หัวใจเทพ
เมื่อฟิธาเลียพูดจบนั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วในหมู่พวกเขา เฮลรัชนั้นขมวดคิ้วเมื่อได้ยินข่าวนี้
“ไมโทโลจี้นั้นหยิ่งผยองเกินไปแล้ว !!! นี่พวกเขาไม่เห็นจักรวรรดิโลกใต้พิภพอยู่ในสายตาเลยงั้นหรอ ?!!” ธันเดอร์บีสต์ที่สูงเกือบสามเมตรกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
นี่มันน่าโมโหอย่างมาก !!!
ไม่เพียงแต่ไมโทโลจี้ประกาศจะรีดไถสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขายังดูเหมือนจะทำแบบไม่เห็นจักรวรรดิโลกใต้พิภพอยู่ในสายตาด้วย
สาธารณชนนั้นได้เรียนรู้มานานแล้วเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนของจักรวรรดิโลกใต้พิภพกับป้อมปราการแสงดาว และมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกทุกกลุ่มก็รู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางที่ซุเปอร์กิลอย่างไมโทโลจี้จะไม่รู้เรื่องนี้
แต่ถึงกระนั้นไมโทโลจี้กับเรียกร้องหุ้นถึงห้าสิบเอ็ดเปอเซ็นต์ของป้อมปราการแสงดาว ซึ่งแม้แต่จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นก็ยังไม่มีส่วนแบ่งให้หุ้นเลย ซึ่งการกระทำแบบนี้ของไมโทโลจี้นั้นมันก็เท่ากับว่าพวกเขาประกาศตัวเองว่าทรงพลัง และมีความสำคัญเหนือกว่าจักรวรรดิโลกใต้พิภพ
“ฟิธาเลีย คุณรู้ไหมว่าไหมว่าใครเป็นหัวหน้าทีมของไมโทโลจี้ ?” เฮลรัชถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ดูเหมือนว่ามันจะนานมากแล้ว ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเรากับไมโทโลจี้ และมันดูเหมือนว่าคนของไมโทโลจี้จะลืมเรื่องของกองกำลังนรกไปแล้ว !!!”
อุณภูมิในพื้นที่รอบๆที่พวกเขาพูดคุยกันนั้นลดลงทันที เมื่อเฮลรัชพูดขึ้น มานาโดยรอบนั้นเริ่มแข็งตัวราวกับมันมีปฎิกิริยาต่ออารมณ์ของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการควบคุมมานาของเฮลรัชนั้นจัดว่าดีในระดับหนึ่งแล้ว
“ผู้บัญชาการรัช คุณจะต้องไม่ผลีผลาม คนเหล่านี้นั้นอยู่ในทีมที่ตั้งขึ้นใหม่จากไมโทโลจี้ หัวหน้าทีมของพวกเขาเป็นชายหนุ่มผมสีเงิน และเขาดูเหมือนจะอายุแค่ประมาณยี่สิบสองถึงยี่สิบสามเท่านั้น แถมเขาก็ได้เข้าแทนที่เทรมบิ้งแฮนด์ ในฐานะรองผู้บัญชาการของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้แล้ว และเพื่อนร่วมทีมของเขาทุกคนนั้นก็มีอายุไล่เลี่ยกัน แต่พวกเขากับแข็งแกร่งมากอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่แอสซาซินที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมของเราก็ยังเร็งไม่เท่าพวกเขาเลย พวกเขานั้นเคลื่อนไหวเหมือนกับภูติผี และตอนที่พวกเขามาปรากฎตัวขึ้นข้างหลังฉัน ฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฎตัวของพวกเขาเลย” ฟิธาเลียรีบอธิบายอย่างละเอียด เมื่อเธอรู้ว่าเฮลรัชนั้นต้องการจะจัดการกับคนของไมโทโลจี้พวกนี้ “ทีมของพวกเขาจะถูกจัดการลงได้ยากขึ้นไปอีกแน่นอน ถ้าอยู่ในแผนที่ล่า”
เธอเข้าใจถึงความโกรธของเฮลรัชดี แต่ทีมนี้นั้นมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งโหลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และพวกเขาทั้งหมดก็ล้วนมาและไปราวกับภูติผี หากกองกำลังนรกต่อสู้กับผู้เล่นเหล่านี้ในป้อมปราการแสงดาว พวเขาก็คงจะไม่มีปัญหาใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นการวิ่งเข้าหาความตายของกองกำลังนรกแน่นอน หากออกไปล่าทีมๆนี้ในแผนที่ล่า
ด้วยภูมิประเทศที่ซับซ้อนในแผนที่ล่า การไม่สามารถสัมผัสได้ถึงคู่ต่อสู้ก็จะทำให้ตาบอดไปข้างหนึ่งแล้ว แม้ว่าเฮลรัชและคนอื่นๆจะแข็งแกร่ง แต่สมาชิกของไมโทโลจี้นั้นก็มีความรวดเร็วมากเป็นพิเศษ และการจะตรึงผู้เล่นสักคนของพวกเขาไว้ก็น่าจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดห้าถึงหกคน เป็นอย่างน้อย ….
ซึ่งในทีมของไมโทโลจี้นั้นมีผู้เชี่ยวชาญแบบนี้มากกว่าหนึ่งโหล ….
เมื่อผู้เล่นเหล่านี้โจมตี ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนับสิบคนภายใต้คำสั่งของเธอนั้นก็ไม่สามารถจะหยุดพวกเขาได้เลย สมาชิกของไมโทโลจี้เหล่านี้ได้เลือกจะตั้งเป้าไปที่ผู้เล่นคนเดียว ก่อนที่พวกเขาจะหนีไปเมื่อฆ่าผู้เล่นเป้าหมายได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการเลยว่าพวกเขาจะน่ากลัวแค่ไหนในแผนที่ล่า
“เขาเข้ามาแทนที่เทรมบิ้งแฮนด์ ? เป็นไปได้ยังไง ?” ธันเดอร์บีสต์ประหลาดใจ
เทรมบิ้งแฮนด์นั้นเป็นที่รู้จักกันในฐานะอัจฉริยะ นับตั้งแต่เขาเข้าร่วมโลกแห่งเกมเสมือนจริง และเขาก็ต่อสู้ในโลกเกมเสมือนจริงต่างๆมานานกว่าสิบปีแล้ว และเขาก็ได้มาถึงขอบเขตโดเมนแล้ว ซึ่งขอบเขตโดเมนที่เขามาถึงได้นั้นก็พอๆกับเฮลรัช และชายคนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงอายุราวสามสิบเท่านั้น โดยตอนนี้เขาก็นับว่าอยู่ในช่วงสำคัญของตัวเอง และยังสามารถปรับปรุงไปได้อีกมาก
บรรดาพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนเชื่อว่าเทรมบิ่งแฮนด์เป็นผู้เล่นที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะกลายเป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้คนต่อไป แต่ตอนนี้เขากับต้องมาสูญเสียตำแหน่งรองผู้บัญชาการให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ….
แม้แต่เฮลรัชก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้ยินข่าวนี้ ….
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงกล้าจะพูดเรื่องบ้าๆแบบนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มีดีแค่คุยโวสินะ !!! ดวงตาของเฮลรัชหรี่ลง ในขณะที่เขากำลังคิดว่าเขาจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไร
ถ้าสิ่งที่ฟิธาเลียพูดเป็นความจริง นี่จะนับเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
มันมีสมาชิกเพียงไม่กี่คนของกองกำลังนรกเท่านั้นที่สามารถจะต่อสู้กับเทรมบิ้งแฮนด์ได้ และที่เหลือนั้นก็จะต่อกรกับคนๆนี้ได้ไม่นานนัก ในขณะเดียวกันชายหนุ่มที่ฟิธาเลียกล่าวถึงนั้นสามารถจะหลีกเลี่ยงการตรวจจับได้ และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทรมบิ้งแฮนด์ หากเป็นเช่นนี้จริงๆมันจะไม่มีสมาชิกของกองกำลังนรกคนใดที่สามารถรับมือกับชายหนุ่มผมสีเงินคนนี้ได้นานนัก
เว้นแต่ว่าเป้าหมายนั้นจะมีสกิลหรือเวทย์อมตะ แม้แต่เฮลรัชเองก็ยังไม่น่าจะสามารถรับมือกับชายหนุ่มคนนี้ได้เกินสามถึงสี่การเคลื่อนไหว ในขณะเดียวกันหากชายหนุ่มคนนี้ต้องการจะหลบหนี พวกเขาก็จะต้องการผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดอย่างน้อยยี่สิบคนเพื่อหยุดชายหนุ่ม และผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดทั้งหมดเหล่านี้ก็จะต้องไม่ละสายตาจากชายหนุ่มด้วย
“ผู้บัญชาการฟิธาเลีย คุณมีบันทึกการเข้าและออกป้อมปราการของพวกเขาไหม ?” ซือเฟิงถาม
“ไม่เลย และมันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพึ่งปรากฎตัว และจากความสามารถของพวกเขา พวกเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการหนีออกผ่านประตูป้อมปราการไป และมันก็ไม่มีแม้แต่ NPC ขั้นสามที่จะสังเกตเห็นพวกเขา” ฟิธาเลียพูดพลางส่ายหัว
เผ่าศักสิทธิ์นั้นได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามบางส่วนเข้ามาประจำการที่ประตูหน้าของป้อมปราการแสงดาว แต่เมื่อเธอตรวจสอบบันทึกของ NPC แล้ว มันกับไม่มีการกล่าวถึงผู้เล่นของไมโทโลจี้เลย มันราวกับว่าผู้เล่นเหล่านี้โผล่มาจากอากาศมที่ว่างเปล่า
การหยุดผู้เล่นเหล่านี้ไว้ที่ประตูหน้าของป้อมปราการนั้นมันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น่าสนใจ ?” ฟิธาเลียนั้นอดไม่ได้ที่จะกลอกตา เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ครู่หนึ่งเธอแอบสงสัยว่าซือเฟิงนั้นเข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์ไหม
ด้วยความสามารถในการเข้าและออกป้อมปราการแสงดาวได้อย่างอิสระ มันจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งผู้เล่นเหล่านี้ไม่ให้ก่อความวุ่นวายในป้อมปราการแสงดาวได้
ป้อมปราการแสงดาวนั้นพึ่งจะถูกเปิดขึ้น หากเกิดความวุ่นวายและความโกลาหลขึ้นภายใน มันจะทำให้เกิดโศกนาฎกรรมต่อการพัฒนาของป้อมปราการแน่นอน มันไม่มีใครต้องการจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทรัพยากรที่สำคัญ
“ใช่แล้ว ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของสภาสิบแปดปีกเอง แต่อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังคงจะต้องขอรบกวนคุณเกี่ยวกับเรื่องการรักษาความปลอดภัยประจำวันของป้อมปราการหน่อยแล้วกัน ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ….” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาพยักหน้าอย่างมั่นใจ
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะได้รับหัวใจเทพ ผู้เชี่ยวชาญที่เหมือนภูติผีเหล่านี้ก็จะทำให้เขาปวดหัวได้อย่างมากเลยทีเดียว ด้วยความสามารถแบบนี้ของผู้เล่นเหล่านี้ พวกเขานั้นก็สามารถที่จะปรากฎตัวขึ้นแบบสุ่มในป้อมปราการ และฆ่าผู้เล่นที่พวกเขาต้องการได้อย่างสบายๆเลย ซึ่งมันก็จะทำให้ซือเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยคนเหล่านี้ไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ตอนนี้เขามีหัวใจเทพ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานนิรันดร์ที่เทียบได้กับดีไวน์อาติแฟคแล้ว
ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถใช้หัวใจเทพในฐานะแกนพลังได้ แต่เขายังจะสามารถปลดปล่อยพลังงานนิรันดร์ที่มีอยู่ และใช้มันเพื่อเรียนรู้แนวคิดใหม่ๆได้ มันนับเป็นไอเทมที่ดีที่สุดเลย เมื่อพยายามจะทำความเข้าใจข้อมูลใหม่ๆ
พลังงานนิรันดร์นั้นเป็นพลังงานที่ทรงพลังยิ่งกว่ามานา และมันมีเพียงเหล่าเทพเท่านั้นที่สามารถจะใช้และรวบรวมพลังงานได้ ซึ่งแม้แต่เหล่าเทพก็ยังจะทำเรื่องนี้ได้ยากด้วยซ้ำ ….
เนื่องจากเหล่าเทพนั้นได้หายตัวออกไปจากทวีปหลักของ God domain นานแล้ว ดังนั้นพลังงานนิรันดร์จึงกลายเปป็นของหายากอย่างไม่น่าเชื่อใน God domain แม้แต่สำหรับ NPC ขั้นห้าที่จัดว่ายืนอยู่แทบจะสูงสุดใน God domain แล้ว ก็ยังพร้อมจะก่อสงครามกับพวกผู้เล่นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้ากันเลย เพื่อแย่งชิงพลังงานนิรันดร์ที่เข้มข้นเพียงหนึ่งหยด
ในขณะเดียวกันหัวใจเทพในกระเป๋าของซือเฟิงนั้นเป็นรูปแบบที่ควบแน่นของพลังงานนิรันดร์ ซึ่งแม้แต่ใช้ความมั่งคั่งทั้งหมดที่จักรวรรดิๆหนึ่งมีก็ยังยากจะซื้อได้เลย
ในตอนแรก ซือเฟิงต้องการจะเรียนรู้เนื้อหาส่วนที่เหลือของคริสตัลความทรงจำ เมื่อเขากลับไปยังทวีปด้านตะวันออก และได้พบสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับใช้ศึกษาข้อมูล รากฐานของผู้เล่นขั้นสามนั้นคือร่างมานาของพวกเขา และการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคของเขาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เท่านั้นจึงจะทำให้เขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็สามารถจะไปสำรวจแผนที่ที่มีชิ้นส่วนที่เหลือของดาบโซโลมอนได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการสถานที่ที่จะทำให้เขาได้รับประโยชน์สูงสุดจากคริสตัลความทรงจำของอีเลียดี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีหัวใจเทพแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องพยายามอย่างมากเพื่อค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้เนื้อหาในคริสตัลความทรงจำอีกต่อไป
เมื่อพบว่ามีความเป็นส่วนตัวมากเพียงพอที่จะนำหัวใจเทพออกมาจากกระเป๋าโดยไม่ให้คนอื่นรู้ได้ เขาก็จะสามารถสร้างสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเขาที่สุดใน God domain ได้
ซึ่งก็โชคดีที่คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองนั้นนับเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบ
จากนั้นซือเฟิงก็แยกทางกับฟิธาเลียและคนอื่นๆก่อนจะเดินปที่คฤหาสถ์
ฟิธาเลียนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเธอเห็นซือเฟิง และสมาชิกของสภาสิบแปดปีกเดินจากไป เธอนั้นไม่สามารถจะทำความเข้าใจกับความคิดของนักดาบได้เลย
ในช่วงเวลานี้ซือเฟิงกับเลือกจะตอบสนองแบบเดียวกับเฮลรัช โดยคิดจะจัดการกับผู้เล่นของไมโทโลจี้ ….
“ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ผู้บัญชาการ ?” ชิลวอริเออร์ขั้นสามข้างๆฟิธาเลียถาม “ผู้เล่นของไมโทโลจี้เหล่านั้นได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้เล่นพ่อค้ามากมาย ถ้าคนเหล่านั้นก่อเรื่องอีก ฉันกลัวว่าเราจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไปนะ …”
“ลืมมันไปแล้วกัน ฉันไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ให้คนของไมโทโลจี้ทำทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการไปก่อน เมื่อสภาสิบแปดปีกรู้ว่าสถานการณ์รุนแรงแค่ไหน เราก็ค่อยมาทำการควบคุมผู้เล่นของไมโทโลจี้เหล่านั้น เพราะเมื่อสามกิลทำงานร่วมกัน เราทำได้แน่” ฟิธาเลียกล่าวพลางขมวดคิ้ว เธอนั้นได้เรียนรู้แล้วว่าการพยายามห้ามซือเฟิงจากการทำอะไรบ้าๆนั้นมันเป็นการเสียเวลา เธอจึงคิดอยากจะลองปล่อยให้เขาจัดการตามที่เขาต้องการ เพราะถ้าเขาล้มเหลว เขาก็จะกลับมาหาเผ่าศักสิทธิ์เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันเอง
“อย่าพึ่งมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ใครจะรู้กัน ? บางทีหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมอาจแสดงให้คนของไมโทโลจี้เห็นได้สำเร็จก็ได้ว่าใครกันคือผู้ปกครองที่แท้จริงของที่นี่ ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นของจริง แม้ว่าผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถหยุดผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะปล่อยให้คนเหล่านั้นทำอะไรได้ง่ายๆแน่นอน” เฮลรัชกล่าวอย่างพยายามจะปลอบใจฟิธาเลีย
เฮลรัชนั้นไม่คิดว่าสภาสิบแปดปีกจะมีพลังมากเพียงพอจะกำจัดทีมนี้ของไมโทโลจี้ออกไปได้ด้วยตัวเองเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามด้วยผู้เชี่ยวชาญอย่างไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆ พวกเขาก็ควรจะทำให้ทีมของไมโทโลจี้ปวดหัวได้อย่างมากแน่นอน หากคิดจะก่อปัญหา
ตอนนี้ก็แค่รอดูกันว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน
ในขณะที่ฟิธาเลียและเฮลรัชพูดคุยกัน ซือเฟิงก็ได้มาถึงห้องหลักของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง และเขาก็ได้ใช้โทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการเพื่อเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันของห้องก่อนที่เขาจะดึงหัวใจเทพที่แผ่ออร่าของ Divine Might ออกมาอย่างระมัดระวัง