กำหนดชะตากรรมด้วยคำพูด
เมืองป่าหิน สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :
ขณะที่ซือเฟิงเปิดประตูห้องรับรองที่ชั้นบนสุดของกิลฮอลเข้าไป เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าอันแหลมคมสองออร่าที่ล๊อคตัวเขา และคอยติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเขา โดยทั้งสองคนนั้นแผ่ออร่าของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามานั้นเขาก็มองเห็นคนทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน โดยเป็นชายหนึ่ง และหญิงหนึ่ง
ทั้งสองคนนี้นั้นมาพร้อมกับเสวี่ยเหวินโหรว ซึ่งทั้งสองนั้นได้แผ่พลังแห่งความมืดที่หนาแน่นออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้ และแม้แต่ผู้เล่นที่ไม่สามารถรู้สึกถึงพลังแห่งความมืดก็สามารถจะมองเห็นชั้นหมอกสีดำรอบๆผู้เล่นทั้งสองได้
ฝ่ายผู้หญิงนั้นดูเหมือนเธอพึ่งจะอายุสามสิบต้นๆ และมีอาชีพเป็นอัศวินแห่งความมืดที่หายากมากๆ แถมยังเป็นเผ่าหมาป่าแห่งความมืดด้วย และออร่าของเธอก็อ่อนแอกว่าเสวี่ยเหวินโหรวที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เผ่าครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ ? ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะจ้องมองไปยังชายอีกคนหนึ่ง
มานานั้นรักเผ่าเอลฟ์ และพวกเขาเกิดมาพร้อมกับความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในการจัดการกับมานา อย่างไรก็ตามใน God domain นั้นก็มีกลุ่มเอลฟ์ที่ตกลงสู่ความมืดภายใต้ขีดจำกัดของมานา โดยพวกนี้เป็นที่รู้จักกันในนามฟอลเลนเอลฟ์ และเอลฟ์โดยธรรมชาติทั้งหมดก็ล้วนตามล่าเหล่าฟอลเลนเอลฟ์อย่างไม่ลดละ เพราะมันนับเป็นตัวตนที่ผิดปกติใน God domain และผู้เล่นที่เปลี่ยนเผ่าเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์นั้นหาได้ยากยิ่งกว่า
แน่นอนว่ามหาอำนาจต่างๆก็จะกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้เล่นเผ่าครึ่งฟอลเลนเอลฟ์เพื่อรับสมัครเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดเผ่าครึ่งฟอลเลนเอลฟ์นั้นมีความสัมพันธ์กับมานาที่แข็งแกร่งกว่าครึ่งเอลฟ์ทั่วไปมาก และความสัมพันธ์ของพวกเขากับการควบคุมพลังแห่งความมืดของพวกเขามันก็ค่อนข้างน่าประทับใจ พวกเขาแทบจะสามารถเทียบกับเอลฟ์บริสุทธิ์ได้
เอลฟ์นั้นอาจเทียบไม่ได้กับมังกร แต่พวกนี้ก็เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นยอดของ God domain ที่มีศักยภาพในการเติบโตมากกว่าผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ และเมื่อกลายเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์แล้ว ผู้เล่นจะมีศักยภาพในการเติบโตเทียบเท่ากับเอลฟ์ที่แท้จริงเลย และหลังจากถึงขั้นสาม ทุกๆขั้นที่จะเพิ่มขึ้นนับจากนี้ มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับครึ่งฟอลเลนเอลฟ์อย่างมาก นอกจากนี้ผู้เล่นทุกคนที่สามารถทำเควสจนกลายเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ได้สำเร็จนั้นมันก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และตราบใดที่พวกเขาได้รับทรัพยากรมากพอ มันก็เกือบจะประกันได้เลยว่า พวกเขาจะไปถึงขั้นห้าได้แน่นอน
และด้วยความสามารถตามธรรมชาติของเผ่า มันจึงจะไม่มีใครโค่นผู้เล่นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ขั้นห้าได้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญขั้นหก
เท่าที่ซือเฟิงจำได้ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นผู้เล่นจะมีโอกาสผ่านเควสเพื่อกลายเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ก็หลังจากที่พวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเท่านั้น แต่ตอนนี้แขกตรงหน้าของเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กับทำได้สำเร็จ
“ให้ฉันแนะนำหัวหน้าก่อนแล้วกัน หัวหน้ากิล ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองนี้มาจากสองในสามของกิลชั้นยอดในโลกแห่งความมืด พวกเขามาเพื่อพูดคุยและหารือเรื่องหัวใจปีศาจกับสภาสิบแปดปีก” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าว เมื่อเห็นซือเฟิงเดินเข้ามาในห้อง
โลกแห่งความมืดนั้นมันกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ และมันมีขนาดใหญ่มากพอๆกับจักรวรรดิสามแห่งรวมกัน โดยโลกอื่นแห่งนี้นั้นใหญ่กว่าแม้กระทั่งจักรวรรดิมังกรไฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิที่ทรงพลังที่สุดของ God domain
มันมีสามกิลนั้นปกครองโลกแห่งความมืดอยู่ ดาร์ครัปโซดี้ เดียตี้โซไซตี้ และเวิร์ลโดมิเนชั่น ซึ่งพวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนได้รับการสนับสนุนากบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆตั้งแต่ช่วงเริ่มเกม และพวกเขาก็ได้ลอบรับสมัครผู้เชี่ยวชาญจากกิลชั้นสูงไปจนถึงซุเปอร์กิลอย่างลับๆ และตั้งแต่นั้นมาทั้งสามกิลก็ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกแห่งความมืด และตอนนี้นั้นกิลก็สามารถจะเทียบกับซุเปอร์กิลได้แล้ว
แขกในปัจจุบันทั้งสองของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นตัวแทนจากดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้
“เมื่อนึกว่าคุณมาโดยไม่บอกล่วงหน้าแบบนี้ แสดงว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนสินะ พูดมาตรงๆได้เลย” ซือเฟิงกล่าวกับผู้เล่นสองคนตรงหน้าของเขา
เขามีความเข้าใจคร่าวๆเกี่ยวกับดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพลังมากพอที่จะขึ้นไปอยู่ในฐานะสองในหกกิลสายความมืดที่ทรงพลังที่สุดของ God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งพอจะแข่งขันกับซุเปอร์กิลได้ และเมื่อทวีปหลักกับโลกแห่งความมืดได้เชื่อมต่อกัน ทั้งสองกิลต่างก็ทำลายล้างมหาอำนาจไปจำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นหินก้าวขึ้นไปตั้งหลักและยึดที่มั่นในทวีปหลัก ความแข็งแกร่งของทั้งสองกิลนั้นไม่สามารถจะประเมินได้ง่ายๆเลย
“คุณเป็นคนตรงไปตรงมาตามข่าวลือที่ได้ยินมาจริงๆ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ..” อัศวินแห่งความมืดหญิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การเดินทางมาในครั้งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเรามาพูดกันตรงๆ ผู้อาวุโสโกลด์และฉันมาที่นี่ในนามของกิลเรา และเราหวังว่าจะได้เซ็นสัญญากับสภาสิบแปดปีก …”
“สัญญา ? เกี่ยวกับอะไร ?” ซือเฟิงถาม
“ฉันกลัวว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าหัวใจปีศาจนั้นน่ากลัวแค่ไหนหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม … โดยอย่างยิ่งรองหัวหน้ากิลของหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์ เขาถือกุญแจสำคัญในการเปิดใช้งานเส้นทางระหว่างโลกแห่งความมืดกับทวีปหลักอยู่ และหลังจากความอัปยศอดสูกับความเดือดร้อนที่กิลของเขาได้รับจากฝีมือคุณ มันก็เกือบจะรับประกันได้เลยว่าเขาจะเปิดประตูนี้ขึ้นที่ป่าใบไม้ผลิ และผู้เล่นของโลกแห่งความมืดทุกคนก็จะเข้ามารุมล้อมและโจมตีเมืองป่าหิน ซึ่งเมืองก็ไม่น่าจะรอดจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ …” ฟอลเลนเอลฟ์ ซึ่งอัศวินแห่งความมืดหญิงเรียกว่าผู้อาวุโสโกลด์กล่าว “อย่างไรก็ตามกิลของเราไม่ต้องการทำตัวเป็นอันธพาลที่ได้รับการว่าจ้างจากเฟรมมิ่งไลท์ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้มาเจรจากับสภาสิบแปดปีก”
“ถูกต้อง สัญญาของเรานั้นก็ง่ายมาก หากเส้นทางสู่โลกแห่งความมืดถูกเปิดขึ้นในป่าใบไม้ผลิ กิลของเราจะไม่ดำเนินการใดๆกับสภาสิบแปดปีกหรือเมืองป่าหิน” อัศวินแห่งความมืดหญิงกล่าวพลางหัวเราะ “ฉันแน่ใจว่านี่จะช่วยบรรเทาความกดดันได้มากพอสมควรที่กิลและเมืองของคุณต้องเผชิญ และคุณจะรับมือกับผู้เล่นที่เหลือของโลกแห่งความมืดอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….”
“แล้วคุณต้องการอะไรเป็นค่าตอบแทน ?” ซือเฟิงถาม
ข้อเสนอของทั้งสองกิลนั้นไม่ได้ทำให้ซือเฟิงแปลกใจแม้แต่น้อย หัวใจปีศาจอาจมีอิทธิพลอย่างมากในโลกแห่งความมืด แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรจะเทียบกับสามกิลที่ปกครองโลกแห่งความมืดได้
เห็นได้ชัดว่าหัวใจปีศาจนั้นตั้งใจจะใช้โลกแห่งความมืดเป็นหัวหอก และผู้เล่นบางคนของโลกแห่งความมืดนั้นก็ไม่พอใจที่ต้องเล่นบทนี้ พวกเขาจะต้องใช้ทรัพยากรเพื่อต่อสู้กับมหาอำนาจของทวีปหลัก ซึ่งการยอมเล่นตามบทของหัวใจปีศาจนั้นมันก็จะมีแต่หัวใจปีศาจที่ได้เปรียบ ดังนั้นดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ จึงมาค้นหาและขอความร่วมมือจากสภาสิบแปดปีก ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเมืองกิลในเมืองป่าหิน
“มันก็ไม่มีอะไรสำคัญ เราเพียงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิน่ะ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าว “ทั้งสองกิลของเรานั้นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และพวกเราก็ต้องการทรัพยากรมากเป็นพิเศษ เพื่อแลกเปลี่ยนกับความเป็นกลาง เราจึงอยากจะขอแลกกับทรัพยากรครึ่งหนึ่งของป่าใบไม้ผลิ โดยเราจะไม่เข้าไปยุ่งใดๆกับอีกครึ่งหนึ่ง และโดยธรรมชาติแล้ว เราก็ต้องการให้สภาสิบแปดปีกเห็นชอบด้วย ซึ่งมันเรียกว่าสนธิสัญญาไม่แทรกแซง”
เสวี่ยเหวินโหรวที่ยืนอยู่ด้านข้างของซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งนี้
ฟังผิวเผินนั้นเงื่อนไขของทั้งสองกิลมันดูใจกว้างและดีมากๆ อย่างไรก็ตามหากคิดดีๆนั้น มันจะมีแต่ทั้งสองกิลเท่านั้นจริงๆที่ได้รับประโยชน์ไป เพราะหากสภาสิบแปดปีกเซ็นสัญญานี้ อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือที่ว่าพวกเขาก็จะยังต้องแข่งขันกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด และมหาอำนาจต่างๆอีกอยู่ดี ซึ่งมันจะทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นด้วยซ้ำ ขณะที่ดาร์ครัปโซดี้ กับเดียตี้โซไซตี้นั้นก็จะสามารถหลีกเลี่ยงคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาในป่าใบไม้ผลิอย่างสภาสิบแปดปีกได้
“ฉันเข้าใจล่ะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“ข้อเสนอนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกิลทั้งสามของเรา คุณคิดยังไงหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” อัศวินแห่งความมืดถาม
“เนื่องจากคุณทั้งสองกิลจริงใจกันขนาดนี้ งั้นเอาแบบนี้เป็นไง ? สภาสิบแปดปีกจะยอมสูญเสียพื้นที่แหล่งทรัพยากรเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิ ในทางกลับกันกิลของคุณจะต้องเสนอทรัพยากรอื่นๆให้กับเรา ทางเราไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก ขอแค่คริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้นก็พอ คุณคิดยังไง ?” ซือเฟิงตอบโต้ด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้ากิล ?!” เสวี่ยเหวินโหรวอุทานพลางหันไปมองซือเฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และประหลาดใจ
แค่แบ่งครึ่งๆนี้มันก็ยังทำให้พวกเขาแข่งขันกับโลกแห่งความมืดได้อย่างยากลำบากแล้ว หากพวกเขาเหลือสามสิบเปอเซ็นต์นั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยโลกแห่งความมืดทั้งโลกจะประกาศสงครามกับกิลพวกเขาแบบสิ้นเชิงแน่นอน ….
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเสวี่ยเหวินโหรวเลย แม้แต่ตัวแทนของทั้งสองกิลก็ยังตกตะลึงและสับสนกับข้อเนอโต้แย้งของซือเฟิง
พวกเขาได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ข้อเสนอของพวกเขาจะถูกปฎิเสธก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก หรือสภาสิบแปดปีกอาจจะพยายามลดส่วนแบ่งที่กิลของพวกเขาต้องการลง พวกเขาได้หารือเกี่ยวกับมาตราการรับมือต่างๆสำหรับความเป็นไปได้เหล่านี้แล้ว ในความเป็นจริง พวกเขาวางแผนจะเจรจากับกิลมาหลายวันแล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะนำเสนอทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิมากขึ้นกว่าที่พวกเขาต้องการ ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ?