ความบ้าคลั่งที่ซ่อนอยู่
ทันทีที่ชายที่ดูโหดเหี้ยมพูดจบ ความตื่นเต้นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของพรรคพวกของเขาที่เป็นผู้เล่นขั้นสามทุกคน
หากสภาพแวดล้อมของป้อมปราการแสงดาวนั้นเหมือนกับในสมัยโบราณ ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ด มันก็จะนับเป็นสวรรค์ที่แท้จริงสำหรับผู้เล่น เพราะไม่เพียงแต่ผู้เล่นนั้นจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการฝึกควบคุมมานาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่มันยังจะช่วยให้พวกเขาปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาของตัวเองได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ โครว์ก็ได้หันไปหา Elementalist หญิงขั้นสามที่ยืนอยู่ข้างๆเขาและพูดว่า “โรส กลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักของเรา และรวบรวมคริสตัลเวทย์มนต์ทั้งหมดที่เรามีมา และส่งคนไปถามเกี่ยวกับเรื่องการเช่าโรงแรมที่นี่ด้วย เราจะใช้มันฐานชั่วคราวของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุเรา จากนี้ไปสมาชิกขั้นสามทั้งหมดของหัวใจพายุจะต้องเข้ามาพัฒนาตัวเองที่ป้อมปราการแสงดาว !!!”
แม้ว่าการใช้ชีวิตในป้อมปราการแสงดาวนั้นจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่หากผลประโยชน์ที่มันมอบให้คือทำให้ผู้เล่นสามารถฝึกควบคุมมานาได้ดีขึ้น แถมยังปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว มันก็คุ้มค่ากับราคาแน่นอน และมันก็จะคุ้มค่าอย่างมากถ้าทีมนักผจญภัยของพวกเขาจะลงทุนคริสตัลเวทย์มนต์ทุกชิ้นที่มีตอนนี้หรือในอนาคตเข้ามาที่นี่
เลเวลนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญสูงสุดแล้ว สำหรับผู้เล่นขั้นสามในตอนนี้ เพราะการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นสำคัญกว่ามาก ผู้เล่นขั้นสามนั้นจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของขั้นสามออกมาได้ก็เมื่อพวกเขาทำแบบนี้ได้เท่านั้น
การอาศัยอยู่ในป้อมปราการแสงดาวนั้นจะช่วยเร่งกระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้เร็วขึ้น ซึ่งมันนับเป็นผลประโยชน์มหาศาลที่หายากและไม่เหมือนใคร
ผู้เล่นที่เหลือในทวีปด้านตะวันตกนั้นยังไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ ซึ่งทำให้หัวใจพายุนั้นมีโอกาสจะสร้างฐานปฎิบัติการของตัวเองในป้อมปราการได้ หากพวกเขารอจนกิลต่างๆสังเกตเห็นเรื่องนี้ การค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาของทีมนักผจญภัยของพวกเขาในป้อมปราการแสงดาวก็จะเป็นเรื่องยากขึ้นมาก เพราะในแง่ของเงินและทรัพยากรนั้นหัวใจพายุไม่สามารถเทียบกับกิลชั้นสูงได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเหล่ามหาอำนาจต่างๆเลย
“เข้าใจแล้ว !!! ฉันจะรีบส่งไปจัดการและตรวจสอบทุกอย่างทันที !!!” ไอซ์โรส Elementalist หญิงตอบก่อนจะผละออกจากกลุ่มไป
ในขณะที่หัวใจพายุกำลังดำเนินการอย่างลับๆ ผู้เล่นอิสระขั้นสามคนอื่นๆที่เข้ามาในป้อมปราการและมีความไวต่อมานาเป็นพิเศษก็ทำเช่นเดียวกัน
ชั่วขณะหนึ่งมันมีบางอย่างเกิดขึ้นในป้อมปราการแสงดาวที่เกือบจะว่างเปล่า แม้จะแทบไม่มีผู้เล่นเข้ามาเยี่ยมชมป้อมปราการ แต่โรงแรมนั้นก็ค่อยๆถูกจองจนเต็มไปทีละห้อง แถมห้องทั้งหมดยังถูกเช่าในระยะยาวด้วย ซึ่งสิ่งนี้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้เล่นที่มาเยี่ยมชมแบบไม่รู้อะไรเลย กับแม๊คอาฟรี่อย่างมาก
ผู้เล่นนั้นจะได้รับส่วนลดสิบเปอเซ็นต์เมื่อทำการเช่าห้องพักของโรงแรมในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามนี่มันก็หมายถึงว่าพวกเขาต้องจองห้องอย่างน้อยสิบวันขึ้นไป ซึ่งนั่นหมายความว่าการเช่าเป็นเวลาสิบวันที่ก็จะมีราเป็นคริสตัลเวทย์มนต์เก้าชิ้น โดยการเช่าแต่ละวันจะมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งชิ้น นี่ยังรวมถึงเรื่องที่ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดภายในป้อมปราการนั้นมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นมันจัดว่าฟุ่มเฟือยมากๆสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม แต่อย่างไรก็ตามจตอนนี้มันกับมีผู้เล่นเกือบหนึ่งร้อยคนที่ทำการเช่าห้องพักโรงแรมในระยะยาวแล้ว
ผู้เล่นบางคนนั้นกระทั่งเหมาโรงแรมบางแห่งทั้งโรงแรมด้วย
เป็นผลให้ป้อมปราการนั้นได้รับคริสตัลเวทย์มนต์มาเกือบห้าพันชิ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หลังจากการเปิดตัว และจำนวนที่ได้รับก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันภายในสุสานดาว ….
ซือเฟิงและกองกำลังของเขานั้นได้ออกเดินทางไกลเข้ามายังสุสานดาว และกองกำลังนรกนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้อันขมขื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นก็ยังต้องพยายามอย่างมาก เมื่อจะเคลื่อนไหวภายในดันเจี้ยนภูมิภาคแห่งนี้ เพราะท้ายที่สุดความคล่องตัวของพวกเขานั้นลดลงมาอยู่ที่ขั้นหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามโชคดีที่ค่าสถานะพื้นฐานของพวกเขานั้นไม่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตามความคล่องตัวที่ลดลงนั้นมันก็ได้จำกัดพลังการต่อสู้ของทุกคนลงอย่างมาก
ในโลกภายนอกนั้นสมาชิกของกองกำลังนรกทุกคนสามารถจะโซโล่กับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่เลเวลหนึ่งร้อยห้าได้อย่างสบายๆเลย แต่ในสุสานดาวนั้น พวกเขาแทบจะไม่สามารถเอาชนะลอร์ดบอสขั้นสูง เลเวลหนึ่งร้อยห้าได้ด้วยซ้ำ
โดยทั่วไปแล้ว ยักษ์ดินในพื้นที่ชั้นนอกของดันเจี้ยนนั้นก็จะเคลื่อนที่กันเป็นกลุ่ม กลุ่มละหลายร้อยตัว โดยแต่ละกลุ่มนั้นจะมีลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้อยหนึ่งร้อยตัว ซึ่งกลุ่มมอนสเตอร์เหล่านี้นับเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับกองกำลังนรก ทุกครั้งที่พวกเขาพบกับกลุ่มมอนสเตอร์ พวกเขาจะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการกวาดล้างพวกมัน และเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง พวกเขาก็จะต้องนำเต๊นท์ออกมากางเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง เพราะหากพวกเขาไม่พักผ่อนการจะเอาชนะมอนสเตอร์กลุ่มต่อไปจะทำได้ยากมากๆ และนี่โดยปกติมันก็ลดความเร็วในการเก็บเลเวลของทุกคนลงไปในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกองกำลังนรกนั้นก็ต้องยอมรับเลยว่าดันเจี้ยนภูมิภาค โหมดพระเจ้า นั้นเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากๆ
ไม่เพียงแต่อัตราการดรอปของมอนสเตอร์ตัวนี้จะน่าประทับใจ แต่ไอเทมที่มันดรอปยังมีคุณภาพสูงมากเช่นกัน
คนๆหนึ่งจะต้องฆ่าแกรนลอร์ดเพื่อโอกาสในการได้รับอาวุธและอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงินในโลกภายนอก แต่ในสุสานดาว พวกเขาสามารถที่จะฆ่าลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่เพื่อรับเอาไอเทมระดับเดียวกันได้ นอกจากลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ของสุสานดาวยังมีโอกาสจะดรอปเซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยห้าด้วย
หลังจากการต่อสู้อยู่นานกว่ายี่สิบชั่วโมงในสุสานดาว กองกำลังนรกก็สามารถรวบรวมเซ็ท Secret Blue ได้สองเซ็ท และเซ็ทหนามได้หนึ่งเซ็ท เซ็ท Secret Blue นั้นเป็นเซ็ทอุปกรณ์สำหรับนักเวทย์ ในขณะที่เซ็ทหนามนั้นเป็นเซ็ทสำหรับพวกเกราะเบาสายโจมตี แม้ว่าทั้งสองเซ็ทจะเป็นเพียงเซ็ทหกชิ้น แต่เซ็ทระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยห้านั้นก็ถือว่าเป็นเซ็ทชั้นยอดแล้วในตอนนี้ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังมีเลเวลไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าด้วยซ้ำ
แม้แต่สมาชิกกองกำลังนรกก็ยังต้องการเซ็ทอุปกรณ์พวกนี้ แม้ว่าชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาจะเป็นอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยห้า และมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกลกับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยห้าด้วย แต่ประโยชน์ที่เซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงินมอบให้นั้น มันก็มากกว่าสิ่งที่พวกเขาสวมใส่อยู่ในปัจจุบันเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาไม่ต้องการจะสวมใส่มัน พวกเขาก็สามารถนำมันไปขายได้ ซึ่งพวกเขาจะทำเงินได้อย่างมหาศาล
แถมมอนสเตอร์ในสุสานดาวยังดรอปคริสตัลเวทย์มนต์ และหินมานาจำนวนมาก และกองกำลังได้รับเทคนิคการต่อสู้มาสามเทคนิคด้วย พร้อมกับหนังสือสกิลขั้นสองอีกหนึ่งเล่ม
แต่น่าเสียดายที่ก่อนจะเข้ามาที่นี่นั้นกองกำลังนรกได้ทำข้อตกลงกับซือเฟิงเอาไว้แล้ว เนื่องจากซือเฟิงได้ทำการว่าจ้างกองกำลังนรก ดังนั้นไอเทมที่ดรอปออกมาในระหว่างการเดินทางครั้งนี้จึงจะเป็นของเขาทั้งหมด ขณะที่กองกำลังนรกจะได้รับไปแค่ EXP เท่านั้น
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราพบเส้นทางไปยังชั้นสองของสุสานดาว มันอยู่ข้างหน้าแล้ว ….” เฮลรัชรายงาน พลางมองไปยังอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากทีม “อย่างไรก็ตามมันมีมอนสเตอร์อยู่ในพื้นที่นั้นหนาแน่นเกินไป และมันมีแกรนลอร์ดจำนวนหนึ่งอยู่ในกลุ่มพวกมอนสเตอร์ด้วย การจะผ่านไปนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ฉันคิดว่าเราคงจะถูกจำกัดให้อยู่แค่ในพื้นที่นี้เท่านั้น”
ภายในสุสานดาวนั้นมันมีโครงสร้างคล้ายกับหอคอย โดยมันถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายชั้น และแต่ละชั้นมีขนาดเท่ากับแผนที่เก็บเลเวลทั่วไปเลย ซึ่งที่นี่นั้นการจะผ่านแต่ละชั้นไปให้ได้ก็ยากกว่าโลกภายนอกมากๆ เพราะผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากับแรงโน้มถ่วงที่สูงลิ่ว
มันไม่มีมหาอำนาจใดเลยที่จะผ่านพื้นที่บริเวณนี้เข้าไปยังชั้นสองของสุสานดาวได้ เพราะท้ายที่สุดการจะไปให้ถึงชั้นสองนั้นมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นในปัจจุบัน
ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ผู้เล่นยังไม่สามารถใช้เครื่องมือใดๆได้ รวมไปถึงอาวุธสงคราม และสกิลเบอเซิกร์ด้วย
เมื่อรวมกับแรงโน้มถ่วงที่สูงลิ่วมากๆที่นี่ มันจึงทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถแท๊งแกรนลอร์ดพร้อมกันจำนวนหนึ่งได้ เพราะหากพวกเขาพยายามจะทำ พวกเขาจะถูกกำจัดโดยไม่มีโอกาสให้หนีด้วยซ้ำ และด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาที่ลดลง พวกเขาจึงช้ากว่ายักษ์ดินมากๆ ซึ่งทางเลือกเดียวในการเอาชีวิตรอดที่เหลือของพวกเขานั้นก็จะเป็นการฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดให้ได้
“แต่ว่าเป้าหมายของเราอยู่ที่ชั้นสองนะ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
สุสาดาวนั้นมีทั้งหมดสิบเอ็ดชั้น และชั้นแรกนั้นไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นพื้นที่ชั้นนอกดันเจี้ยนภูมิภาคได้ มันมีแต่การที่พวกเขาต้องไปให้ถึงชั้นสองเท่านั้น มันจึงจะเรียกว่าเข้าสู่พื้นที่ชั้นนอกอย่างแท้จริง และพวกเขาก็จะมีโอกาสได้รับดาวแห่งแสงจากการฆ่ามอนสเตอร์บริเวณนั้น
“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ต้องการจะขึ้นไปยังชั้นสองนะหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม แต่เราไม่สามารถไปได้ไกลขนาดนั้นได้จริงๆ หากเราเริ่มการต่อสู้ใกล้กับอุโมงค์ เราจะดึงดูดยักษ์ดินทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงแต่เราจะต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ดินเกือบพันตัว แต่ยังมีแกรนลอร์ดอีกห้าตัวด้วย ซึ่งพลังในการต่อสู้ในปัจจุบันของเรานั้นยังไม่สามารถเทียบกับมอนสเตอร์เหล่านี้ได้” เฮลรัชอธิบาย
มหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนพยายามจะไปให้ถึงชั้นสองเช่นกัน แต่แม้จะพยายามหลายวิธีจนถึงตอนนี้ มันก็ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จ โดยแกรนลอร์ดทั้งห้าตัวนั้นก็มีความท้าทายมากเป็นพิเศษ แม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสาม หนึ่งพันคนก็ยังจะต้องดิ้นรนในการเอาชนะมัน ไม่ต้องพูดถึงทีมผู้เล่นขั้นสาม สามร้อยคนเลย
“ผ่อนคลายผู้บัญชาการรัช แม้ว่าฉันจะไม่สามารถรับปากใดๆเกี่ยวกับเรื่องของยักษ์ดินที่เหลือได้ แต่คุณสามารถจะฝากแกรนลอร์ดทั้งหมดไว้ให้เราจัดการได้” ซือเฟิง
กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปยังยักษ์ดินที่มีความสูงแปดเมตร
“ห้ะ ?” เฮลรัชมองไปยังซือเฟิงอย่างพูดไม่ออก ทีมของซือเฟิงนั้นรวมซือเฟิงด้วยก็มีแค่สิบคนเท่านั้น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้เล่นเหล่านี้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่เขาก็ไม่คิดว่าผู้เล่นสิบคนจะรับมือกับแกรนลอร์ดที่แข็งแกร่งมากห้าตัวได้ ซึ่งไม่วา่จะคิดอย่างไร ความคิดนี้ของซือเฟิงมันก็ดูเป็นเรื่องตลก ….
“ถูกต้อง คุณคิดว่าคุณกับกองกำลังของคุณจะสามารถจัดการมอนสเตอร์ที่เหลือได้ไหม ?” ซือเฟิงกล่าวถามพลางพยักหน้า
“ถ้าคุณสามารถหยุดพวกแกรนลอร์ดไว้ได้จริงๆ ส่วนที่เหลือก็ไม่มีปัญหาใดๆ” เฮลรัชพูดพลางยิ้มอย่างมั่นใจ “แต่คุณแน่ใจหรอว่าคุณจะสามารถจัดการกับแกรนลอร์ดทั้งห้าตัวได้ ?”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้” ซือเฟิงหันไปหาหยานเทียนซิงและคนอื่นๆพลางถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนสามารถจัดการกับแกรนลอร์ดห้าตัวนี้ได้ใช่ไหม ?”
“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง หลังจากดูกองกำลังนรกต่อสู้มานาน เราเองก็อยากจะลงมือบ้างแล้ว !!!” หยานเทียนซิงตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เอาล่ะ งั้นก่อนอื่นล่อแกรนลอร์ดห้าตัวนี้ออกจากกลุ่มก่อน …” ซือเฟิงออกคำสั่ง
จากนั้นพรรคพวกของเขาห้าคนก็พุ่งเข้าใส่แกรนลอร์ดห้าตัวที่เฝ้าอยู่บริเวณอุโมงค์
นี่พวกเขาเอาจริงงั้นหรอ ? พวกเขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ? เมื่อเห็นหยานเทียนซิงและคนอื่นๆพุ่งไปข้างหน้านั้น ทั้งเฮลรัช และสมาชิกของกองกำลังนรกก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง