ไม่ควรจะเล่นด้วย
ในขณะที่ฝุ่นจางไปจากสนามรบ ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่จากภายในเขตแสงสุดขีด ซึ่งคาดเดาว่ากลุ่มของซือเฟิงจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้อันขมขื่นต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังฉากตรงหน้าของพวกเขา
“นี่เขาเป็นผู้เล่นขั้นสามจริงๆหรอ ?”
พวกเขาทุกคนนั้นรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างมากของโทรเบิ้ลไทม์ หลังจากที่เขาได้กลายร่างเป็นปีศาจ และมันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะเทียบกับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้เลย และเมื่อรวมกับเทคนิคการต่อสู้หลอมรวมของเบอเซิกเกอร์ที่ใช้พร้อมกับสกิลนั้น เบอเซิกเกอร์ผู้นี้จะสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้อย่างง่ายดายเลย ผู้เล่นขั้นสามนั้นไม่มีความหวังจะต่อต้านเขาด้วยซ้ำ
มีเพียงแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่มาถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้นจึงจะมีอำนาจมากพอในการปราบปรามสัตว์ประหลาดแบบโทรเบิ้ลไทม์ได้
แต่ซือเฟิงซึ่งดูธรรมดา และไม่มีแม้แต่ออร่าของผู้เล่นขั้นสามกับสามารถครอบงำเบอเซิกเกอร์ด้วยพลังดิบเพียวๆได้เลย ทุกคนที่ได้เฝ้าดูฉากตรงหน้าของพวกเขาต่างก็รู้สึกว่าระบบหลักของ God domain นั้นกำลังเล่นตลกกับพวกเขา
“นี่เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”
เมื่อเพอเพิ้ลรากษสและเกรซฟูลโมนาร์ชเห็นสภาพของโทรเบิ้ลไทม์ จิตใจของพวกเขาก็ว่างเปล่ามากๆ แม้ว่าอิลูซะรี่เวิร์ดจะบอกพวกเขาแล้วว่าซือเฟิงนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว และแม้แต่ตัวเธอก็ยังไม่สามารถจะต่อกรกับนักดาบได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ
ประการแรกในตอนนี้ ซือเฟิงได้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม เผ่าปีศาจ สิบเจ็ดคนปลิวกระเด็นไปได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว จากนั้นเขาก็ใช้การเคลื่อนไหวหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดรอยแยกมิติขึ้นได้ โจมตีจนทำให้โทรเบิ้ลไทม์บาดเจ็บสาหัสได้ ซึ่งความแข็งแกร่งของเขามันจัดว่าไปไกลเกินสามัญสำนึกทั่วไปอย่างมาก
ด้วยความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ แค่ซือเฟิงเพียงแค่คนเดียวมันก็เพียงพอจะฆ่าผู้เล่นขั้นสามที่โง่เขลาสักหนึ่งร้อยคนได้ง่ายๆแล้ว
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม เผ่าปีศาจทั้งหมดของเขตเซนทิเนล รวมทั้งโทรเบิ้ลไทม์นั้นนั้นรู้ตัวดีแล้วว่า หากพวกเขาเลือกจะยืนหยัดต่อสู้กับซือเฟิงนั้นมันจะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือซือเฟิงนั้นมีพลังมากพอจะฆ่าผู้เล่นขั้นสามทั่วไปได้ในทันที และมันแทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้เล่นขั้นสองกับขั้นสามตรงหน้าเขา อย่างมากผู้เล่นขั้นสามก็จะเป็นแค่มดที่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เพอเพิ้ลรากษสและเกรซฟูลโมนาร์ชนั้นเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมอิลูซะรี่เวิร์ดถึงชื่นชมซือเฟิงอย่างมาก และกล่าวว่าแค่เขาคนเดียวก็สามารถจะเปลี่ยนกระแสของสงครามได้
แน่นอนเลยว่าเขาเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากๆ ในขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ดเฝ้ามองไปยังซือเฟิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้เล่นที่ภาคภูมิใจในตัวเขา และยืนเผชิญหน้ากับผู้เล่นของเขตเซนทิเนลอยู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา
หลังจาการต่อสู้บนเกาะดราก้อนฮาร์ท มหาอำนาจต่างๆนั้นก็ได้ยอมรับว่าซือเฟิงเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงและไม่ควรถูกยั่วยุ แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่ตอนนั้นมา พวกเขาเองก็พัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง นี่มันทำให้อิลูซะรี่เวิร์ดคิดว่าเธอนั้นน่าจะตามซือเฟิงได้ทัน หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับเขาด้วยรากฐานของจักรพรรดิคริมสันที่เหนือกว่าสภาสิบแปดปีก เธอไม่ได้คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นระยะห่างระหว่างเธอกับนักดาบนั้นเพิ่มขึ้นแทน ….
เธอนั้นค่อนข้างจะอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อได้บอกกับเกรซฟูลโมนาร์ช และเพอเพิ้ลรากษสไปว่า เธอจะไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อต้านหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกได้เกินสามการโจมตี ในความเป็นจริงนั้นเธอมีความมั่นใจมากว่าจะสามารถรับการโจมตีห้าถึงหกครั้งของซือเฟิงได้โดยไม่มีปัญหา เพราะเมื่อไม่นานมานี้เธอก็พึ่งจะได้รับสายเลือดมา ซึ่งมันทำให้เธอมีคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตสูงกว่าผู้เล่นขั้นสามทั่วไป และค่าสถานะพื้นฐานของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเช่นกัน
แต่ตอนนี้เธอก็ได้ตระหนักแล้วว่าเธอเข้าใจผิดไปอย่างมาก
เมื่อได้เห็นการโจมตีเมื่อครู่ของซือเฟิง เธอก็รู้ได้ทันทีว่าการโจมตีเมื่อครู่ของเขานั้นอยู่ที่มาตราฐานของขั้นสี่ แถมมันยังเป็นการโจมตีแบบ AOE ขนาดใหญ่ที่ไม่มีทางหลบหนีหรือป้องกันได้เลย และหากต้องการจะเอาตัวรอดจากการโจมตีแบบนี้มันก็จะต้องมีเวทย์และสกิลอมตะติดตัวไว้
โดยธรรมชาติแล้วบลูฟอร์สและเพื่อนของเขาก็รู้สึกงุนงงอย่างมากเช่นกัน เมื่อเห็นผลลัพธ์ในการแลกเปลี่ยนระหว่างซือเฟิงกับโทรเบิ้ลไทม์ พวกเขานั้นไม่ได้ตอบสนองเหมือนกับสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่รู้จักหัวหน้ากิลของตัวเองเลย
“บลู นี่คือหัวหน้ากิลของเราจริงๆหรอ ?” การ์เดี้ยนไนท์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยแปดกล่าวถามบลูฟอร์ส
เมื่อหลายคนได้ยินคำถามนี้ พวกเขาทุกคนก็ล้วนหันไปมองรองหัวหน้ากิลของพวกเขาอย่างแปลกๆและรอฟังคำตอบ
นอกเหนือจากแนวโน้มในการพัฒนาที่ดีของเขตหนึ่งแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกก็เนื่องมาจากความแข็งแกร่งของบลูฟอร์ส พวกเขานั้นไม่ได้มองถึงความสำคัญของสาขาหลักของสภาสิบแปดปีกในโลกภายนอกเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วนอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงินแล้ว เขตหนึ่งก็ยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆจากสาขาหลักของสภาสิบแปดปีกเลย การเชื่อมต่อของพวกเขานั้นอ่อนแอกว่าสิ่งที่เขตอื่นๆได้รับจากพันธมิตรในโลกภายนอกมาก
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่เคยมองเห็นความสำคัญของสาขาหลัก และสงสัยในความแข็งแกร่งของสาขาหลัก
อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากได้เห็นการแสดงของซือเฟิงแล้ว แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้เลยว่าสภาสิบแปดปีกไม่ใช่กิลที่เรียบง่าย และด้วยมีหัวหน้ากิลที่ทรงพลังแบบนี้ พวกเขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นมากกว่าเขตหนึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในสามเขตที่แข็งแกร่งที่สุดของดาร์คเดนได้แน่นอน
“อืมมม … เขาคือหัวหน้ากิลของเรา แบล๊คเฟรม …” บลูฟอร์สพึมพำตอบคำถามเพื่อนร่วมทีมของเขา แต่ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับความทรงจำของตัวเอง พลังที่นักดาบคนนี้พึ่งจะแสดงออกมามันน่ากลัวมากๆ ชายคนนี้ไม่มีอะไรเหมือนซือเฟิงที่เขาจำได้เลย
เมื่อสมาชิกสภาสิบแปดปีกของเขตหนึ่งได้รับคำยืนยัน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้เฉลิมฉลองกัน โทรเบิ้ลไทม์ก็ดึงตัวเองออกมาจากปล่องภูเขาไฟ พลางจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หากเขาไม่ได้ป้องกันการโจมตีเมื่อครู่ไว้ด้วยสกิลต้องห้ามขั้นสาม เขาจะสูญเสีย HP ไปมากกว่าครึ่งแน่นอน
“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินคุณต่ำไปเกินจริงๆฟอร์ส ด้วยมีหัวหน้ากิลแบบนี้คอยสนับสนุน ฉันไม่สามารถจะทำอะไรคุณได้จริงๆ แต่อย่าคิดว่าความล้มเหลวครั้งนี้นั้นมันเพียงพอที่จะหยุดการรุกคืบของเขตเซนทิเนลได้ ผู้เล่นเผ่าปีศาจนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป !!! และในการพบกันครั้งหน้าของพวกเรา มันจะเป็นจุดสิ้นสุดของเขตหนึ่งแน่นอน !!!” โทรเบิ้ลไทม์กล่าวอย่างเย้ยหยัน ขณะที่มองไปปยังบลูฟอร์ส ก่อนที่เขาจะตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีมของเขาว่า “ทุกคนถอย !!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งผู้เล่นทุกคนจากเขตเซนทิเนลก็หันหลังกลับและรีบหนีทันที พวกเขานั้นไม่ได้ให้โอกาสซือเฟิงกับไฟเออร์แดนซ์ในการโจมตีพวกเขา อย่างไรก็ตามเมื่อบลูฟอร์สได้ยินคำพูดของโทรเบิ้ลไทม์เขาก็หน้าซีด ….
ในขณะเดียวกันสมาชิกของเขตแสงสุดขีดก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจออกมา เมื่อได้รู้ถึงสถานการณ์นี้
ดังที่โทรเบิ้ลไทม์ได้กล่าวไว้ ผู้เล่นปีศาจกับผู้เล่นธรรมดานั้นอยู่คนละระดับกัน และยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผู้เล่นปีศาจนั้นก็จะยิ่งสามารถอัพเกรดสถานะปีศาจของตัวเองเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้
ซือเฟิงอาจจะสามารถหยุดผู้เล่น เผ่าปีศาจ ของเขตเซนทิเนลได้ในตอนนี้ แต่เขาจะทำได้นานแค่ไหนกัน ?
ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังเป็นหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก เขาไม่สามารถจะอยู่ในดาร์คเดนไปได้ตลอด เมื่อเขาจากไปเขตหนึ่งซึ่งต่อสู้กับเขตเซนทิเนลเพื่อแย่งชิงทรัพยากรอยู่ตลอดเวลาจะต้องพบกับความทุกข์ทรมาณ
“คุณพูดไม่ผิดนะ แต่นั่นมันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อคุณหนีไปจากที่นี่ได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต !!!” ซือเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา เมื่อเห็นศัตรูของเขาเตรียมจะหนี
ผู้เล่น เผ่าปีศาจนั้นจะสามารถเพิ่มพลังของตัวเองได้ด้วยการอัพเกรดสถานะปีศาจ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังมีข้อบกพร่องร้ายแรงอยู่ คือพวกเขาไม่สามารถที่จะตายได้ เมื่อผู้เล่นปีศาจตาย พวกเขาจะสูญเสียทั้งค่าความแข็งแกร่ง และค่าชื่อเสียงที่พวกเขาสร้างมาไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นปัญหาที่คอยรบกวนผู้เล่นปีศาจตลอดเวลา
“ฉันยอมรับว่าคุณนั้นแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษเลยหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม แต่ถ้าเรามุ่งเน้นไปที่การหลบหนี คุณจะฆ่าพวกเราได้กี่คนกัน ? คุณควรประหยัดพลังงานไว้ดีกว่านะ !!!”
ในขณะที่โทรเบิ้ลไทม์พูดจบ เขาก็แยกร่างออกเป็นห้าร่าง และร่างทั้งห้าของเขาก็แยกกันหนีไปคนละทิศทาง ในขณะเดียวกันเมื่อโทรเบิ้ลไทม์ทำแบบนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของเขตเซนทิเนลก็เริ่มใช้ไพ่ต่างๆของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเร่งความเร็ว แยกร่าง และอื่นๆอีกมากมายเพื่อหลบหนี
เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญของเขตเซนทิเนลนั้นค่อนข้างจะเชี่ยวชาญในการหลบหนีและเอาชีวิตรอด พวกเขาไม่มีใครกลัวการไล่ล่าของซือเฟิงกับไฟเออร์แดนซ์เลย
“อย่างงั้นหรอ ?” แม้จะเห็นอย่างนี้ ซือเฟิงก็ยังคงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “แล้วถ้าเราเชิญนักเวทย์ขั้นสามอีกสองคนมาเข้าร่วมการต่อสู้ล่ะ ?”
ทันใดนั้นโทรเบิ้ลไทม์ก็ตระหนักได้ถึงบางอย่างที่ไม่ดี
อาชีพนักเวทย์นั้นเหมาะสำหรับการต่อสู้แบบทีมมากกว่าอาชีพทางกายภาพ พวกเขานั้นสามารถจะแสดงพลังได้มากกว่าในสนามรบขนาดใหญ่ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่เกรซฟูลโมนาร์ชนั้นเลือกจะเชิญบลูฟอร์สมาช่วยเขตแสงสุดขีด
ทันใดนั้นพื้นที่ห่างจากสนามรบประมาณหนึ่งร้อยหลาก็เริ่มกลายเป็นภาพเบลอ จากนั้นบาเรียน้ำโปร่งแสงก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าผู้หญิงสองคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมนักเวทย์ที่สง่างาม และมานาทั้งหมดที่อยู่ภายในรัศมีสามร้อยหลาก็ได้เข้าไปรวมกับหญิงสาวทั้งสองคน ซึ่งมันก็ทำให้มานาหนาแน่นซะจนเกิดเป็นหมอกบางๆบริเวณรอบๆ
“นี่มัน …. นี่มันคือร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วใช่ไหม ?”