Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2497

ความเปลี่ยนแปลงที่ป้อมปราการแสงดาว

หุบเขาดาว ป้อมปราการแสงดาว :

ขณะที่ซือเฟิงและคนอื่นๆกลับมาที่ป้อมปราการแสงดาว ฉากที่หน้าประหลาดใจนั้นก็ตรงเข้ามาทักทายพวกเขา

ตอนนี้มันมีผู้เล่นอัดแน่นเต็มไปหมดในป้อมปราการแสงดาวที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่นิยม ขณะที่ผู้เล่นบางคนนั้นก็ยังมีเลเวลไม่ถึงหนึ่งร้อยด้วยซ้ำ ผู้เล่นเหล่านี้นั้นเข้ามาตั้งแผงขายของตามถนนของป้อมปราการโดยพวกเขาทำการขายโพชั่น และอุปกรณ์เพิ่มค่าความต้านทานทุกชนิด ขณะที่บางส่วนก็ขายอาวุธและอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยด้วย ความเจริญรุ่งเรืองดังกล่าวนั้นมันทำให้เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการเลยว่าป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นเพียงป้อมปราการขนาดเล็กที่พึ่งจะเปิดได้ไม่ถึงสัปดาห์ ตอนนี้มันดูเหมือนกับป้อมปราการขนาดกลางทั่วไปที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมมานานแล้ว

“ทำไมถึงมีผู้เล่นมากมายที่นี่กัน ?” ธันเดอร์บีสต์นั้นเต็มไปด้วยความสับสน และตกตะลึง ขณะที่เขามองไปยังถนนที่เต็มไปด้วยความแออัด

เขานั้นจำได้ว่ามันมีผู้เล่นอยู่จำนวนไม่มากนักในป้อมปราการแสงดาว นอกเหนือจากคนของเผ่าศักสิทธิ์ และคนของจักรวรรดิโลกใต้พิภพในตอนก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าเข้าสู่ป้อมปราการ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในป้อมนั้นมันสูงมากเกินไป และการที่ต้องการจะอยู่ในป้อมปราการแสงดาวเพิ่มพิเศษอีกหนึ่งวัน ผู้เล่นก็จะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งชิ้นต่อวันเลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างเขาก็แทบจะไม่สามารถทนต่อราคาที่สูงขนาดนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นทั่วไปเลย

ด้วยวิธีที่ซือเฟิงใช้จัดการกับป้อมปราการแสงดาวนั้น ธันเดอร์บีสต์คิดว่าชายคนนี้จะโชคดีมากแล้ว หากเขามีรายได้มากเพียงพอที่จะสนับสนุนการดำเนินงานประจำวันของป้อมปราการ

แต่มันตรงกันข้ามกับความคิดของเขา ตอนนี้ป้อมปราการแสงดาวกับเต็มไปด้วยความมั่งคั่งซึ่งส่วนใหญ่นั้นมันก็มาในรูปแบบของคริสตัลเวทย์มนต์ ป้อมปราการนี้นั้นเกือบจะทำกำไรได้มากกว่าเส้นเลือดแร่เกรดสามด้วยซ้ำ

สถาการณ์นี้ก็ทำให้เฮลรัชตกตะลึงเช่นกัน
แม้ว่าศาลเจ้าของเทพปีศาจจะดึงดูดผู้เล่นเข้ามาที่หุบเขาดาวไม่น้อย แต่ป้อมปราการแสงดาวนั้นก็ไม่ควรจะสามารถพัฒนาไปได้เร็วขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? เฮลรัชเฝ้ามองผู้เล่นที่เดินไปตามท้องถนนของป้อมปราการด้วยความสับสน

เขานั้นคาดไว้อยู่แล้วว่าป้อมปราการแสงดาวจะกลายเป็นที่นิยมแน่นอนในหุบเขาดาว อันเนื่องมาจากมรดกของเทพปีศาจ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันมีมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกแค่ไม่กี่กลุ่มหรอกที่จะสามารถต้านทานสิ่งล่อลวงนี้ได้ และหากต้องการจะได้รับมรดกของเทพปีศาจ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องมาใช้เวลาอยู่ในพื้นที่

ซึ่งมันก็ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นจุดพักผ่อนที่ดีที่สุดในหุบเขาดาว แม้ว่าค่าครองชีพที่นี่จะสูงอย่างมาก แต่มันก็จัดว่าถูกไปเลยเมื่อเทียบกับมรดกของเทพปีศาจ

อย่างไรก็ตามผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากการประกาศของระบบ มันมีผู้เล่นจำนวนมากมารวมตัวกันภายในป้อมปราการในเวลาไม่ถึงสามสิบนาทีได้ยังไง ?

“ผู้บัญชาการ ฉันคิดว่ามานาที่นี่นั้นเปลี่ยนไป ตั้งแต่เรากลับมาถึงความสัมพันธ์ของฉันกับมานาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก” Elementalist ขั้นสามกล่าวบอกกับเฮลรัช “ฉันสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบธาตุชั้นยอดสามธาตุโดยรอบของป้อมปราการ …”

“องค์ประกอบธาตุชั้นยอดสามธาตุ ? นี่มันหมายความว่าสภาพแวดล้อมในป้อมปรากรสามารถเทียบได้กับสมัยโบราณงั้นหรอ …?” เฮลรัชนั้นอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดของ Elementalist ขั้นสาม

ผู้เล่นทั่วไปนั้นอาจไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในสมัยโบราณหรือผลกระทบที่มีต่อผู้เล่นมากนัก แต่ในฐานะของผู้บัญชาการกองกำลังนรกเขามีข้อมูลและความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี หากสภาพแวดล้อมภายในป้อมปราการแสงดาวนี้เหมือนกับในสมัยโบราณ ผู้เล่นที่อยู่ในป้อมปราการก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตน ร่างมานาของผู้เล่นทุกคนนั้นประกอบไปด้วยองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ด และภายในสภาพแวดล้อมที่ขาดองค์ประกอบธาตุชั้นยอดสามธาตุนั้น การจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาสักร่างหนึ่งมันก็ทำได้ยากมากๆ

“หัวหน้ากิล หัวหน้าทำอะไรกัน ? ตอนนี้มันมีผู้เล่นมากมายแล้ว และรายได้ต่อวันของเราก็น่าจะคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าสองแสนชิ้นแล้ว !!!” อควาโรสถามซือเฟิง เมื่อเธอเห็นถนนที่แออัด “ซึ่งด้วยคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากมายขนาดนี้ เราจะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการผลิตเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืดเลย”

การผลิตเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืดนั้นไม่เพียงแต่จะต้องใช้วัสดุหายากจำนวนมาก แต่มันยังต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากด้วย และการจะผลิตเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืดให้ได้สักหนึ่งเซ็ทนั้นมันก็ต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์ถึงหนึ่งหมื่นชิ้นแล้ว และนี่ยังไม่นับรวมวัสดุหายากอื่นๆที่สามารถซื้อได้ด้วยคริสตัลเวทย์มนต์เท่านั้น โดยรวมแล้วการผลิตเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืดหนึ่งเซ็ทนั้นนั้นจะมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์อย่างน้อยสองหมื่นชิ้นเลย ซึ่งแม้แต่มหาอำนาจทั่วไปก็ยังยากจะจ่ายต้นทุนการผลิตที่สูงแบบนี้ได้

สภาสิบแปดปีกได้ใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปเกือบหมดแล้วเพื่อจัดซื้อวัสดุจากเผ่าศักสิทธิ์ และในการยึดป้อมปราการแสงดาว ซึ่งตอนนี้มันทำให้พวกเขาเหลือคริสตัลเวทย์มนต์อยู่ในมือไม่มากเท่าไหร่แล้ว และการใช้มันเพื่อพัฒนาป้อมปราการแสงดาวก็นับว่าเป็นเรื่องท้าทายมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการผลิตเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืดเลย

ป้อมปราการแสงดาวนั้นมันทำงานเป็นเหมือนกับเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่กลืนกินคริสตัลเวทย์มนต์อย่างไม่ลดละ เพียงแค่ทำให้วงเวทย์ของป้อมปราการทำงานอยู่ได้มันก็คิดเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของหอคอยอัญเชิญ และคุกป้อมปราการเลย

โดยรวมแล้วการดำเนินงานของป้อมปราการแสงดาวนั้นจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อวันอย่างน้อยอยู่ที่คริสตัลเวทย์มนต์สามหมื่นชิ้น สภาสิบแปดปีกนั้นถูกบังคับให้ต้องยืมคริสตัลเวทย์มนต์จากเผ่าศักสิทธิ์เพื่อรักษาป้อมปราการด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามตอนนี้จำนวนผู้เล่นของป้อมปราการแสงดาวนั้นกับทะลุสองแสนคนไปแล้ว ซึ่งนี่มันจะทำให้พวกเขามีรายได้ขั้นต่ำเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองแสนชิ้นต่อวันเลย และแม้จะหักค่าใช้จ่ายต่างๆรวมทั้งค่าดำเนินการที่จำเป็นของป้อมปราการทั้งหมดแล้ว สภาสิบแปดปีกก็จะยังคงมีกำไรเป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าหนึ่งแสนชิ้นต่อวัน

กำไรเป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าหนึ่งแสนชิ้นต่อวัน !!!

สภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากขนาดนี้ต่อวันได้เลย ผ่านเมืองป่าหิน เมืองสภาสิบแปดปีก เมืองอื่นๆ และรวมไปถึงเส้นเลือดแร่ที่พวกเขาครอบครองรวมกัน

“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่ เพียงแค่ผู้เล่นเริ่มรับรู้ถึงหลายเรื่องมากขึ้นก็เท่านั้น” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆให้กับความตื่นเต้นของอควาโรส

ป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นป้อมปราการโบราณ เมื่อเปิดให้สาธารณชนเข้าชมนั้นมันจะค่อยๆดึงดูดองค์ประกอบธาตุชั้นยอดสามธาตุจากสภาพแวดล้อมเข้ามาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดั้งเดิมขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามนี่เป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบากมากๆ มันยังคงต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนที่ป้อมปราการจะมีสภาพแวดล้อมที่เทียบได้กับในสมัยโบราณ ถึงกระนั้นคุณลักษณะนี้มันก็มีค่ามากสำหรับผู้เล่นของ God domain

สภาพแวดล้อมนี้ไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์สำหรับผู้เล่นที่พยายามจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตน แต่มันยังจะช่วยเป็นบันไดให้ผู้เล่นปีนข้ามขั้นได้ง่ายขึ้น

ในขณะที่ผู้เล่นไปถึงขั้นที่สูงขึ้น พวกเขาก็จะต้องมีความเข้าใจขั้นพื้นฐาน และการควบคุมองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ดเพิ่มขึ้น หากทั้งสองอย่างนี้ของพวกเขาย่ำแย่ พวกเขาจะอ่อนแอกว่าคนอื่นๆในขั้นเดียวกันมาก

สำหรับเรื่องเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืด เขาเองก็เคยรู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้เช่นกัน

การผลิตพวกมันไม่กี่เซ็ทนั้นจะไม่เป็นปัญหามากนัก อย่างไรก็ตามการผลิตพวกมันให้ได้จำนวนมากๆนั้นจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมหาศาล ซึ่งมันก็มหาศาลมากพอที่จะทำให้มหาอำนาจทั่วไปบางกลุ่มหน้าซีดได้เลย

โชคดีที่ป้อมปราการแสงดาวนั้นพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ ซึ่งหากมันไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเก็บแบบแปลนนี้ไว้ก่อนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องวัสดุได้ แต่เขาก็ยังต้องการกำลังคนอยู่ดี เขาไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ทั้งหมด เขาต้องการปรมาจารย์ช่างตีเหล็กขั้นสูงอีกอย่างน้อยสองคนเพื่อให้แน่ใจว่าอัตราความสำเร็จในการผลิตมันจะเป็นที่น่าพอใจ เมื่อทำการผลิตเซ็ทอุปกรณ์ปีศาจแห่งความมืด เพราะท้ายที่สุดแค่ต้นทุนแห่งความล้มเหลวมันก็มากพอจะทำให้กิลชั้นสูงล้มละลายได้เลย

ทันใดนั้นทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยหก ซึ่งนำโดยหญิงสาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาซือเฟิง โดยหญิงสาวสวยคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟิธาเลีย ผู้บัญชาการกองกำลังดีไวน์ไฮม์

น่าแปลกใจที่ฟิธาเลียนั้นดูเหมือนจะสูญเสียเลเวลไป เพราะเลเวลของเธอตกลงไปอยู่ที่หนึ่งร้อยหก และมันก็มีออร่าแห่งความตายล้อมรอบเธอที่แสดงให้เห็นว่าเธออยู่ในสถานะอ่อนแออย่างชัดเจน

เรื่องนี้ทำให้ซือเฟิงและคนอื่นๆตกตะลึง

“ในที่สุดฉันก็ได้พบคุณ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” ฟิธาเลียพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“มีอะไรเกิดขึ้น ?” ซือเฟิงถาม

การสื่อสารระหว่างผู้ที่อยู่ในสุสานดาวกับโลกภายนอกนั้นมันถูกตัดขาด และหากผู้เล่นต้องการจะติดต่อกัน พวกเขาก็จะต้องทำด้วยวิธีออฟไลน์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่ได้รู้สักกังวลใดๆเรื่องของป้อมปราการ เพราะมันมีกองกำลังของเผ่าศักสิทธิ์กับมังกรเงินศักสิทธิ์คอยปกป้องอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ทิ้งผู้เชี่ยวชาญของกิลเขา แม้แต่คนเดียวไว้ที่ป้อมปราการ

“ผู้เล่นของไมโทโลจี้ได้มาที่นี่ พวกเขาไม่เพียงแต่จะเรียกร้องให้เผ่าศักสิทธิ์ส่งมอบสถานที่พักกิลชั่วคราวให้พวกเขา แต่พวกเขายังเรียกร้องให้สภาสิบแปดปีกยอมมอบหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอเซ็นต์ของป้อมปราการแสงดาวให้พวกเขาด้วย” ฟิธาเลียกล่าว

“แล้วเรื่องเลเวลของคุณล่ะ ?” ซือเฟิงนั้นไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ซุเปอร์กิลอย่างไมโทโลจี้จะตั้งเป้ามาที่ป้อมปราการแสงดาว แต่อย่างไรก็ตามเขาประหลาดใจเรื่องที่เห็นว่าฟิธาเลียสูญเสียเลเวลไป

“มันไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่ต่อสู้กับคนของไมโทโลจี้และพ่ายแพ้น่ะ …” ฟิธาเลียอธิบาย “นี่คือสิ่งที่ฉันอยากจะคุญกับคุณ ฉันไม่รู้ว่าสมาชิกของไมโทโลจี้นั้นได้รับพลังแบบไหนมา แต่พวกเขานั้สามารถจะปปกปิดออร่าของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้ในป้อมปราการ แต่มังกรศักศิทธิ์ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะค้นพบเรื่องนี้ ถ้าไมโทโลจี้ทำให้ป้อมปราการตกอยู่ในความโกลาหล ฉันกลัวว่า …”

“แม้แต่เธอก็เทียบกับพวกเขาไม่ได้งั้นหรอ ?” เฮลรัชตกตะลึง เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุด

เฮลรัชนั้นรู้ดีว่าฟิธาเลียแข็งแกร่งแค่ไหน เธอนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเขาอย่างแน่นอน แม้แต่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ของไมโทโลจี้ก็น่าจะยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเอาชนะเธอ นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเธอมักไปไหนมาไหนโดยมีองครักษ์ส่วนตัวที่เป็นผู้เล่นติดตามไปตลอด ตามเหตุผลแล้วมันไม่ควรจะมีคนที่สามารถฆ่าเธอได้เลย

“พวกเขามีวิธีปกปิดออร่าของพวกเขางั้นหรอ ?” ซือเฟิงตกอยู่ในห้วงความคิดลึกสักครู่

เขานั้นรู้วิธีมากมายในการปกปิดออร่าของคนๆหนึ่งใน God domain แต่มันไม่ควรจะมีวิธีใดเลยที่สามารถใช้ซ่อนตัวจากมังกรศักสิทธิ์ได้ในช่วงหนึ่ง

“คนของไมโทโลจี้ยังฝากฉันมาบอกคุณว่า พวกเขาจะปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อศาลเจ้าของเทพปีศาจถูกเปิดขึ้น และหวังว่าสภาสิบแปดปีกจะพิจารณาคำขอของพวกเขาอย่างรอบคอบ หากสภาสิบแปดปีกปฎิเสธก็จะต้องรับผลที่ตามมา”

ฟิธาเลียนั้นปวดหัวอย่างมากกับสถานการณ์นี้ กลุ่มผู้เล่นที่ไมโทโลจี้ส่งเข้ามายังป้อมปราการนั้นทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และพวกเขาก็สามารถปกปิดออร่าของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ หากการต่อสู้ระหว่างพวกเขาเกิดขึ้น ป้อมปราการแสงดาวก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset