในพื้นที่ทดสอบ ซึ่งนี่นับเป็นโอกาสที่มีแค่ไม่คนใน God domain เท่านั้นที่จะสามารถเพลิดเพลินกับมันได้ และตราบเท่าที่เธอสามารถฝึกในพื้นที่ทดสอบจนผ่านได้สำเร็จ เธอก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถเอาชนะซือเฟิงได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงไซเร้นวอร์นเดอร์เลย
ในขณะที่หยานเซี่ยวเฉียนออกจากเหมืองแร่เงินปีศาจด้วยอะเม้าท์บินได้ของเธอ ซือเฟิงก็ได้นำกองกำลังนรกมุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของหุบเขาดาว
แม้แต่พื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาดาว ผู้เล่นขั้นสามก็อาจจะตายลงได้ง่ายๆเลย หากไม่ระมัดระวัง ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ชั้นในของหุบเขาดาวที่อันตรายกว่ามาก
มอนสเตอร์ที่มีเลเวลต่ำที่สุดในพื้นที่ชั้นในนั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบ และโดยทั่วไปแล้วพวกมันก็จะเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่มภายใต้การนำของแกรนลอร์ด โดยแต่ละกลุ่มนั้นก็จะประกอบไปด้วยมอนสเตอร์นับพันตัว ขณะที่กลุ่มใหญ่อาจมีสองถึงสามพันตัว พวกมันเป็นดั่งกองทัพๆหนึ่งเลย หากทีมผู้เล่นขั้นสาม หนึ่งร้อยคนพบกับมอนสเตอร์เหล่านี้และก่อความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจถูกสังหารหมู่กันได้เลย
โชคดีที่สมาชิกของกองกำลังนรกนั้นมีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ และมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม อยู่สามร้อยคน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจะเดินทางผ่านพื้นที่ชั้นในได้ แม้ว่ามันจะช้ามากก็ตาม
หลังจากเดินทางมามากกว่าสิบชั่วโมง ซือเฟิงและทีมของเขา พร้อมกับกองกำลังนรกก็ได้มาถึงเขตแดนของพื้นที่ชั้นใน
พวกเขานั้นสามารถที่จะมองเห็นภูเขาขนาดมหึมาที่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของพวกเขาได้ และออร่าของภูเขานี้ก็ให้ความรู้สึกไร้ขอบเขต อีกทั้งผู้ที่เข้าใกล้มันก็จะยิ่งรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหนักขึ้น และยิ่งเข้าไปถึงที่เชิงเขา ออร่านี้มันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ซึ่งนี่มันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากดันเจี้ยนภูมิภาค โหมดพระเจ้าของหุบเขาดาว สุสานดาว !!!
“พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบอีกสักครั้งไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ? คุณอยากจะเข้าไปที่นั่นจริงๆงั้นหรอ ? เมื่อเราเข้าไปภายใน การจะกลับออกมาจะเป็นเรื่องท้าทายมาก และหากผู้เล่นตาย ผู้เล่นก็จะไม่ได้มาฟื้นคืนชีพนอกดันเจี้ยนนะ” เฮลรัชกล่าวเตือนซือเฟิง ขณะที่จ้องมองไปยังภูเขาเบื้องหน้าพวกเขา
สุสานดาวนั้นจัดเป็นสถานที่ที่พิเศษมากๆ
เมื่อผู้เล่นตายลงตามปกติ พวกเขาจะไปคืนชีพในเมือง NPC ที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่นั่นไม่ใช่กรณีของสุสานดาว ไม่ว่าผู้เล่นจะตายกี่ครั้ง พวกเขาก็จะถูกฟื้นคืนชีพมาในดันเจี้ยนเท่านั้น ไม่สามารถออกไปไหนได้
“ฉันเข้าใจ รีบเข้าไปกันเถอะ …”
ซือเฟิงนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับลักษณะเฉพาะของสุสานดาวดี และเขาก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าสู่ดันเจี้ยนภูมิภาคแห่งนี้อย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นสมาชิกของกองกำลังนรกกก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันพลางยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเดินตามนักดาบเข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก
ไม่นานหลังจากที่ซือเฟิง และทีมของเขาเข้าสู่สุสานดาว ป้อมปราการแสงดาวซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาดาวก็สว่างไสวขึ้น เพราะในที่สุดผนึกก็ถูกปลดออก และป้อมปราการก็ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าเยี่ยมชมแล้ว