ความสิ้นหวังของทีมนักผจญภัยทั้งสาม
“พอยซั่น ?” รีเกรทฟูชลวินด์นั้นตกใจมากๆ เมื่อเห็นร่างอันน่าสังเวชของพอยซั่นฮาร์ทนอนอยู่บริเวณโคนต้นไม้ที่พังทลาย
ตอนนี้แอสซาซินนั้นเป็นขั้นสี่อย่างแท้จริง เขาแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นขั้นสี่ด้วยซ้ำ และชายคนนี้ก็มีคลังสกิลและเวทย์ขั้นสีทั้งหมดที่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่มี ซึ่งนี่มันก็นับเป็นข้อได้เปรียบที่ผู้เล่นขั้นสี่ไม่มี
แต่ตอนนี้กับมีใครบางคนทำให้พอยซั่นฮาร์ทปลิวกระเด็นไปได้ในการโจมตี ….
เมื่อเฟรมเฟเธอร์และเฮ้ลเลสสไมล์เห็นฉากนี้นั้น พวกเขาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก เพราะมันดูเหมือนสิ่งเดียวกับที่ Seven Constellations โดนมา
สัตว์ประหลาดที่ Seven Constellations อ้างถึงอยู่ในพื้นที่ป่านั่นหรอ ? เฮ้ลเลสสไมล์อดไม่ได้ที่จะตัวเกร็ง เมื่อนึกถึงคำเตือนของแอสซาซินอีกคน
พวกเขานั้นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต้อนไฟเออร์แดนซ์ให้จนมุม แต่เมื่อพวกเขาคิดว่า พวกเขาได้ควบคุมสัตว์ประหลาดที่ Seven Constellations ได้เตือนพวกเขาได้แล้ว ความเป็นจริงก็เข้ามากระทบพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เฟรมเฟเธอร์นั้นก็มึนงงและตกตะลึงไปชั่วขณะกับการเปิดเผยที่ไม่คาดคิดนี้ และชั่วขณะหนึ่ง เธอลืมการต่อสู้กับไฟเออร์แดนซ์ไปเลย และเกือบจะปล่อยให้แอสซาซินหญิงฆ่าเธอได้
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาระหว่างช่องของต้นไม้ใกล้ๆ เขาสวมชุดเกราะแสงสีสำสนิท และปกปิดตัวตนของเขาไว้ใต้เสื้อคลุมสีดำ ขณะที่เขาก็ห้อยดาบสองเล่มอยู่บริเวณเอวของเขา พร้อมกันนั้นปริมาณมานาที่น่ากลัวที่เขาแผ่ออกมานั้น มันก็ทำให้เกิดชั้นหมอกบางๆรอบตัวเขาเลย ภายในป่าเบิร์นนิ่งแห่งนี้ เขาดูเหมือนกับยมทูต และทุกคนที่เห็นเขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง
สมาชิกกองกำลังหลักของทีมนักผจญภัยทั้งสามที่เตรียมพร้อมจะติดตามพอยซั่นฮาร์ทเข้าสู่สนามรบได้มองกลับไปยังผู้บัญชาการของพวกเขา ไม่มีใครแน่ใจว่าควรพยายามเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกไหม
ถ้าชายคนนี้สามารถทำให้พอยซั่นฮาร์ท ซึ่งอยู่ในร่างของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ ปลิวกระเด็นไปได้ พวกเขาจะต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าแน่นอน และมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะตายได้ทันทีเช่นเดียวกับ Seven Constellations
“มานาที่เขาแผ่ออกมานั้นมันหนาแน่นกว่าพอยซั่นฮาร์ทด้วยซ้ำ นี่เขาเป็นผู้เล่นขั้นสามจริงๆงั้นหรอ ?” เฟรมเฟเธอร์อุทาน เมื่อเธอเห็นซือเฟิง
แม้ว่าการกำหนดความแข็งแกร่งของผู้เล่นแต่ละคนด้วยมานาที่พวกเขาแผ่ออกมานั้น มันจะไม่สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามยิ่งมีมานาแผ่ออกมาจากร่างมากเท่าไหร่ สกิลและเวทย์ของผู้เล่นก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น และพวกเขายังจะมีขีดจำกัดทางกายภาพที่สูงขึ้นจนสามารถแสดงพลังการต่อสู้เกินขีดจำกัดออกมาได้อย่างง่ายดาย
ปริมาณมานาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เป็นเหตุผลที่ทำให้พอยซั่นฮาร์ทนั้นรู้สึกมีอำนาจ และแข็งแกร่งทุกด้าน หลังจากมาถึงขั้นสี่
อย่างไรก็ตามนักดาบขั้นสามผู้นี้กับดูเหมือนจะควบคุมมานาได้มากกว่าพอยซั่นฮาร์ทที่อยู่ในร่างปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
“เขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่ร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” รีเกรทฟูลวินด์นึกถึงความเป็นไปได้ในขณะที่เขาสัมผัสกับมานาปริมาณมหาศาลรอบตัวซือเฟิง
เขานึกไม่ออกถึงเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้ผู้เล่นขั้นสามสามารถควบคุมมานาได้มากขนาดนี้เลย
“นี่ร่างมานาที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว มันแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” เฮ้ลเลสสไมล์สงสัย ละไม่ค่อยเชื่อเกี่ยวกับการคาดเดาของรีเกรทฟูลวินด์
ในฐานะผู้เล่นปีศาจ การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำได้ยากกว่าผู้เล่นมนุษย์ เพราะโครงสร้างร่างกายของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นผู้เล่นในเมืองปีศาจจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองเท่าไหร่นัก พวกเขารู้สึกว่าการพยายามจะยกระดับสถานะปีศาจของพวกเขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะแม้แต่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ที่พวกเขาเคยเจอมาบางตัวก็ยังไม่สามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
ผู้เล่นปีศาจนั้นยังมีร่างกายทางกายภาพที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ และสามารถควบคุมได้มากกว่า ซึ่งมันทำให้พวกเขานั้นไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานามากนักเลย เพราะตราบใดที่พวกเขายกระดับสถานะปีศาจของตัวเองได้ พวกเขาก็จะมีพลังมากพอที่จะปราบปรามผู้เล่นมนุษย์ได้
แต่เฮ้ลเลสสไมล์นั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้เล่นมนุษย์ที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ปริมาณของมานาที่ซือเฟิงควบคุมได้นั้นมันมากเพียงพอที่จะทำให้เขาขนลุกได้เลย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการเลยว่าสกิลและเวทย์ของนักดาบจะทรงพลังมากขนาดไหน
‘นี่มันชักไม่คุ้มกับปัญหาแล้ว หัวใจปีศาจไม่ได้เสนอคริสตัลปีศาจให้จำนวนมากพอจนคุ้มค่าที่เราจะจัดการกับสัตว์ประหลาดนั่นด้วย …” เมือรีเกรทฟูลวินด์ได้เห็นคยวามแข็งแกร่งของซือเฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งกิลสายความมืดออกมา ถ้าเขารู้ว่าเขาจะต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนี้ เขาจะไม่นำทีมของเขามาที่นี่แน่นอน
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะซือเฟิงได้ แต่จำนวนคริสตัลปีศาจที่พวกเขาจะได้รับราวสามพันกว่าชิ้นนั้นมันก็จะแต่เท่าทุน หริออาจไปถึงไม่คุ้มค่าเลย
“คุณกลัวอะไร ?! เขามีแคคนเดียว !!! ค่าสตามิน่าของเขามีจำกัด !!! พอยซั่นเองก็ไม่ได้รับความเสียหายมากมายขนาดนั้น !!! เราสามารถจะจัดการเขาได้แน่นอน หากให้สมาชิกกองกำลังหลักของเราทั้งหมดทำงานร่วมกัน !!! และตราบใดที่เราสามารถเอาชนะแอสซาซินคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว เราก็จะสามารถไปเข้าร่วมวงจัดการกับนักดาบได้ด้วย !!!” เฟรมเฟเธอร์ตะโกนออกมา เมื่อเธอรู้ว่าสมาชิกกองกำลังหลักของมทีมนักผจญภัยทั้งสามกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว
การยืนกรานของเธอนั้นทำให้สมาชิกกองกำลังหลักของทีมนักผจญภัยทั้งสามหายหวาดกลัว และพวกเขาก็เริ่มเชื่อว่าผู้บัญชาการของพวกเขานั้นพูดถูกต้อง
ไม่ว่าผู้เล่นจะทรงพลังมากแค่ไหน แต่ค่าสตามิน่าของพวกเขานั้นก็มีจำกัด และซือเฟิงนั้นก็มีเพียงแค่คนเดียว ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถจะฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมดแน่นอน นอกเหนือจากปีศาจระดับบารอนเกือบร้อยแล้ว พวกเขายังมีผู้เชี่ยวชาญปีศาจอีกมากกว่าห้าพันคนอยู่ด้วย ทีมของพวกเขาควรจะมีความสามารถมากเกินพอแล้วในการกำจัดซือเฟิง
“ถูกต้อง !!! เขาแข็งแกร่งแล้วยังไงล่ะ ?!! เรายังมีปีศาจผู้ยิ่งใหญ่อยู่ฝั่งเรา !!! และเราสามารถจะช่วยฮีลพอยซั่นฮาร์ทได้ ยังไงผู้ชายคนนั้นก็จะไม่สามารถหยุดเราได้ !!!”
“ฆ่าเขา !! อาวุธและอุปกรณ์ของเขาจะทำให้ทีมนักผจญภัยของเราแข็งแกร่งขึ้นมากแน่นอน !!!”
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกไหม้ขึ้นในจิตใจของสมาชิกทีมนักผจญภัยทุกคน โดยที่พวกเขาก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาซือเฟิงอย่าวช้าๆ
“ไม่ !!! วิ่ง !!! ทุกคนรีบออกไปจากที่นี่ !!!” พอยซั่นที่พึ่งฟื้นจากสภาพอันน่าสังเวชได้รีบตะโกนอย่างตื่นตระหนก ขณะที่เขาเฝ้าดูพรรคพวกของเขาเคลื่อนตัวเข้าหานักดาบที่เป็นมนุษย์
พวกเขาทั้งหมดนั้นหันไปทางแอสซาซินอย่างสับสนกับคำเตือน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าแอสซาซินผู้นี้พยายามจะสื่ออะไร หรือชายคนนี้ตีหัวเขาหนักจนทำให้เขาเพี้ยนไปแล้ว ?
“เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว !!! มันมีทีมสัตว์ประหลาดอยู่บริเวณต้นไม่นั้นด้วย !!!” พอยซั่นฮาร์ทรีบเสริม
ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองใดๆ ร่างใหม่ก็เริ่มปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของซือเฟิง โดยผู้มาใหม่นี้ปกปิดทั้งเลเวล และรูปลักษณ์ของพวกเขาไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำสนิท แต่ออร่าของพวกเขานั้นก็ยังจัดว่ารุนแรงจนน่ากลัว ผู้เล่นหลายคนที่นำทีมนี้มานั้นมีออร่ารวมที่ทรงพลังมากจนทำให้สมาชิกทีมนักผจญภัยทั้งหมดรู้สึกชะงัก พวกเขานั้นดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันซะอีก
“แม่งเอ้ย !!! เป็นไปได้ยังไง ?!!” ตอนนี้ใบหน้าของรีเกรทฟูลวินด์นั้นไร้สีเลือด และซีดเผือดอย่างแท้จริง เมื่อเขาเห็นกองกำลังนรก “ทุกคนถอย !!! ถอยเดี๋ยวนี้ !!!”
ทั้งไฟเออร์แดนซ์และซือเฟิงนั้นได้ปกปิดออร่าของพวกเขาไว้ ดังนั้นรีเกรทฟูลวินด์จึงไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน เขาสามารถคาดเดาได้ตามสัญชาตญาณกับมานาที่คนเหล่านี้แผ่ออกมาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสมาชิกของกองกำลังนรกนั้นไม่ได้กังวลที่จะต้องปกปิดออร่าของพวกเขาเลย
ซึ่งจากพลังที่รีเกรทฟูลวินด์รับรู้ได้นั้น มันมีผู้เล่นอย่างน้อยห้าคนจากกองกำลังนรกที่แข็งแกร่งกว่าแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน และแม้แต่สมาชิกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีพลังทัดเทียมกับแกรนลอร์ด หากทีมนักผจญภัยทั้งสามของบพวกเขาพยายามจะต่อสู้กับผู้เล่นกลุ่มนี้ มันจะเป็นการฆ่าด้านเดียวแน่นอน
เมื่อได้ยินคำสั่งของรีเกรทฟูลวินด์ สมาชิกทีมนักผจญภัยของเขาก็หายจากอาการตกตะลึง และเริ่มวิ่งกระจายตัวหนีไปยังทุกทิศทางราวกับฝูงนกแตกรัง
“แม่งเอ้ย !!! วิ่งหนีเร็ว!!!” เฟรมเฟเธอร์ และเฮ้ลเลสสไมล์เองก็ออกคำสั่งเดียวกัน และในขณะที่พวกเขาออกคำสั่งนี้ความเกลียดชังต่อหัวใจปีศาจของพวกเขาก็เบ่งบานขึ้นในอกอย่างมาก
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ทีมศัตรูนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดอย่างน้อยหกคน และมากกว่าสามร้อยคนสามารถเทียบกับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้ นี่มันไม่ใช่พลังที่เมืองปีศาจจะสามารถจัดการได้ง่ายๆอีกต่อไป พวกเขาจะมีโอกาสในการเอาชนะผู้บุกรุกเหล่านี้ หากรวบรวมกำลังทั้งหมดในเมืองมาแล้วเท่านั้น และใครก็ตามที่พยายามจะต่อสู้กับผู้เล่นทีมนี้ด้วยตัวเอง มันจะเป็นการแสวงหาที่ตายอย่างแท้จริง !!!
“หนี ? คุณไม่คิดว่ามันสายเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?” เมื่อทีมนักผจญภัยทั้งสามเริ่มหนี ซือเฟิงก็หันกลับไปตะโกนออกคำสั่งกับกองกำลังนรก “ฆ่าพวกเขาให้หมด อย่าปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว !!!”