สุดยอดดาบ
เมื่อได้เห็นมานาในสนามรบไปรวมตัวกันรอบๆ อควาโรสและไวโอเล็ทคลาวด์ การแสดงออกของโทรเบิ้ลไทม์ก็มืดมนลงทันที
ร่างมานานั้นจัดเป็นสัญลักษณ์ของขั้นสาม และผู้เล่นที่มาถึงขั้นสามแล้วนั้นก็ล้วนเข้าใจสิ่งหนึ่งดีอยู่ ซึ่งนั่นก็คือพวกเขาจะยังไม่สามารถควบคุมร่างมานาของตัวเองได้ พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับร่างมานาก่อน จากนั้นพวกเขาจึงจะสามารถควบคุมและปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของขั้นสามออกมาได้
อย่างไรก็ตามปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนก็เพิ่งจะเริ่มต้นได้เท่านั้น ….
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญสองคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วกับมาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แถมทั้งสองยังเป็นนักเวทย์อีก ….
“อะไรกัน ?! นี่มันไม่จริงใช่ไหม !! พวกเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์กันแล้วงั้นหรอ ?!”
“สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?”
เพอเพิ้ลรากษสและเกรซฟูลโมนาร์ชนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังอควาโรส และไวโอเล็ทคลาวด์ที่อยู่ห่างไกลออกไป
สภาสิบแปดปีกนั้นก็น่าทึ่งมากแล้วที่มีสัตว์ประหลาดอย่างซือเฟิง แต่ตอนนี้พวกเขากับได้รู้ว่ากิลมีผู้เชี่ยวชาญนักเวทย์อีกสองคนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว นี่มันอะไรกัน ?
แม้ในระยะนี้ของเกม มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่สภาสิบแปดปีกกับมีถึงสอง ….
พวกเขาทำได้ยังไงกัน ?
แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังจ้องมองไปยังฉากนี้ด้วยความตกตะลึง เธอไม่สามารถพาให้ตัวเองไปเชื่อสิ่งที่เห็นได้เลย
เนื่องจากสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเริ่มจะเข้าสู่ขั้นสามกันมากขึ้นแล้ว ดังนั้นมหาอำนาจเหล่านี้จึงเริ่มเปลี่ยนจุดสนใจไปที่การช่วยให้สมาชิกขั้นสามของพวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาให้ได้ แทนที่จะมามัวแต่เพิ่มจำนวนผู้เล่นขั้นสามให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการควบคุมร่างมานานั้นไม่เหมือนกับการควบคุมร่างกาย มันจำเป็นจะต้องควบคุมมานาให้ได้ในระดับที่สูงมากจึงจะสามารถเริ่มปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้ และแม้แต่ผู้เล่นนักเวทย์ที่มีความสัมพันธ์กับมานามากกว่าผู้เล่นสายกายภาพก็ยังมีข้อได้เปรียบกว่าแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นเป็นกระบวนการที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ผู้เล่นนั้นจำเป็นจะต้องทำการทดลองอย่างซ้ำๆ และค่อยๆเรียนรู้ไปอย่างช้าๆว่าร่างมานาของพวกเขาทำงานอย่างไร กระบวนการนี้ไม่สามารถจะข้ามไปได้เนื่องจากผู้เล่นมีร่างมานาที่แตกต่างกัน
ผู้เล่นระดับต้นๆในจักรพรรดิคริมสันนั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้แค่ราวสามสิบห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่เหลือส่วนใหญ่ยังปลดล๊อคไม่ได้แม้แต่เปอเซ็นต์เดียวเลยด้วยซ้ำ และยิ่งปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากขึ้นเท่าไหร่ กระบวนการมันก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น จากการคาดการณ์ของจักรพรรดิคริมสัน ผู้เล่นขั้นสามควรต้องใช้ความพยายามอย่างน้อยสองถึงสามเดือนในการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ไม่ว่าพวกเขาจะไปเผชิญหน้ากับโอกาสโดยบังเอิญหรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ตามตอนนี้อิลูซะรี่เวิร์ดนั้นกับได้รู้ว่าอควาโรส และไวโอเล็ทคลาวด์ ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ….
จะให้เธอทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง ?
ยิ่งไปกว่านั้นมานาที่หญิงสาวสองคนนี้สามารถจะควบคุมได้นั้นมันก็น่ากลัวอย่างแท้จริง และแม้จะยืนอยู่ห่างออกมาหลายร้อยหลา แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็สามารถจะสัมผัสได้ถึงกระแสมานาที่ไหลเข้าหาพวกเขา ซึ่งมันดูราวกับว่าปลาวาฬกำลังอ้าปากสูดอากาศเข้าไป
ผู้หญิงสองคนนี้นั้นดูเหมือนเครื่องยนต์มานาเลย
และก่อนที่ใครจะทันได้หายตกตะลึง อควาโรสและไวโอเล็ทคลาวด์ก็ร่ายเวทย์บทสุดท้ายของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
และเมื่อเป็นแบบนี้นั้น วงเวทย์สีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสองชั้นก็ปรากฎขึ้นครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งร้อยหลา ในขณะเดียวกันวงเวทย์สีเงินหลายร้อยวงก็ปรา
กฎขึ้นรอบไวโอเล็ทคลาวด์
สุดยอดเวทย์ขั้นสาม Frostburst Waterfall!
Shadow Rage!
ด้วยความช่วยเหลือจากร่างมานาของพวกเธอ สกิลของหญิงสาวทั้งสองจึงเข้าปกคลุมรัศมีสี่ร้อยหลาอย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นเศษน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนก็โปรยปรายลงมาจากด้านบน และเมื่อมันตัดผ่านอากาศ มันก็ทำให้อากาศโดยรอบแข็งตัว ผู้เล่นปีศาจขั้นสองที่โดนเศษน้ำแข็งนี้ไปเต็มๆจะกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง และตายลงทันที ขณะที่เมื่อเศษน้ำแข็งนี้โดนผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม พวกเขาก็สูญเสีย HP ไปหนึ่งในสามทันที
ในขณะที่น้ำแข็งของอควาโรสกำลังปกคลุมไปทั่วสนามรบ ใบดาบเงาของไวโอเล็ทคลาวด์จากสกิล Shadow Rage ก็ได้ร่ายรำท่ามกลางกลุ่มผู้เล่นปีศาจที่พยายามหลบหนี ซึ่งไม่เพียงแต่ร่างมานาของเธอจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับใบดาบเงาของเธอ แต่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอย่างจี้เวทย์แห่งแสงก็ช่วยด้วยเช่นกัน
ใบดาบเงาสามร้อยเล่มที่มีพลังใกล้กับมาตราฐานขั้นสี่นั้นทำให้ผู้เล่นปีศาจที่หลบหนีของเขตเซนทิเนลไม่สามารถจะป้องกันได้เลย ซึ่งมันก็ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามที่ HP ลดลงไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันสำหรับผู้เล่นขั้นสองนั้นพวกเขาก็ต้านทานได้ไม่นานก่อนที่จะตายลง
ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้เล่นที่พยายามจะหลบหนีของเขตเซนทิเนลก็ได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งหรือไม่ก็ถูกฆ่าโดยใบดาบเงา ก่อนจะกลายเป็นอนุภาคแสงไปทั้งหมด และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่กำลังวิ่งหนีก็ไม่สามารถจะรอดพ้นจากความตายได้ ….
แม้ว่าฉากในสนามรบจะกลายเป็นโลกแห่งน้ำแข็งและแสงสว่าง แต่ก็ไม่มีผู้เล่นคนใดในเขตแสงสุดขีดที่ชื่นชมกับความงามนี้เลย ตรงกันข้ามพวกเขากับรู้สึกหวาดกลัวด้วยซ้ำเมื่อจ้องมองไปยังฉากแห่งการทำลายล้างตรงหน้า
ทุกคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าผู้เล่นนักเวทย์จะสามารถแสดงพลังการต่อสู้ในสนามรบขนาดใหญ่ได้มากกว่าผู้เล่นสายกายภาพหลายเท่า แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะชลึงอยู่ดี เมื่อได้เห็นผู้หญิงสองคนจัดการทำลายล้างศัตรูของพวกเธอ
อควาโรสและไวโอเล็ทคลาวด์นั้นใช้เวทย์เพียงแค่สองเวทย์เท่านั้น
และแม้จะเป็นการโจมตีที่น่ากลัวและมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ แต่การโจมตีของหญิงสาวทั้งสองก็ไม่ได้ทำร้ายพันธมิตรของพวกเธอเลย แถมมันยังลดจำนวนผู้เชี่ยวชาญของเขตเซนทิเนลลงไปอย่างมาก และเวลานั้นก็ผ่านไปเพียงสี่วินาทีนับตั้งแต่ที่พวกเขาทำการร่ายเวทย์ แต่พวกเขาก็ได้ฆ่าผู้เล่นไปมากกว่าสองร้อยคนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยอดผู้เสียยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย เมื่อเวลาผ่านไป …. แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หนึ่งร้อยคนก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับพวกเขาได้เลย
ผู้เล่นทุกคนที่มาจากเขตเซนทิเนลนั้นล้วนเป็นผู้เล่นปีศาจ และแม้แต่สมาชิกขั้นสองของพวกเขาก็ยังมีพลังการต่อสู้ใกล้เคียงกับผู้เล่นขั้นสาม หลังจากที่กลายร่างเป็นปีศาจแล้ว และในการต่อสู้กัน แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปก็ยังยากจะฆ่าพวกเขาได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นปีศาจขั้นสามที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นเลย ซึ่งโดยปกติการจะฆ่าพวกเขาให้ได้จริงๆนั้นจะต้องใช้เวลานานมากๆ
อย่างไรก็ตามอควาโรส และไวโอเล็ทคลาวด์นั้นกับใช้เวทย์ฆ่าผู้เล่นเหล่านี้ได้แทบจะทันทีโดยที่ฮีลเลอร์ของศัตรูไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นความเสียหายที่น่ากลัวที่เวทย์ของพวกเขาทำได้นั้นยังไม่ใช่แง่มุมที่น่ากลัวที่สุดของพวกเขา
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างแท้จริงคือความจริงที่ว่าเวทย์เหล่านี้นั้นดูเหมือนจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง โดยมันพุ่งเข้าโจมตีจุดบอดของผู้เล่นเสมอ และมีเพียงแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะมีโอกาสป้องกันการโจมตีเหล่านี้ได้ ขณะที่คนอื่นๆส่วนใหญ่จะต้องรับผลกระทบเต็มๆจากการโจมตีนี้ ….
“แบล๊คเฟรม !!!” ดวงตาของโทรเบิ้ลไทม์นั้นปูดโปนด้วยความโกรธ เมื่อเขาได้เห็นลูกน้องของเขาทยอยตายลงทีละคนๆ ผู้เล่นทุกคนที่เขานำมาด้วยล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของเขตเซนทิเนล และพวกเขาล้วนมีบทบาทสำคัญในเขตที่อยู่อาศัย เบอเซิกเกอร์นั้นกระโดดไปด้านหน้าและดึงคริสตัลสีดำขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าทันทีก่อนจะตะโกนว่า “เนื่องจากคุณจะไม่ปล่อยฉันและคนของฉันไปทั้งๆที่ยังมีชีวิต ดังนั้นฉันก็จะลากคุณลงไปกับเราด้วย !!!”
เมื่อพูดจบโทรเบิ้ลไทม์ก็บี้คริสตัลในมือของเขาจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
ทันใดนั้นเมฆสีดำก็ก่อตัวขึ้นเหนือที่ราบ และมันก็บังเกิดรอยแยกมิติขนาดมหึมาที่ทำให้ท้องฟ้าแตกออก และมือขนาดมหึมาก็ยื่นออกมาจากรอยแยกมิตินี้
ทั้งทีมของบลูฟอร์สและผู้เล่นในเขตแสงสุดขีดนั้นต่างเฝ้าดูฉากนี้อย่างหวาดกลัว
“อะไรกัน ?! มือราชันปีศาจ ?! เขามีเครื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ?!”
“นี่โทรเบิ้ลไทม์บ้าไปแล้วงั้นหรอ ?! เขาต้องการจะทำให้ทุกคนตายไปกับเขาเลยงั้นหรอ ?!”
“มันจบแล้ว !!! พวกเราทั้งหมดตายแน่นอน !!!”
ผู้เล่นจากเขตแสงสุดขีดทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมาเมื่อได้เห็นความคลั่งของโทรเบิ้ลไทม์
มือราชันปีศาจนั้นคือฝันร้ายสำหรับผู้เล่นของดาร์คเดนทุกคน
ผู้เล่นอิสระคนหนึ่งเคยได้รับเครื่องมือแบบนี้มา และเขาก็ได้ใช้มันล้างแค้นให้กับเพื่อนของเขาที่ถูกขับออกจากเขตๆหนึ่งจนเขตๆนั้นถูกทำลายจนราบคาบ
การโจมตีจากมือของราชันปีศาจนี้มันเพียงพอจะทำให้เขตๆหนึ่งกลายเป็นฝุ่นไปเลย
ซึ่งแม้ว่าเขตแสงสุดขีดจะอยู่ห่างจากพื้นที่ใช้มือราชันปีศาจของโทรเบิ้ลไทม์หลายร้อยหลา แต่พวกเขาก็จะยังคงได้รับผลของมันอยู่ดี ….
แม้แต่อีลูซะรี่เวิร์ดก็ยังรู้สึกว่าความตายนั้นอยู่รอบตัวเธอ ไม่ต้องพูดถึงผู้ที่อยู่อาศัยในเขตนี้เลย แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปที่จะหนีแล้ว และพื้นที่โดยรอบก็แทบจะหยุดนิ่งภายใต้อิทธิพลของมือราชันปีศาจ
เธอนั้นไม่สามารถแม้แต่จะใช้ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีเพื่อหนีได้ด้วยซ้ำ ….
และแม้ว่าเธอจะทำได้ แต่ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีก็ไม่น่าจะพาเธอหนีออกไปจากระยะของมือราชันปีศาจได้แน่นอน
มือราชันปีศาจ ? แม้แต่ซือเฟิงก็มีการแสดงออกที่มืดมน เมื่อเขาได้เห็นสิ่งนี้ เขาได้รีบเปิดใช้งานพลังสึกกร่อน เพื่อยกระดับตัวเองขึ้นไปอยู่ในขั้นสี่ชั่วคราวทันที ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปในอากาศ และยกคิลลิงเรย์ของเขาขึ้นเหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้าง
“ป้องกันมัน !!”
ดาบแรก ไลท์ชาโด้ว !!!