Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2507

กลับไปสู่ทวีปด้านตะวันออก

“เราจะกลับกันแล้วงั้นหรอ ? แต่เราพึ่งทำให้สถานการณ์ที่นี่มีเสถียรภาพได้เองนะ ป้อมปราการแสงดาวนั้นพึ่งจะเข้าสู่ช่วงการพัฒนาที่รวดเร็ว ถ้าเราจากไปตอนนี้ ฉันกลัวว่ามันจะมีปัญหาบางอย่างผุดขึ้นมา” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะสับสน เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซือเฟิงที่ว่าพวกเขาจะกลับไปที่ทวีปด้านตะวันออก “นอกจากป้อมปราการแสงดาวแล้ว เราจะทำยังไงกับผู้เชี่ยวชาญสามร้อยคนของกองกำลังนรก หัวหน้ากิลตั้งใจจะให้พวกเขาเข้าประจำการคอยปกป้องป้อมปราการแสงดาวงั้นหรอ ?

ปัจจุบันความสำคัญของป้อมปราการแสงดาวนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองป่าหินในทวีปด้านตะวันออกเลยแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงป้อมปราการแสงดาวนั้นสร้างรายได้เป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าเมืองป่าหินด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงจะเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมากที่หลังจากที่พวกเขาทำให้มันมีเสถียรภาพแล้ว พวกเขาก็จะเก็บข้าวของและจากไป

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดของป้อมปราการแสงดาวนั้นไม่ใช่รายได้จากคริสตัลเวทย์มนต์ที่มันสามารถสร้างขึ้นได้ แต่เป็นสภาพแวดล้อม ด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับสมัยโบราณของป้อมปราการแสงดาว มันทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาการควบคุมมานาในทวีปด้านตะวันตก

“แม้ว่าป้อมปราการแสงดาวจะสามารถนำความมั่งคั่งและทรัพยากรมาให้เราได้อย่างมหาศาล แต่มันก็เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆในทวีปด้านตะวันตกเท่านั้น หากเราต้องการที่จะตั้งหลักให้มั่นคงได้อย่างแท้จริงในทวีปด้านตะวันตกและรับเอาทรัพยากรจากกทวีปด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เราจำเป็นจะต้องมีอาณาจักร ไม่ก็จักรวรรดิที่เรามีอำนาจเหนือด้วยตัวเองจริงๆ ด้วยจำนวนผู้เล่นที่ป้อมปราการแสงดาวยังคงดึงดูดเข้ามาได้นั้น การจะสร้างสถานที่ของเราเองในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็จะไม่ใช่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เลย” ซือเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นก่อนที่มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจะเปลี่ยนมามุ่งเน้นการพัฒนามายังทวีปด้านตะวันตก เราจึงจำเป็นจะต้องทำการเข้าครอบครองประตูเวทย์มนต์เทเลพอร์ตระหว่างทวีปให้ได้มากที่สุดก่อนเพื่อที่จะส่งสมาชิกของเราเข้ามาที่นี่ ไม่งั้นด้วยประตูเวทย์มนต์ประตูเดียวที่เรามีในตอนนี้ การรักษาอำนาจไว้เหนือป้อมปราการแสงดาวก็จะเป็นขีดจำกัดของเราแล้ว”

เดิมทีเขาไม่ได้วางแผนที่จะขยายการพัฒนาของสภาสิบแปดปีกมายังทวีปด้านตะวันตก เขามาเพียงเพื่อหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับกิลเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วการเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านนั้นมันทำได้ยากเกินไป
ด้วยความสามารถในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก การพัฒนาในทวีปทั้งสองด้านจึงเป็นไปไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับป้อมปราการแสงดาว มังกรเงินศักสิทธิ์ รวมทั้งได้เห็นพลังของเทคนิคมานา เขาก็เปลี่ยนใจ

ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา มหาอำนาจต่างๆไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทคนิคมานามากนัก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเทคนิคมานานั้นคงไม่มีอะไรจะให้กล่าวถึงมากนัก

อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นและเรียนรู้เทคนิคมานาของอีเลียดี้แล้ว เขาก็เข้าใจว่าเทคนิคมานานี้จะช่วยผู้เล่นได้ในหลายๆด้านมากแค่ไหนในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ การฝึกฝนเทคนิคมานาได้สำเร็จจะช่วยลดความยากของการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ลงไปอย่างน้อยสามสิบเปอเซ็นต์เลย และแม้จะฝึกไม่สำเร็จ แต่ความรู้ที่ได้รับมาในระหว่างการฝึกก็ยังจะช่วยปรับปรุงพลังการต่อสู้ให้ดีขึ้นได้ด้วย

เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะพูดยังไง ขั้นสามนั้นก็เป็นเพียงช่วงเปลี่ยนผ่านสำหรับมหาอำนาจต่างๆของ God domain ผู้ที่จะเข้ามาตัดสินความแข็งแกร่งของมหาอำนาจต่างๆได้อย่างแท้จริงนั้นก็จะเป็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเกม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมกิลชั้นสูงถึงไม่สามารถเทียบกับกิลชั้นยอดหรือเหนือกว่านี้ได้เลย

ในขณะเดียวกันป้อมปราการแสงดาวนั้นก็นับเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่นในการพัฒนาการควบคุมมานา

อย่างไรก็ตามประตูเวทย์มนต์เทเลพอร์ตระหว่างทวีปสองด้านที่สภาสิบแปดปีกควบคุมอยู่นั้น อนุญาติให้พวกเขาสามารถเทเลพอร์ตผู้เล่นมายังทวีปด้านตะวันตกได้แค่สิบคนเท่านั้นต่อสัปดาห์ ซึ่งหากอาศัยแค่ประตูนี้นั้นการจะย้ายสมาชิกกองกำลังหลัก รวมไปถึงพวกที่จำเป็นบางส่วนมายังทวีปด้านตะวันตกนั้นก็จะต้องใช้เวลาหลายเดือนเลย และเมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไป

เวลานั้นไม่เคยรอคอยใคร ความนิยมในปัจจุบันของ God domain และการพัฒนาอำนาจของมันนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมหาอำนาจต่างๆ ด้วยจำนวนผู้เชี่ยวชาญและดินแดนที่มหาอำนาจต่างๆยึดครองตราบใดที่พวกเขามีเงินทุนและทรัพยากรเพียงพอเมื่อไหร่ ความเร็วของพวกเขาอาจจะเหนือกว่าการพัฒนาของสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน

ดังนั้นสิ่งที่ซือเฟิงต้องทำตอนนี้ก็คือเข้ายึดครองประตูเวทย์มนต์เทเลพอร์ตให้ได้มากขึ้นในทวีปด้านตะวันออกเพื่อที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เล่นที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถส่งมายังทวีปด้านตะวันตกได้ ด้วยวิธีนี้กิลก็จะสามารถรักษาความปลอดภัยของทรัพยากร และข้อได้เปรียบจากทั้งสองทวีปได้และในเวลานั้นความเร็วในการพัฒนาของผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกจะเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆอย่างง่ายดาย

ดวงตาของอควาโรสนั้นเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง

หากสภาสิบแปดปีกสามารถเคลื่อนย้ายผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมายังทวีปด้านตะวันตกได้อย่างแท้จริง กิลก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของการจะปะทะกันกับมหาอำนาจต่างๆในอนาคตเลย และกิลอาจกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงได้ด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วมหาอำนาจต่างๆอาจจะเหนือกว่าสภาสิบแปดปีก เมื่อพูดถึงจำนวนและคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญ แต่ในแง่ของรายได้และทรัพยากรนั้นสภาสิบแปดปีกไม่ได้ด้อยไปกว่ามหาอำนาจทั่วไปเลยแม้แต่น้อย

“ในกรณีนี้หัวหน้ากิล ทำไมเราต้องว่าจ้างกองกำลังนรก ? ไม่ว่าในกรณีใดๆป้อมปราการแสงดาวก็ไม่ประสบปัญหาในระยะสั้นๆนี้แน่นอน และในช่วงเวลานี้ตราบใดที่เราสามารถจะเคลื่อนย้ายผู้เล่นจำนวนมากมายังทวีปด้านตะวันตกได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพวกเราสิบคนที่นี่ เราก็จะไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังนรกประจำการอยู่ที่ป้อมปราการเลยนี่นา” อควาโรสกล่าวถามและอธิบาย

เธอนั้นไม่เคยสงสัยในความสามารถของซือเฟิงในการจะค้นหาประตูเวทย์มนต์เทเลพอร์ตเพิ่มเติมเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็เคยสร้างปาฎิหาริย์มากมายมาก่อน

อย่างไรก็ตามเธอยังคงรู้สึกว่าการว่าจ้างกองกำลังนรกนั้นเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองมากๆ เพราะท้ายที่สุดกองกำลังนั้นดำเนินการอยู่แค่เฉพาะในทวีปด้านตะวันตกเท่านั้น ในขณะเดียวกันการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาก็เป็นงานที่ยากมาก ดังนั้นแทนที่จะมามัวเสียเวลาช่วยคนอื่น พวกเขาสู้เอาเวลาไปช่วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของกิลตัวเองดีกว่า ด้วยวิธีนี้กิลจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าด้วย

“กองกำลังนรกนั้นเป็นหนึ่งในกองกำลังของผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ฉันจะมาเสียเวลา เสียแรงจ้างพวกเขามาปกป้องป้อมปราการแสงดาวทำไม ? ฉันวางแผนที่จะพาพวกเขากลับไปพร้อมกับเรา” ซือเฟิงอธิบายพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นสีหน้าสับสนของอควาโรส

เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของป้อมปราการแสงดาวเลยในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะท้ายที่สุดเขาพึ่งจะเอาชนะไมโทโลจี้ได้ และมันก็เป็นการส่งคำขู่ไปถึงมหาอำนาจต่างๆแล้ว

“จะให้พวกเขากลับไปพร้อมกับเรางั้นหรอ ?” อควาโรสตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซือเฟิง “แต่เราส่งกลับได้เพีงแค่สิบคนต่อสัปดาห์นะ ขณะที่สมาชิกของกองกำลังนรกมีสามร้อยคน”

พวกเขากำลังพูดถึงผู้เล่นสามร้อยคน !!! พวกเขาจะต้องใช้เวลาสามสิบสัปดาห์จึงจะสามารถย้ายผู้เล่นทั้งหมดนี้ไปยังทวีปด้านตะวันออกได้ !!!

“แน่นอน ไม่งั้นฉันจะจ้างพวกเขาทำไมล่ะ ?” ซือเฟิงโต้กลับด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันไม่ได้จะใช้วิธีการเดินทางผ่านประตูเวทย์มนต์สักหน่อย มันยังมีทางอื่นอยู่”

มหาอำนาจต่างๆในระยะนี้ของเกมนั้นยังคงไม่รู้แน่นอนว่ามันมีวิธีอื่นอยู่ อย่างไรก็ตามสำหรับสภาสิบแปดปีกนั้น เขารู้ ไม่งั้นเขาคงจะไม่กล้าทำสัญญาเรื่องนี้กับจักรวรรดิโลกใต้พิภพ

“จริงๆงั้นหรอ ?” ครู่หนึ่ง อควาโรคสรู้สึกราวกับว่าซือเฟิงกำลังล้อเล่น

“ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นต้องรีบกลับในตอนนี้ทันทีเช่นกัน เรายังคงต้องรอให้เผ่าศักสิทธิ์รวบรวมวัสดุหายากที่เราต้องการมาให้เราซะก่อน” ซือเฟิงกล่าว
อย่างมั่นใจ

หลังจากได้เห็นเอฟเฟคของป้อมปราการแสงดาว และเทคนิคมานาของอีเลียดี้ที่เป็นนักบุญสวรรค์น้ำเงิน เขาก็ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมการเดินทางระหว่างทวีปหลักทั้งสองด้านนั้นมันทำได้ยากมากๆ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางประการ ผู้เล่นในโลกอื่นนั้นมีช่วงเวลาที่ง่ายกว่ามากในการเดินทางมายังทวีปหลักทั้งสองด้าน

เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดนี้ เขาก็จะพาทุกคนเดินทางไปยังโลกอื่นก่อน จากนั้นก็จะกลับสู่ทวีปหลักด้านตะวันออกผ่านโลกอื่น

การเปิดเส้นทางสู่โลกอื่นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่น แต่มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับซือเฟิง

นี่เป็นเพราะว่าเขามีไอเทมระดับตำนานอย่างแหวนโมล๊อค ซึ่งมันจะทำให้เขาสามารถเปิดประตูแห่งความมืดเพื่อมุ่งหน้าไปยังใจกลางของ Dark Den ได้ และประตูแห่งความมืดนี้ก็ไม่ได้จำกัดจำนวนผู้ที่จะสามารถเข้าไปได้ด้วย เพียงแต่ว่ามันมีจำกัดเวลาที่สามนาทีเท่านั้น ซึ่งสามนาทีนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นสามร้อยคนผ่านประตูไปได้แน่นอน

เดิมทีซือเฟิงนั้นต้องการจะหลีกเลี่ยงการใช้แหวนโมล๊อค เพราะท้ายที่สุดแล้วยิ่งเขาใช้แหวนมากเท่าไหร่ แหวนก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น และเขาก็จะมีเวลาน้อยลงที่ในการเตรียมตัวเพื่อป้องกันมันกลืนกินเขา อย่างไรก็ตามหากใช้แหวนในครั้งนี้หนึ่งครั้ง มันก็จะหมายความว่าเขาสามารถพาผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สามร้อยคนเดินทางกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกได้ ซึ่งมันก็คุ้มค่าที่จะทำ

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ใช้เวลาอีกหนึ่งวันหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยรออยู่ในป้อมปราการแสงดาว ในช่วงเวลานี้เขาไม่เพียงแต่จะเซ็นสัญญาจ้างงานกับจักรวรรดิโลกใต้พิภพ แต่เขายังให้หยานเทียนซิงและอี้ลั่วเฟยเริ่มหัดจัดการเรื่องต่างๆในป้อมปราการแสงดาวทั้งหมด เขาวางแผนที่จะให้สองคนนี้คอยอยู่เบื้องหลังในการจัดการป้อมปราการแสงดาว

ที่เขาตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะการจัดตั้งพันธมิตรนักผจญภัยที่นี่จะได้เป็นไปอย่างเหมาะสม เพราะเมื่อพูดถึงเรื่องทีมนักผจญภัยแล้วทั้งสองคนนี้นั้นเชี่ยวชาญกว่าเขามาก

ในขณะที่เขากำลังทำทั้งหมดนี้นั้นฟิธาเลีย และผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์คนอื่นๆก็ได้นำวัสดุหายากทั้งที่นำใส่กระเป๋าได้ และไม่ได้มาให้ซือเฟิงตามที่เขาต้องการ ซึ่งมูลค่ารวมของวัสดุนี้นั้นมันก็คิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าสามล้านชิ้นซะอีก ซือเฟิงนั้นรีบจัดเก็บ และแบ่งสรรปันส่วนทุกอย่างทันที เขาไม่สามารถจะถือมันกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกดื้อๆได้ ไม่งั้นเขาจะถูกปล้นฆ่าแน่นอน

“หัวหน้ากิล กองกำลังนรกและกลุ่มของไฟเออร์แดนซ์ได้มารวมตัวกันแล้ว” อควาโรสกล่าวรายงานขณะที่เธอมาพบกับซือเฟิงที่ห้องโถงชั้นสองของคฤหาสถ์ลอร์ดแห่งป้อมปราการ ซึ่งมันก็บ่งบอกถึงความสงสัยในน้ำเสียงของเธอ และแม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถจะทำใจเชื่อได้ว่า ซือเฟิงจะสามารถขนส่งผู้เล่นมากกว่าสามร้อยคนไปยังทวีปด้านตะวันออกได้จริงๆ

“เอาล่ะ กลับไปที่ทวีปด้านตะวันออกกันเถอะ !!!”

ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อเขาได้เห็นการแสดงออกของอควาโรส จากนั้นเขาก็เริ่มร่ายเวทย์และเรียกประตูแห่งความมืดออกมาในห้องโถงชั้นสอง และหลังจากประตูเปิด เขาก็นำทุกคนเข้าไปในนั้น

ในเวลาไม่นานห้องโถงชั้นสองที่แออัดก็ว่างเปล่า ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset