หล่อหลอมดาบที่เก่าแก่
หัวใจของซือเฟิงนั้นเต้นแรง ในขณะที่เขาเลือกจะหลอมรวมอาวุธทั้งสองเข้าด้วยกัน
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้นั้นก็คืออาวุธที่ดี Abyssal Blade และคิลลิงเรย์ของเขานั้นจัดเป็นอาวุธชั้นยอดมากแล้วแม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นาน เมื่อผู้เล่นเริ่มก้าวข้ามขั้นมากขึ้น เพราะมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มสะสมอาวุธชั้นยอดกันมากขึ้น ในความเป็นจริงอาวุธชั้นยอดจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ Abyssal Blade กับคิลลิงเรย์ของซือเฟิงนั้นก็จัดเป็นมาตราฐานอาวุธของผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่ง
ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ Abyssal Blade และคิลลิงเรย์ จึงกลายเป็นข้อบกพร่องของเขา โดยเฉพาะกับ Abyssal Blade หากเขาไม่ได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาหลายชิ้น พร้อมกับสายเลือดพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของมหาอำนาจต่างๆจะมีค่าสถานะพื้นฐานที่เหนือกว่าเขาไปนานแล้ว
แน่นอนว่าการหลอมรวมอาวุธทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกันใน God domain นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ขั้นตอนแบบนี้มันคล้ายกับการสร้างอาวุธใหม่ แต่ในสถานการณ์นี้ผู้เล่นต้องหลอมรวมอาวุธทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนจึงจะสามารถสร้างอาวุธชิ้นใหม่ขึ้นมาแทนที่ได้ ซึ่งหากผู้ที่รับผิดชอบในการสร้างอาวุธใหม่ขึ้นมานั้นไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ มันก็จะกลายเป็นอาวุธทั้งสองถูกทำลายได้เลย
แน่นอนว่ามันจะมีเพียงอาวุธเท่านั้นที่จะถูกทำลาย เศษชิ้นส่วนจะยังคงอยู่ แม้ว่าจะไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้
หลังจากซือเฟิงตกลงที่จะหลอมรวม Abyssal Blade กับ Cruel Darkness อาวุธทั้งสองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที และเปลี่ยนเป็นเมฆฝุ่นสีดำ จากนั้นเมฆก็แข็งตัวกลายเป็นรูปด้ามดาบและใบดาบ
ชิ้นส่วนทั้งสองนั้นดูไม่มีอะไรเหมือนกับเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา แต่ทั้งคู่ก็แผ่ออร่าที่น่ากลัวและทรงพลังมากๆออกมา ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ครู่หนึ่งเขามองเห็นเงาของหัวมังกรที่ตั้งท่าจะกินเขาด้วยซ้ำ
พวกมันเป็นแค่เศษชิ้นส่วน แต่ออร่าของพวกมันกับทรงพลังมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? ซือเฟิงจ้องเศษชิ้นส่วนของอาวุธทั้งสองด้วยความประหลาดใจ
ออร่าโดยรวมของพวกมันตอนนี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า Abyssal Blade ตอนได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ซะอีก ซือเฟิงนั้นพบว่ามันยากที่จะจินตนาการมากว่าอาวุธเดิมนั้นมันทรงพลังมากแค่ไหน ก่อนจะแตกสลาย
เขาประเมินว่าอย่างน้อยมันควรจะอยู่ในระดับตำนาน
ซึ่งเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาผู้ที่เป็นเจ้าของมันในอดีต
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ถ้าเขาต้องจัดการกับอาวุธระดับตำนานจริงๆ เขาจะต้องระวังให้มาก เพราะความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียว อาจทำให้เขาล้มเหลวในการสร้างอาวุธใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เขาสูญเสีย Abyssal Blade ไป แต่เขายังจะต้องใช้เวลาในการค้นหาและรวบรวมวัสดุใหม่ทั้งหมดเพื่อลองอีกครั้ง และจากการคาดการของเขา วัสดุที่จำเป็นต้องหามาใหม่หากเขาล้มเหลว มันก็จะเป็นวัสดุระดับตำนานเป็นอย่างน้อย
วัสดุระดับตำนานนั้นหายากอย่างไม่น่าเชื่อใน God domain และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะรวบรวมวัสดุระดับตำนานให้ครบสักชุดสำหรับใช้งาน ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย
ในตอนที่เขาได้รับ Cruel Darkness มาครั้งแรกนั้น เขาตั้งใจจะไปหาเซริโอล่าเพื่อขอความช่วยเหลือในการสร้างใหม่ เพราะสุดยอดปรมาจารย์ช่างตีเหล็กนั้นจะสามารถสร้างไอเทมระดับตำนานได้ และการสร้างไอเทมระดับตำนานจากเศษชิ้นส่วนแบบนี้ก็น่าจะง่ายมากสำหรับเซริโอล่า
อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาอัพเกรด Abyssal Blade เป็นขั้นสามแล้ว แม้กระทั่งวงเวทย์ป้องกันของบริษัทการค้าแสงเทียน ก็ยังเกือบจะเก็บออร่าของมันไว้ไม่อยู่ และหากการสร้างอาวุธใหม่นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนและดึงดูดความสนใจของสาธารณชนมากเกินไป มันอาจจะนำความพินาศมาหาเขาได้
แถมสิ่งที่อยู่หน้าเขาคืออาวุธเวทย์มนต์ มันอาจจะมีแนวโน้มที่จะมีผลสะท้อนกลับได้ เมื่อการสร้างใหม่เสร็จสมบูรณ์ และหากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะอยู่ในสถานะและเสี่ยงต่อการถูกโจมตี แถมหากมหาอำนาจต่างๆมีผู้เชี่ยวชาญประจำการอยู่ในเมืองไวท์ริเวอร์ เขาก็คงจะจบสิ้นแน่นอน และโดยธรรมชาติแล้ว เซริโอล่าในฐานะ NPC นั้นก็จะไม่พยายามปกป้องเขาแน่นอน อย่างดีที่สุดเขาก็จะสามารถพึ่งพาทหาร NPC ของเมืองได้เท่านั้นเพื่อป้องกันผู้เล่นที่เป็นศัตรู แต่อย่างไรก็ตามกว่าทหาร NPC เหล่านี้จะตอบสนองได้ มันก็คงจะสายเกินไป
ความกังวลของซือเฟิงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่มีมูล กรณีแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาอยู่บ้างในอดีต ผู้เล่นหลายคนนั้นคิดว่าพวกเขาจะปลอดภัยในเมือง NPC เมื่อพวกเขาทำการอัพเกรดอาวุธเวทย์มนต์ แต่สุดท้ายผู้เล่นคนอื่นๆก็เอาชีวิตพวกเขาไปได้ และพวกเขาก็ยังต้องทนทุกข์ทรมาณกับผลสะท้อนกลับของอาวุธเวทย์มนต์ และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จบลงที่พิการ หรือไม่ก็ต้องลบไอดีสร้างใหม่ ….
ซือเฟิงนั้นไม่ต้องการที่จะเสี่ยงตัดสินใจสร้างอาวุธขึ้นมาใหม่ภายในเมืองไวท์ริเวอร์
และก็โชคดีที่เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นกลางอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเซริโอล่า แต่เขาก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างอาวุธระดับตำนานขึ้นมาใหม่ได้
จากนั้นเขาก็ดึงคริสตัลเวทย์มนต์ออกมาจากกระเป๋าของเขา และค่อยๆหลอมรวมมันเข้ากับเศษชิ้นส่วนของอาวุธทั้งสอง และเมื่อคริสตัลเวทย์นต์แตกตัวออกเป็นมานาและไหลลงสู่เศษชิ้นส่วน วงเวทย์ที่ถูกแกะสลักไว้ก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
การหลอมรวมชิ้นส่วนนั้นมันไม่เหมือนกับกระบวนการสร้างใหม่ ผู้เล่นจำเป็นจะต้องจัดหามานาให้ได้มากเพียงพอ โดยกระบวนการนี้จะค่อนข้างช้า และแทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับภาวะแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึงเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วโมง…สองชั่วโมง…สามชั่วโมง…
ผ่านไปสี่ชั่วโมงกระบวนการหลอมรวมก็ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ….
อึก !! นี่มันอาวุธอะไรกันเนี่ย ?!
ซือเฟิงปวดหัวอย่างมาก ขณะที่เขามองไปยังเศษชิ้นส่วนทั้งสองที่กลินกินคริสตัลเวทย์มนต์เข้าไปราวกับหมาป่าที่หิวโหย
เขาได้ใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปแล้วสี่หหมื่นชิ้นในสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่กระบวนการหลอมรวมนั้นก็ยังไปไม่ถึงห้าสิบเปอเซ็นต์เลย เศษชิ้นส่วนอาวุธเหล่านี้มันเป็นหลุมดำที่ดูดมานาเข้าไปชัดๆ
การหลอมรวมเศษชิ้นส่วนอาวุธแบบนี้นั้น น่าจะต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์ในปริมาณที่มากพอจะทำให้กิลชั้นรองล้มละลายได้เลย หากเขาไม่ได้กลับมายังทวีปด้านตะวันออกพร้อมด้วยคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าสองแสนชิ้น ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ทั้งวันของป้อมปราการแสงดาว เขาก็คงจะมีพวกมันไม่มากพอ
ขณะที่เขากำลังจะหยิบคริสตัลเวทย์มนต์ออกมาเพิ่มเติมจากกระเป๋าของเขา เสวี่ยเหวินโหรวก็ได้วีดีโอคอลมาหาเขา
หลังจากห่างกันไปนาน ไม่เพียงแต่เสวี่ยเหวินโหรวจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยเก้าแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังแผ่มานาที่ค่อนข้างพิเศษออกมาด้วย ซือเฟิงจะคิดว่าเธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วแน่นอน หากเขาไม่ได้รู้จักเธอดีมาก
เขาต้องยอมรับเลยว่าเขาประทับใจในการจัดการเมืองป่าหินมากๆในช่วงที่เขาไม่อยู่ เพราะไม่เพียงแต่เสวี่ยเหวินโหรวจะทำให้การป้องกันของเมืองสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้กิลก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามถึงหนึ่งร้อยสามสิบคนแล้ว แถมสภาสิบแปดปีกก็ได้เริ่มบุกโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่เลเวลหนึ่งร้อยแล้วด้วย แถมสมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกก็ยังอัพเกรดอาวุธและอุปกรณ์ของตัวเองให้ดีขึ้นอย่างมาก ตอนนี้มาตราฐานอุปกรณ์ของพวกเขานั้นอ่อนแอกว่ากองกำลังนรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“หัวหน้ากิล มีกลุ่มผู้เล่นสายความมืดติดต่อฉันมา เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาบอกว่าพวกเขามาจากโลกแห่งความมืด และพวกเขาต้องการพบหัวหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจะยื่นมือเข้ามาช่วยเราในสถานการณ์ปัจจุบันของเรา” เสวี่ยเหวินโหรวรายงาน
“ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด ?” ซือเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินข่าวนี้
โลกแห่งความมืดนั้นเป็นโลกอื่นที่พิเศษมากๆ เนื่องจากมันไม่ได้ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ แต่เทพโบราณนั้นได้สร้างมันขึ้นมา และมันถูกครอบงำด้วยกฎแห่งความมืด ดังนั้นผู้เล่นสายความมืดที่อาศัยอยู่ในโลกนี้จึงเป็นภัยคุกคามมากกว่าผู้เล่นสายความมืดในทวีปหลักอย่างมาก
เมื่อโลกแห่งความมืดเชื่อมต่อกับทวีปหลักในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง อิทธิพลของอำนาจมืดนั้นได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหลายแผนที่กลายเป็นสนามรบสำหรับผู้เล่นสายความมืดและผู้เล่นทั่วไป และมันก็มีหลายกิลที่ล่มสลายลงไป รวมไปถึงจักรวรรดิและอาณาจักรบางแห่งด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ประตูสู่โลกมืดจะถูกเปิดใช้งานนั้น มันจะไม่มีใครสามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้ นอกจากผู้ที่มีกุญแจ และเท่าที่ซือเฟิงจำได้ มันมีเพียงเฟรมมิ่งไลท์เท่านั้นที่ถือกุญแจนี้อยู่ และเห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้เปิดใช้งานประตูกับเส้นทางพลาน่า
กระนั้นตอนนี้ผู้เล่นที่อาศัยในโลกแห่งความมืดกับมาติดต่อขอพบเขา สถานการณ์นี้มันจึงค่อนข้างจะแปลกๆ
“หัวหน้าต้องการจะพบพวกเขาไหม ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ แน่นอนฉันจะไปพบกับพวกเขา ให้ใครสักคนไปรับรองพวกเขาก่อนตอนนี้ แล้วฉันจะรีบตามไปหลังเสร็จเรื่องที่นี่ …” ซือเฟิงตอบพลางจ้องมองไปที่เศษชิ้นส่วนของอาวุธทั้งสองตรงหน้าเขา
“โอเค ฉันจะไปจัดการทันที …” เสวี่ยเหวินโหรวพูดพลางพยักหน้าก่อนที่เธอจะวางสายไป
จากนั้นซือเฟิงก็หันมาให้ความสนใจกับการหลอมรวมเศษชิ้นส่วนอาวุธทั้งสองต่อ
หกหมื่น…แปดหมื่น…เก้าหมื่น…
เมื่อซือเฟิงให้เศษชิ้นส่วนอาวุธทั้งสองกลืนกินคริสตัลเวทย์มนต์ไปครบหนึ่งแสนชิ้น เขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น
ระบบ : การหลอมรวมเสร็จสมบูรณ์ โปรดเริ่มการสร้างอาวุธใหม่
เมื่อการแจ้งเตือนของระบบจบลง ซือเฟิงก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังมาจากเศษชิ้นส่วนอาวุธที่หลอมรวมกันแล้ว มันทรงพลังและน่าตกใจซะจนเขาต้องถอยกลับไปก้าวหนึ่ง
ทันใดนั้นพื้นที่รอบตัวของเขาก็เริ่มมืดลงและดวงตาก็เริ่มกระพริบขึ้นมาเป็นแสงสลัวแทน หลังจากนั้นมังกรดำซึ่งสูงกว่าแปดร้อยเมตรก็ปรากฎตัวต่อหน้าของซือเฟิง และเขาก็ตัวแข็งโดยสัญชาตญาณภายใต้การจ้องมองของมัน
ราชันมังกรดำ ? ซือเฟิงจ้องมองด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นมาอย่างไม่ต้องสงสัย มังกรขั้นห้าที่เขาเคยเห็นในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง ดูเด็กไปเลย เมื่อเทียบกับตรงหน้านี้
อย่างไรก็ตามฉากนี้มันก็คงอยู่ไม่นานนัก และหลังจากนั้นซือเฟิงก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ห้องหลักที่เงียบสงบ โดยมีดาบที่ดูขาดรุ่งริ่งอยู่ตรงหน้าของเขา และอนุภาคสีดำนับไม่ถ้วนก็ไหลเวียนอยู่บริเวณดาบที่เก่าแก่นี้
ระบบ : คุณมีเวลาห้าชั่วโมงในการสร้างอาวุธใหม่ และคุณก็สามารถจะสร้างมันให้เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุดได้ แต่หากอัตราความสำเร็จในการสร้างใหม่ของอาวุธต่ำกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ มันจะถือว่ากระบวนการสร้างใหม่ล้มเหลว