ดีไวน์อาติแฟค
เมื่อซือเฟิงทำการผสานดาวแห่งแสงเข้ากับกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เหี่ยวเฉา มานาภายในห้องสมาธิขั้นพื้นฐานนั้นก็เริ่มเข้ามาล้อมรอบกิ่งหลักอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที หมอกสีขาวก็ก่อตัวขึ้นรอบๆกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉา นอกจากนี้นี่มันยังไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นหมอกมานาก็เริ่มกลั่นตัวเป็นหยดของเหลวมานาบนกิ่งไม้และบริเวณรอบๆ ต่อจากนั้นของเหลวมานาก็ไหลเข้าสู่ปลายกิ่งที่หัก
และด้วยการไหลเข้ามาของ ของเหลวมานา แต่ละหยดเข้าสู่กิ่งไม้ที่เหี่ยวแห้ง กิ่งก้านก็เริ่มสั่นไหวและให้ความรู้สึกราวกับว่ามีพลังงานกระเพื่อมอยู่ราวกับสิ่งมีชีวิตบางชนิดกำลังจะตื่นขึ้น
ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะค่อนข้างดี ซือเฟิงมีความสุขมากๆ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการกระเพื่อมของพลังงานจากกิ่งหลักที่เหี่ยวเฉา
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเห็นอัตราการเหี่ยวเฉาอยู่ที่เก้าสิบสี่เปอเซ็นต์ เขาก็ค่อนข้างสิ้นหวังกับการจะฟื้นฟูกิ่งอยู่แล้ว
โชคดีที่ตอนนี้มันไม่เกิดความล้มเหลว เมื่อพยายามจะฟื้นฟูกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิต เพราะสิ่งที่จำเป็นเพียงอย่างเดียวที่ต้องทำตอนนี้ก็คือจัดหามานาที่มีความหนาแน่นสูงและพลังงานชีวิตอย่างต่อเนื่อง และตราบใดที่เงื่อนไขนี้ได้รับการตอบสนองเพียงพอ กิ่งหลักนี้ก็จะสามารถเติบโตเป็นต้นไม้แห่งชีวิตอีกต้นได้
ปัญหาเดียวคือปริมาณและความหนาแน่นของมานารวมทั้งพลังงานชีวิตที่ต้องการจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอัตราการเหี่ยวเฉาของกิ่ง และในขณะเดียวกันวัสดุที่สามารถเสริมมานาและพลังชีวิตให้กับกิ่งหลักที่มีอัตราการเหี่ยวเฉาเก้าสิบสี่เปอเซ็นต์นั้นมันก็หายากอย่างไม่น่าเชื่อ
โชคดีที่การเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกของซือเฟิงในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับดาวแห่งแสงมา ถ้าไม่มีมัน เขาคงไม่มีความหวังที่จะฟื้นฟูกิ่งที่มีอัตราการเหี่ยวเฉามากขนาดนี้ได้
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก่อนที่เขาจะรู้ตัวนั้นเวลาก็ผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว และในช่วงเวลานี้กิ่งหลักที่เหี่ยวเฉาก็ได้ดูดซับของเหลวมานาเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อรวมกับแก่นแท้ของดาวแห่งแสงแล้ว ตอนนี้กิ่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต และในความเป็นจริงมันเริ่มมีใบไม้งอกออกมาแล้วด้วยซ้ำ
เมื่อใบไม้สีเขียวเริ่มแตกหน่อบนกิ่งไม้ พลังงานชีวิตที่แผ่ออกมานั้นมันก็หนาแน่นมากขึ้น และตอนนี้ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยพลังงานชีวิต
มันตื่นแล้ว แต่พลังงานชีวิตนี่ให้มานาหนาแน่นขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? ระดับของต้นไม้แห่งชีวิตนี้จะคืออะไร ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังงานชีวิตเต็มห้อง หากผู้เล่นเข้ามาพักผ่อนในห้องนี้ตอนนี้ อัตราการฟื้นฟูของพวกเขาจะเร็วและมากกว่าปกติถึงสองเท่าแน่นอน
ใน God domain แม้ว่าผู้เล่นจะมาถึงขั้นสามแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ได้ยังได้รับพลจากพลังกัดกร่อนของแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น เพียงแต่ว่าที่ขั้นสามนั้น พวกเขาทนต่อพลังกัดกร่อนได้มากขึ้นเท่านั้น และหลังจากล่ามาถึงจุดหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ยังคงต้องกลับไปที่เมืองเพื่อพักผ่อนอยู่ ไม่งั้นพวกเขาจะล้มลงจากความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อนที่จะตายลง
นี่คือเหตุผลเบื้องหลังการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเมืองป่าหิน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้เล่นจะกลับมาพักผ่อนในเมือง แต่มันก็ยังต้องใช้เวลานานมากในการฟื้นตัวกลับสู่จุดสูงสุด และในขณะเดียวกันผู้เล่นที่ร่ำรวยก็ยังมีทางเลือกในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีมานาเพื่อเพื่อเร่งการฟื้นตัว แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยเร่งได้แค่ไม่กี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ หากผู้เล่นเข้ามาพักผ่อนในห้องนี้ อัตราการฟื้นฟูตัวเองของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ
อย่างไรก็ตามผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญของ God domain ก็บริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เร่งอัตราการฟื้นฟูตัวเองเป็นประจำเพื่อให้มีเวลาล่า และสำรวจแผนที่มากขึ้น ขณะที่พวกระดับสูงของกิลก็มักจะใช้โพชั่นโบราณเพื่อเพิมอัตราการฟื้นฟู ซึ่งมันก็มีราคาแพงมาก โดยที่ถูกที่สุดในหมู่พวกนี้ก็ยังมีราคาราวยี่สิบถึงสามสิบเหรียญทองต่อขวด ในขณะที่พวกที่แพงๆก็มีราคามากกว่าหนึ่งร้อยเหรียญทองต่อขวด
โพชั่นโบราณนั้นจัดเป็นของบริโภคที่ใช้แล้วหมดไป โดยมันจะมีผลเพียงสี่ถึงหกชั่วโมง อย่างไรก็ตามเมื่อรวมผลของโพชั่นโบราณและอาหารกับเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งการฟื้นฟู มันก็อาจทำให้อัตราการฟื้นตัวของผู้เล่นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้เลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่พึ่งจะฟื้นฟูขึ้นมาก็สามารถให้เอฟเฟคแบบนี้ได้แค่ในห้องนี้เท่านั้น หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปมหาอำนาจต่างๆของ God domain จะต้องคลั่งด้วยความอิจฉาแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับโพชั่นโบราณนั้นมันให้ผลกับคนแค่คนเดียว อย่างไรก็ตามกิ่งนี้สามารถช่วยผู้เล่นทุกคนที่พักผ่อนอยู่ในห้องที่มันมีเอฟเฟคได้
แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตนี้ก็จะทำให้สมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีก เหนือกว่ามหาอำนาจต่างๆและเป็นผู้นำแล้ว เมื่อทำการเก็บเลเวลและปรับปรุงความแข็งแกร่งของพวกเขา
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกประหลาดใจกับเอฟเฟคนี้ กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตก็ปล่อยแสงสีมรกตออกมา จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นต้นอ่อน
ซึ่งทันทีที่ต้นอ่อนเริ่มเป็นรูปร่าง ซือเฟิงก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างหนักในแบบที่เขาไม่อาจจะอธิบายได้ โดยต้นอ่อนนี้ได้ดูดมานาในห้องสมาธิขั้นพื้นฐานไปจนเหือดแห้งซึ่งถ้าซือเฟิงไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว การกระทำนี้ของต้นอ่อนจะฆ่าเขาได้เลย
ซือเฟิงนั้นไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ เขารีบเปิดแผงข้อมูลของต้นอ่อนขึ้นมาเช็คทันที
อึก !! นี่มันคือดีไวน์อาติแฟคจริงๆงั้นหรอ ?!! ซือเฟิงตกตะลึง เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา
[ต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ] (เศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค)
ต้นอ่อนที่เต็มไปด้วยพลังงานชีวิต และต้นอ่อนนี้ก็ยังมีออร่าของโลกก่อนเกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ ต้นอ่อนนี้สามารถผลิตน้ำแห่งชีวิตได้สิบเจ็ดหยดต่อวัน และผลิตนิวเคลียสแห่งชีวิตได้สามชิ้นทุกๆสามวัน และผลไม้แห่งชีวิตหนึ่งผลทุกๆเจ็ดวัน ต้นอ่อนนี้สามารถอยู่รอดได้เฉพาะในสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานาสูงเท่านั้น
มีความสามารถในการเติบโต (ต้องใช้พลังงานที่หนาแน่นและบริสุทธิ์จำนวนมากในการเติบโต อัตราการเติบโตในปัจจุบัน 0 เปอเซ็นต์)
ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่คาดเดาว่ากิ่งหลักที่เขาได้รับมานี้เป็นดีไวน์อาติแฟค เพราะมันอยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ และสภาพแวดล้อมในสมัยโบราณนั้นก็ดีกว่าสภาพแวดล้อมในปัจจุบันของ God domain หลายเท่า
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับเลยว่าเขาไม่คิดว่ากิ่งหลักที่เขาได้รับมานี้จะอยู่ในระดับดีไวน์อาติแฟคจริงๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนก็ตาม
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแตค่เศษชิ้นส่วน แต่มันก็ยังคงจัดเป็นดีไวน์อาติแฟคที่แท้จริง !! มันไม่ใช่ไอเทมระดับตำนานที่ถูกระบุว่ามีพลังของดีไวน์อาติแฟค ….
ดีไวน์อาติแฟคนั้นสามารถจะนำเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่เป็นเจ้าของมันไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ พวกมันเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพโบราณก็ยังต่อสู้ฟาดฟันเพื่อแย่งชิงกัน และแม้แต่วิหารเทพสงครามที่ยิ่งใหญ่ก็มีไอเทมระดับดีไวน์อาติแฟคแค่สองชิ้นเท่านั้นอยู่ในคลังของพวกเขา
หากข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นใน God domain เลย แม้แต่ NPC ทั้งหมดก็ยังมีสิทจะเคลื่อนไหว โดยเฉพาะพวกกองกำลังแห่งความมืด ซึ่งจะเลือกเข้าทำลายเมืองป่าหินแน่นอน ในความเป็นจริงต้องบอกว่าพวกเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะทำลายทั้งจักรวรรดิเพื่อรับเอาต้นอ่อนนี้
ดังนั้นในขณะที่ซือเฟิงรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เห็นว่าต้นอ่อนนี้อยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค แต่เขาก็รู้สึกประหม่าและกลัวไปพร้อมกัน ขณะที่จ้องมองไปยังต้นอ่อน
ยิ่งไปกว่านั้นการฟื้นฟูกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาได้แบบนี้ยังไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุดด้วย ส่วนที่ยากที่สุดจริงๆคือการที่ต้องจัดหาพลังงานที่หนาแน่นและบริสุทธิ์จำนวนมากเพื่อมาช่วยในการเติบโตของต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในครั้งแรก แต่ผู้เล่นก็สามารถลองแล้วลองอีกจนกว่ามันจะสำเร็จได้
แถมนอกจากส่วนที่ยากที่สุดแล้ว ส่วนที่ท้าทายที่สุดคือการรักษาต้นไม้แห่งชีวิตไว้
ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นค่อนข้างจะถูกระบุสภาพแวดล้อมความต้องการไว้อย่างเข้มงวดมากๆ หากผู้เล่นไม่สามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้ ต้นไม้ก็จะตาย ไม่ต้องพูดถึงการทำให้มันเจริญเติบโตได้เลย
และเงื่อนไขหลักๆของต้นไม้แห่งชีวิตก็คือการปลูกมันในสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานามากเพียงพอ
เดิมทีซือเฟิงคิดว่าเขาจะสามารถพึ่งพาสภาพแวดล้อมของเมืองป่าหินเพื่อปลูกต้นไม้แห่งชีวิตได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้ว่าเขาจะสามารถฟื้นฟูกิ่งหลักขึ้นมาได้ แต่มันก็กลายเป็นเพียงต้นอ่อนเท่านั้น และเอาจริงๆจำนวนมานาที่ต้นอ่อนต้องการนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับต้นโตเต็มวัย และในความเป็นจริงด้วยสภาพแวดล้อมของเมืองป่าหินนั้นเขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถปลูกต้นอ่อนได้ แม้ว่ามันจะอยู่ในระดับตำนานก็ตาม
อย่างไรก็ตามสำหรับต้นอ่อนระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟคนั้น แม้แต่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานของเมืองก็จะไม่สามารถจัดสรรมานาให้ตามจำนวนที่ต้นอ่อนต้องการได้
ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่อัพเกรดเมืองป่าหิน ฉันก็จะไม่สามารถแตะต้องต้นไม้แห่งชีวิตได้สินะ ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ขณะที่เขามองไปยังต้นอ่อนที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา จากนั้นเขาก็ติดต่อเสวี่ยเหวินโหรวและถามว่า “สิ่งต่างๆด้านของเธอไปถึงไหนแล้ว ?”