ความมั่งคั่งที่น่าอัศจรรย์
เสวี่ยเหวินโหรวจ้องมองไปยังวัสดุทั้งหมดที่ซือเฟิงนำออกมาด้วยความงุนงง
ในฐานะรองหัวหน้ากิล เธอได้ทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับวัสดุของ God domain แต่ตอนนี้เธอกับไม่รู้จักวัสดุกว่าครึ่งที่ซือเฟิงนำออกมาจากกระเป๋าของเขา และสำหรับวัสดุที่เธอรู้จักนั้น มันก็ถือว่ามีค่ามากในตลาด และโดยปกติแล้วพวกเขาก็แทบจะไม่สามารถหาซื้อได้เลย แม้จะเสนอราคาที่สูงอย่างน่ากลัว
ถึงกระนั้นตอนนี้ คลังกิลของพวกเขากับเต็มไปด้วยวัสดุพวกนี้ ….
คลังกิลของสภาสิบแปดปีกนั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับสนามบาสเก็ตบอลสี่สนาม แต่ถึงแม้มันจะมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันก็ยังเต็มไปด้วยวัสดุล้ำค่าที่ซือเฟิงนำออกมา และมันจะทำให้พวกเขาสามารถกอบโกยผลกำไรได้อย่างมากมายแน่นอน หากขายพวกมันทั้งหมด ….
“หัวหน้ากิล หัวหน้าได้รับวัสดุเหล่านี้ทั้งหมดมาจากทวีปด้านตะวันตกงั้นหรอ ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม เธอนั้นรู้ถึงการไปเยือนทวีปด้านตะวันตกของซือเฟิง แต่เนื่องจากกิลยังต้องการคนอยู่บริหารงาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ติดตามเขาไป
อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในทวีปด้านตะวันตกนานนัก และแม้ว่าเขาจะไปพร้อมกับคริสตัลเวทย์มนต์นับล้าน แต่การกลับมาพร้อมกับผลตอบแทนจำนวนมหาศาลมากขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
วัสดุที่ถือว่าหายากนั้น มันก็มีเหตุผลของมันเองที่หายาก และมันก็ไม่มีอุปทานจำนวนมากในตลาด ซึ่งการจะได้รับวัสดุจำนวนมากเท่าที่ซือเฟิงได้รับมาตอนนี้นั้น คนๆหนึ่งจะต้องไปปล้นบ้านประมูลของอาณาจักรหรือจักรวรรดิบางแห่งแล้วจึงจะได้รับมันมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมหาอำนาจต่างๆค้นพบว่ามีคนจัดซื้อวัสดุหลายชิ้นในปริมาณที่สูงขึ้น ราคาของมันก็จะสูงขึ้น ซึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นี้นั้น มหาอำนาจหลายกลุ่มจึงมักจะจัดซื้อวัสดุที่หายากส่วนใหญ่ที่พวกเขาต้องการแบบทีละนิด เป็นเวลานาน
“อืมมม เราใช้เวลาในการรวบรวมวัสดุเหล่านี้เป็นเวลานาน …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า ก่อนที่เขาจะยิ้มและพูดต่อว่า “แล้วเป็นยังไงล่ะ ? ตอนนี้เธอยังจะคิดว่าการจัดการกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเป็นปัญหาอยู่ไหม ?”
เขานั้นรู้ถึงไพ่ลับของหัวใจปีศาจมานานแล้ว และก่อนที่เขาจะไปเยือนทวีปด้านตะวันตกนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะไปโจมตีกิลสายความมืดกิลนี้เลย เพราะท้ายที่สุดเขาไม่ได้ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบ
แต่อย่างไรก็ตามกาลเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว และเขาร่ำรวยมากๆ
คริสตัลเวทย์มนต์นั้นมีมูลค่าสูงมากกว่าในทวีปด้านตะวันตก มากกว่าด้านตะวันออก ดังนั้นเขาจึงได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กลับมา หลังจากที่เขาพกคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมหาศาลติดตัวไปยังทวีปด้านตะวันตก เขาคาดการณ์ว่าวัสดุที่เขาซื้อมาในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้นจากทวีปด้านตะวันตกนั้น ควรจะสามารถทำเงินได้ราวสิบล้านเหรียญทองในทวีปด้านตะวันออก
ในระยะนี้ของเกมนั้น แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังจะไม่สามารถรวบรวมเงินสิบล้านเหรียญทองได้ อย่างดีที่สุดพวกเขาก็จะมีเงินสำรองของกิลอยู่แค่ราวหนึ่งถึงสองล้านเหรียญทองเท่านั้น
“หัวหน้ากิล หัวหน้านี่มันร้ายกายจริงๆ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าหัวหน้าจะมีวัสดุที่หายากมากมายขนาดนี้จากทวีปด้านตะวันตก มหาอำนาจต่างๆจะบ้าคลั่งแน่นอน เมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องนี้” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พยักหน้าให้ซือเฟิงอย่างผู้มีชัย
ใน God domain เงินนั้นคืออำนาจ !!!
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ทุกสิ่งใน God domain มันก็ต้องใช้เงิน เงินคืออำนาจสูงสุด และกิลที่มีเงินมากก็จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากๆ และแม้ในขณะที่ผู้เล่นเริ่มมาถึงขั้นสามกันแล้ว เหรียญทองก็ยังไม่ได้เสื่อมมูลค่าลงเลย เพราะแม้ว่ามันจะหาง่ายขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายประจำวันในด้านต่างๆของผู้เล่นก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ….
ตอนนี้สภาสิบแปดปีกสภาสิบแปดปีกนั้นก็จัดว่าโชคดีมากแล้วที่สามารถติดอาวุธให้กับกองอัศวินของตัวเองได้อย่างเต็มที่ การจะสร้างกองทัพ NPC จริงๆยังคงเป็นไปไม่ได้ ….
“อย่างไรก็ตาม ฉันก็มีสิ่งที่จำเป็นต้องใช้วัสดุเหล่านี้เช่นกัน ดังนั้นเราจะสามารถขายได้ครึ่งเดียว ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่เธอแล้วกัน หากคนที่ไว้ใจได้มาทำงานนี้ หากข่าวรั่วไหลออกไป เราจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเรียกร้องราคาที่สูง” ซือเฟิงกล่าวเตือนเสวี่ยเหวินโหรว
“ฉันเข้าใจ ฉันจะทำให้ใจเลยว่าวัสดุทุกชิ้นนั้นถูกขายในราคาที่เหมาะสม และฉันจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีมหาอำนาจรายใดรู้ถึงความมั่งคั่งของเรา” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวสัญญาด้วยรอยยิ้มสดใส เธออดใจไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นสีหน้าของมหาอำนาจต่างๆ เมื่อพวกเขาได้เห็นกองอัศวินที่อัพเกรดแล้วของสภาสิบแปดปีก
นับตั้งแต่ที่เมืองป่าหินย้ายมาอยู่ที่ป่าใบไม้ผลิ มหาอำนาจต่างๆก็ล้วนจับตามองเมืองนี้อย่างมาก และเมื่อพวกเขาเริ่มมีผู้เล่นขั้นสามกันมากขึ้น การควบคุมของสภาสิบแปดปีกในแผนที่ก็เริ่มอ่อนแอลง และเนื่องจากความขัดแย้งกับหัวใจปีศาจเมื่อไม่นานมานี้ มหาอำนาจบางกลุ่มจึงเริ่มจะก่อปัญหาแล้ว และในอัตรานี้พวกเขาจะเริ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิกับสภาสิบแปดปีกก่อนที่ประตูสู่โลกแห่งความมืดจะเปิดขึ้นที่นี่แน่นอน
“งั้นฉันจะฝากทุกอย่างที่เหลือไว้ให้เธอจัดการ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เดินทางไปที่บริษัทการค้าแสงเทียนของเมืองป่าหินอย่างลับๆ
ในขณะที่หนึ่งในเป้าหมายของเขาในการไปเยือนทวีปด้านตะวันตกคือการหาเงิน และวัสดุจำนวนมาก แต่เป้าหมายหลักของเขาคือเรื่องต้นไม้แห่งชีวิต
ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นเป็นเพียงเครื่องมือไม่ใช่อาวุธ แต่มหาอำนาจทั้งหมดก็ล้วนแสวงหามันเพราะมันสามารถผลิตสิ่งของหายากได้หลากหลายไม่ต่างจากขุมสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แม้แต่ซุเปอร์กิลเองก็ยังเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเมื่อพูดถึงกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิต เนื่องจากมันสามารถจะผลิตผลไม้แห่งชีวิต ซึ่งสามารถใช้ชุบชีวิตคนตายได้ โดยผลไม้แค่ลูกเดียวนี้สามารถให้ชีวิตกับใหม่แก่สิ่งมีชีวิตได้เลย
ผู้เล่นส่วนใหญ่อาจไม่สนเรื่องชุบชีวิตคนตาย แต่สำหรับผู้เล่นที่มีองครักษ์ส่วนตัวระดับสูงๆนั้นไม่ใช่ ผลไม้พวกนี้นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมาก แถมมันอยากอาจทำให้ศักยภาพและอัตราการเติบโตของสิ่งมีชีวิตที่ใช้ผลไม้ชุบชีวิตขึ้นมาเติบโตและเพิ่มขึ้นด้วย
ซึ่งกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่ซือเฟิงมีนั้น ใครๆก็จะสามารถนึกได้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน
เมืองป่าหิน บริษัทการค้าแสงเทียน :
เนื่องจากเมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองที่น่าดึงดูดมากสำหรับผู้เล่นขั้นสาม และความจริงที่ว่าบริษัทการค้าแสงเทียนได้ขายโพชั่นระดับปรมาจารย์แทบทุกประเภท ร้านค้าจึงกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับทีมนักผจญภัยต่างๆ ในความเป็นจริงทีมนักผจญภัยทีมใดที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองที่เมืองป่าหินนั้น อย่างน้อยก็จะต้องเป็นสมาชิกขั้นสูงของบริษัทการค้าแสงเทียนก่อน
ผู้เล่นสายอาชีพจำนวนมากนั้นก็เข้ามาเยี่ยมชมบริษัทการค้าแสงเทียนเช่นกัน
เพื่อให้ทำตามออเดอร์ทั้งหมดทัน บริษัทการค้าแสงเทียนก็ได้แบ่งคำสั่งซื้อพื้นฐานไปจ้างผู้เล่นอิสระทำ ขณะที่พวกสำคัญๆก็ให้สมาชิกในบริษัททำ
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขนาดการดำเนินงานของบริษัทได้ แต่มันยังช่วยเพิ่มผลผลิตอีกด้วย ในขณะเดียวกันมันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสายอาชีพอิสระสามารถเก็บค่าความเชี่ยวชาญ และฝึกปรือตัวเองได้ แถมผู้เล่นสายอาชีพอิสระที่มาทำงานให้บริษัทการค้าแสงเทียนก็ยังจะได้รับคะแนนสะสมของบริษัทไว้เพื่อแลกสูตรหรือแบบแปลนบางอย่างที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย และพวกเขากระทั่งสามารถใช้คะแนนของตัวเองเพื่อเช่าเวิร์คช็อปพิเศษหรือห้องสมาธิขั้นพื้นฐานได้
เนื่องจากผลประโยชน์มากมายขนาดนี้ ผู้เล่นอิสระสายอาชีพจำนวนมากจึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาพัฒนาที่เมืองป่าหิน
เมื่อซือเฟิงเข้ามาสู่บริษัทการค้าแสงเทียน เขาก็พบว่าห้องโถงชั้นหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นจากทีมนักผจญภัย และผู้เล่นสายอาชีพมากมาย ตอนนี้ที่นี่มันดูได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าบ้านประมูลในเมืองของ NPC เลย
ซือเฟิงเดินเข้าไปที่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นอิสระสายอาชีพหลายคนที่รอเช่าห้องสมาธิกับเวิร์คช็อปพิเศษอยู่อิจฉามากๆ
“ชายคนนั้นเป็นใครกัน ? พวกเขาปล่อยให้เขาเข้าไปได้โดยที่แทบจะไม่ต้องตรวจเช็คเลย แถมเขายังไม่ต้องเข้าแถวด้วย !!!”
“ฉันไม่รู้ แต่เขาจะต้องเป็นคนสำคัญแน่นอน ฉันได้ยินมาว่านอกจากแกนหลักของบริษัทการค้าแสงเทียนแล้ว จะมีก็แต่ผู้เล่นอิสระที่เป็นสมาชิระดับทองเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใช้ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
“ฉันสงสัยจังว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้กลายเป็นสมาชิกระดับทองแดง …”
“ทอง ? คุณควรขอบคุณโชคของตัวเองแล้วนะที่กลายเป็นสมาชิกระดับเงินได้ คุณรู้ไหมว่าแม้แต่ผู้เล่นสายอาชีพระดับปรมาจารย์บางคนก็ยังเป็นได้แค่สมาชิกระดับทองแดงเท่านั้น”
ผู้เล่นสายอาชีพทุกคนนั้นล้วนใฝ่ฝันจะได้เข้าใช้ห้องสมาธิอยู่แล้ว เพราะภายในห้องนี้สภาพแวดล้อมมันจะช่วยให้พวกเขาฝึกปรือตัวเองได้อย่างมาก และแม้แต่ผู้เล่นสายอาชีพของมหาอำนาจต่างๆก็ยังมีโอกาสใช้ห้องนี้น้อยมาก และเหตุผลเดียวที่ผู้เล่นอิสระสายอาชีพเช่นพวกเขามีโอกาสจะได้ใช้ห้องสมาธิแบบนี้ได้ มันก็เป็นเพราะความรุ่งเรืองของบริษัทการค้าแสงเทียนก็เท่านั้น
แน่นอว่าซือเฟิงนั้นเพิกเฉยต่อความอิจฉาของผู้เล่นเหล่านี้ และเขาก็เดินเข้าไปในห้องสมาธิห้องหนึ่งทันที ก่อนที่เขาจะนำกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เขาหยิบจากคลังกิลออกมา
มานานั้นเป็นหัวใจหลักของทุกสิ่งใน God domain
ผู้เล่นจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นในการด้านการผลิต ต่อสู้ หรือฝึกก็ในสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่น ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิต เขาจึงได้ตัดสินใจมาที่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐาน
หลังจากซือเฟิงนำกิ่งหลักออกมาแล้ว ซือเฟิงก็นำดาวแห่งแสงที่เขาได้รับจากการล่อลวงของเทพปีศาจออกมาด้วย
ซึ่งเมื่อไอเทมทั้งสองชิ้นมาเจอกันมันก็แผ่ออร่าอบอุ่นออกมา ….
เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว …. ฉันหวังให้มันสามารถฟื้นฟูและมีชีวิตได้ …. ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในขณะที่เขาทำการผสานกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตเข้ากับดาวแห่งแสง