ไอเทมที่ดรอปจากหัวหน้ายักษ์ดิน
เมื่อซือเฟิงพูดจบ เฮลรัชและคนอื่นๆก็แสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างมากออกมา
“นี่คุณต้องการจะจ้างเราเป็นเวลาหนึ่งเดือนเลยงั้นหรอ ?” เฮลรัชนั้นอดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมา เมื่อได้ยินความต้องการของซือเฟิง หากนักดาบต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน เขาก็จะสามารถอนุมัติคำขอได้อย่างง่ายดายด้วยอำนาจของเขา อย่างไรก็ตามการจ้างกองกำลังนรกเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป
กองกำลังนรกนับเป็นกองกำลังหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ ซึ่งสิ่งสำคัญอันดับแรกของกองกำลังก็คือการปรับปรุงความแข็งแกร่งและเลเวลของสมาชิก โดยนี่มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กิลยอมลงทุนทรัพยากรจำนวนมากให้กองกำลัง
จักรวรรดิโลกใต้พิภพอาจเต็มใจจะใช้เงินและทรัพยากรเพื่อแลกกับการปรับปรุงพลังการต่อสู้ของสมาชิก แต่นั่นไม่ได้รวมไปถึงเวลาของกองกำลังนรกซึ่งเป็นกองกำลังหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วเหตุผลที่จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นยอมลงทุนทั้งเงินทรัพยากรจำนวนมากให้กับกองกำลังนรกก็เพื่อซื้อเวลาให้กับตัวเอง เพื่อความแม่นยำมันคือการที่พวกเขานั้นประหยัดเวลาให้ตัวเอง และทำให้ตัวเองได้เปรียบคู่แข่ง ดังนั้นการขายเวลาของกองกำลังหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขานั้นมันจึงจะไม่ต่างจากการวางเกวียนไว้ข้างหน้าม้าเลย
ยิ่งไปกว่านั้นกองกำลังนรกยังมีงานมากมายที่ต้องจัดการ หากพวกเขาไปอยู่ภายใต้คำสั่งของซือเฟิงเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้น งานเหล่านี้ก็จะต้องถูกพับไว้ก่อน
“คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่คุณถูกว่าจ้างนั้น เลเวลของคุณจะไม่ตามหลังคนอื่นๆแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงแม้แต่มาตราฐานอาวุธกับอุปกรณ์ของคุณนั้นก็จะไม่ล้าหลังเช่นกัน นอกจากนี้คุณยังจะมีอิสระในการทำสิ่งที่คุณต้องการเกือบตลอดหนึ่งเดือนนี้ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณแค่บางเวลาเท่านั้น” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นความลังเลบนใบหน้าของเฮลรัช “ที่สำคัญที่สุดคือคุณจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของคุณก่อนใคร และฉันรับรองได้ว่าพวกคุณทุกคนจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งเดือน”
ซือเฟิงนั้นเข้าใจถึงความกังวลของเฮลรัช เพราะท้ายที่สุดแล้วกองกำลังนรกนั้นนับเป็นกองกำลังหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ แม้ว่าซุเปอร์กิบจะลงทุนทรัพยากรส่วนใหญ่เข้ามาให้กองกำลังนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งกองกำลังจะแข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ กองกำลังยังคงต้องถนอมทุกๆวินาทีที่ตัวอยู่ในเกมไว้เพื่อปรับปรุงตัวเองเพื่อให้สามารถแข่งขันและเหนือกว่าทีมกับกองกำลังหลักของมหาอำนาจอื่นๆด้วย
มันไม่มีกิลใดที่จะยอมปล่อยให้กองกำลังหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองเสียเวลาหนึ่งเดือนไปกับการทำงานให้คนอื่นหรอก แม้จะเป็นการเร่งกระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาก็ตาม
“ฉันไม่มีอำนาจในการจะตัดสินใจในเรื่องนี้ ฉันต้องรายงานเรื่องนี้ไปยังพวกระดับสูงของฉันก่อน ถ้าพวกเขาอนุมัติ ฉันก็ยินดีจะให้เป็นไปตามนั้น” เฮลรัชกล่าว แม้ว่าคำพูดของซือเฟิงจะดึงดูดเขา แต่เขาก็ยังคงส่ายหัวและไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้
กองกำลังนรกนั้นเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ ซึ่งกิลนั้นได้ทุ่มทั้งเงินและทรัพยากรจำนวนมหาศาลเข้ามาคอยปรับปรุงกองกำลัง มันจึงไม่ใช่สิ่งที่ซือเฟิงนั้นจะสามารถเข้าไปแตะต้องได้ง่ายๆ
ยิ่งไปกว่านั้นจักรวรรดิโลกใต้พิภพอาจไม่มีวิธีการใดๆในการเร่งกระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาในตอนนี้ แต่มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นในอนาคต หรือในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ หากจักรวรรดิโลกใต้พิภพบังเอิญไปเจอวิธีการแบบนี้โดยบังเอิญ หลังจากเซ็นสัญญาไปกับซือเฟิง กองกำลังนรกก็จะต้องเสียเวลาหนึ่งเดือนไปโดยเปล่าประโยชน์ และพูดกันจริงๆด้วยพลังของกองกำลังนรกนั้น การเสียเวลาไปหนึ่งเดือนจัดว่าเป็นที่ยอมรับไม่ได้เลย
“เอาล่ะ ฉันได้รีบร้อนเรื่องข้อตกลงนี้ คุณสามารถจะกลับไปคิดดูก่อนได้ เมื่อคุณกลับไป …” ซือเฟิงกล่าว เขาไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยกับคำตอบของเฮลรัช เพราะท้ายที่สุดเรื่องนี้มันก็เกินขอบเขตการตัดสินใจของเฮลรัชที่อยู่ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังนรกไปจริงๆ มันมีเพียงแค่หัวหน้ากิลและเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินใจอะไรแบบนี้ได้
“ขอบคุณที่เข้าใจหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราจะรีบตอบกลับคุณโดยเร็วที่สุด” เฮลรัชกล่าวพลางพยักหน้า แม้ว่าภายในใจเขาจะรู้สึกว่ามันมีโอกาสน้อยมากเลยทีเดียวที่พวกระดับสูงจะอนุมัติคำขอนี้ เพราะท้ายที่สุดระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นมันยาวนานเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนผู้เล่นขั้นสามใน God domain กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันโคล่าที่ได้ยินการพูดคุยนี้ก็มองไปยังซือเฟิงอย่างสับสน
“หัวหน้ากิล หัวหน้าวางแผนจะให้พวกเขาเข้าไปในประตูมรดกงั้นหรอ ?” โคล่าถามด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบ หากแต่ว่าสีหน้าของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
โคล่านั้นได้สัมผัสถึงสิทธิประโยชน์ที่ประตูมรดกมอบให้มาเป็นการส่วนตัวแล้ว และมันก็เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการปรับปรุงและปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามจำนวนช่องที่จะสามารถเข้าสู่ประตูมรดกได้ในแต่ละเดือนนั้นมีจำกัด และสภาสิบแปดปีกก็มีแทบจะไม่เพียงพอสำหรับตัวเองแล้ว เขารู้สึกว่าการจะมอบช่องให้จักรวรรดิโลกใต้พิภพด้วยนั้น มันจะเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นจะทำประโยชน์ได้มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นการปล่อยให้กองกำลังนรกใช้ประตูมรดก มันก็จะเป็นการเปิดเผยมูลค่าที่แท้จริงของป้อมปราการแสงดาวด้วย
แม้ว่ากองกำลังนรกนั้นจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่มากมาย แต่สภาสิบแปดปีกนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน กิลอาจไม่สามารถผลิตผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้สามร้อยคนในอีกสิบหรือสิบห้าวันข้าง แต่การผลิตผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขึ้นมาให้ถึงสองร้อยคนนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ และในตอนนั้นสภาสิบแปดปีกก็น่าจมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนหนึ่งที่ปลดศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว
“อืม ฉันมีงานสำคัญที่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกช่วยจัดการน่ะ …” ซือ
เฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“งานสำคัญ ?” คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้โคล่ายิ่งสับสน เขาไม่เข้าใจว่าซือเฟิงต้องการจะให้กองกำลังนรกทำอะไร ในแง่ของพลังการต่อสู้ ผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกนั้นด้อยกว่าไฟเออร์แดนซ์ และสมาชิกสภาสิบแปดปีกอีกสี่คนมากๆ ในความเป็นจริงทั้งห้าคนนี้จะสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกได้อย่างง่ายดายเลยด้วยซ้ำ และอย่างดีที่สุดนั้นกองกำลังนรกก็จะมีประโยชน์ในการบุกเข้าโจมตีดันเจี้ยนก็เท่านั้น
“ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ หลังจากปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวกันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่มันก็มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถจะทำให้สำเร็จได้ด้วยผู้เล่นแค่ไม่กี่คน” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นโคล่ามองไปยังสมาชิกกองกำลังนรกอย่างดูถูก
กลุ่มห้าคนของไฟเออร์แดนซ์นั้นอาจจะสามารถปราบปรามสมาชิกกองกำลังนรกได้ในตอนนี้ แต่เมื่อสมาชิกของกองกำลังนรกปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้เท่าพวกเขานั้น กลุ่มห้าคนของไฟเออร์แดนซ์ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากลำบากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกนั้นจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เมื่อไหร่ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ในขณะเดียวกันสิ่งที่ซือเฟิงต้องการคือกองกำลังนรกที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทั้งหมด
แม้ว่ามังกรเงินศักสิทธิ์จะกลายเป็นพรรคพวกของเขาแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เขายังต้องทำการทดสอบของออร์เบ็คให้เสร็จสิ้นภายในสี่เดือนเพื่อให้สัญญามีผลถาวร และการทดสอบของออร์เบ็คก็จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะผ่านมันไปให้ได้
ในขณะเดียวกันวิธีการที่เขาคิดได้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งที่ดีที่สุดตอนนี้ก็ คือ การทำดาบโซโลมอนให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่ชิ้นส่วนที่เหลือของดาบโซโลมอนอยู่นั้น มันก็ล้วนเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ และความเสี่ยงที่มันจะล้มเหลวก็สูงมาก หากเขานำแค่ไฟเออร์
แดนซ์กับคนอื่นๆไปช่วยเขาในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากกองกำลังนรก
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังนรก สภาสิบแปดปีกก็จะไม่จำเป็นต้องกลัวมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันออกอีกต่อไป พวกเขาสามารถจะปะทะกับเหล่ามหาอำนาจได้ตรงๆ และแข่งขันเพื่อแย่งจุดที่มีทรัพยากรสำคัญได้อย่างแท้จริง ซึ่งสภาสิบแปดปีกก็จะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเมืองที่พวกเขามีเป็นหลักในการปกป้องทรัพยากรแล้ว แถมนี่มันก็จะช่วยป้องกันให้มหาอำนาจต่างๆไม่สามารถจัดการกับสภาสิบแปดปีกได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
ปัจจุบันแหล่งที่มาของอาวุธและอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ผู้เล่นใช้กันนั้นยังคงมาจากมอน
สเตอร์ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อผู้เล่นสายอาชีพเริ่มพัฒนาและมีความสามารถสูงขึ้นเรื่อยๆ
หากสภาสิบแปดปีกไม่ได้เข้ายึดและรักษาจุดที่มีทรัพยากรที่จำเป็นไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยความแข็งแกร่งโดยรวมของกิล การจะทำมันในอนาคตนั้นจะยากมากๆ
เมื่อซือเฟิงและโคล่าพูดคุยกันจบ ไฟเออร์แดนซ์และอีกสี่คนก็ได้ล่อหัวหน้ายักษ์ดินให้ออกห่างจากกลุ่มหลักได้แล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้เฮลรัชก็นำทีมของเขาเริ่มปฎิบัติการกวาดล้างยักษ์ดินที่อ่อนแอตัวอื่นๆทันที
เมื่อไม่ต้องเผชิญหน้ากับแกรนลอร์ด สำหรับสมาชิกของกองกำลังนรกที่มีค่าสถานะทัดเทียมกับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันนั้น พวกเขาก็สามารถที่จะไล่จัดการมอนสเตอร์ที่เหลือได้สบายๆเลย หากจะพูดถึงความไม่สะดวกเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาได้รับนั่นก็คือเรื่องความคล่องตัวที่ลดลงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสำหรับไฟเออร์แดนซ์และอีกสี่คนนั้น พวกเขาปราบปรามแกรนลอร์ดไว้ได้อย่างอยู่หมัดเลย และพวกเขาก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับแรงกดดันมากมายนักด้วยในระหว่างการต่อสู้ ขณะที่กองกำลังนรกนั้นก็ค่อยๆไล่ฆ่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆไปอย่างเป็นระบบ
ประมาณสองชั่วโมงต่อมา มอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่ไม่ใช่แกรนลอร์ดนั้นก็ตายลงทั้งหมดแล้ว ขณะที่ตอนนี้หัวหน้ายักษ์ดิน ที่เป็นแกรนลอร์ดทั้งห้าตัวนั้นก็เหลือ HP น้อยกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์แล้ว
สมาชิกของกองกำลังนรกนั้นอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเช่นกันเมื่อได้เห็นฉากนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆนั้นจะสามารถโซโล่กับหัวหน้ายักษ์ดินได้ แต่พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าคนเหล่านี้จะทำให้แกรนลอร์ดแต่ละตัวสูญเสีย HP ไปได้มากขนาดนี้
“เอาล่ะรีบกำจัดหัวหน้ายักษ์ดินที่เหลือให้ไวที่สุด !!!” ซือเฟิงออกคำสั่ง เมื่อเขาเห็นสมาชิกของกองกำลังนรกกำลังจ้องมองไปยังกลุ่มของไฟเออร์แดนซ์อย่างตกตะลึง
คนอื่นๆนั้นอาจไม่รู้ถึงสภาพกลุ่มของไฟเออร์แดนซ์ตอนนี้ แต่เขารู้ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วแม้ว่ากลุ่มของไฟเออร์แดนซ์จะทำให้ HP ของหัวหน้ายักษ์ดินลดลงไปอย่างมากแล้ว แต่พวกเขาก็ได้ใช้ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปอย่างมากเช่นกัน ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถโซโล่จนจบกับบอสได้แน่นอน และท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นก็ยังต้องการกำลังคนจำนวนมากอยู่ดีเพื่อจะเอาชนะบอสแบบนี้ ไม่งั้นเขาคงไม่ขอยืมพลังของกองกำลังนรกมาหรอก
คำสั่งของซือเฟิงนั้นทำให้ทุกคนหายจากอาการตกตะลึง และพวกเขาก็พุ่งเข้าโจมตีมอนสเตอร์ช่วยเหลือกลุ่มของไฟเออร์แดนซ์ทันที
ซึ่งเมื่อมีกองกำลังนรกมาเข้าร่วมโจมตีด้วยแบบนี้ มันก็ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่พวกเขาจะสามารถฆ่าหัวหน้ายักษ์ดินทั้งห้าตัวลงได้ โดยเมื่อบอสทั้งห้าตัวตายลงนั้นแถบ EXP ของทุกคนก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แกรนลอร์ดที่นี่นั้นให้ EXP มากกว่าแกรนลอร์ดในโลกภายนอกอย่างมาก
ซึ่งในเวลาสามวินาทีแถบค่า EXP ของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นสิบห้าเปอเซ็นต์ ซึ่งมันมากเท่ากับการล่าครึ่งวันของพวกเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่หัวหน้ายักษ์ดินทั้งห้าตายลง มันก็ได้ดรอปไอเทมไว้หลายโหลด้วย ไอเทมที่มันดรอปออกมานั้นมีมากมายกว่าไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปในโลกภายนอกซะอีก ครู่หนึ่งทุกคนจากกองกำลังนรกต่างก็ตกตะลึงกับฉากนี้