เมืองป่าหินที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง
“เมืองป่าหินกำลังอัพเกรด ?!”
เมื่อพวกเขาได้ยินใครบางคนพูดถึงการอัพเกรดเมืองป่าหิน ฝูงชนที่ถูกเทเลพอร์ตออกจากเมืองก็เงียบลง และหลายคนก็จ้องมองไปยังบาเรียเวทย์มนต์ที่ห่อหุ้มเมืองด้วยความประหลาดใจ
การอัพเกรดเมืองกิลนั้นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีกิลใดที่จะสามารถอัพเกรดเมืองกิลของตัวเองให้กลายเป็นเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลางได้ เพราะข้อกำหนดในการอัพเกรดนั้นสูงเกินไป และมันต้องใช้เวลานานมาก ….
แต่ในตอนที่มหาอำนาจต่างๆพึ่งจะมีเมืองกิลขนาดให่ขั้นพื้นฐานอยู่แค่ไม่กี่แห่งภายใต้การควบคุมในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย สภาสิบแปดปีกกับกำลังอัพเกรดเมืองป่าหินให้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางได้แล้ว ….
“เมืองป่าหินมีคุณสมบัติ และข้อกำหนดตรงตามการอัพเกรดแล้วงั้นหรอ ? สภาสิบแปดปีกนี่โชคดีจริงๆ ด้วยการป้องกันของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง แม้แต่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเข้ายึดครองเมืองแน่นอน”
“คุณไม่ได้มองภาพรวมขนาดใหญ่เลย เมืองป่าหินนั้นเป็นเพียงแค่เมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง มันยังไม่ใช่เมืองหลัก การป้องกันของมันจะไปแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหนกัน ? แม้แต่เมือง NPC ขั้นสูงก็ยังไม่สามารถจะรับประกันได้เลยว่าจะต้านทานการรุกรานของผู้เล่นจากโลกอื่นได้ทั้งโลก ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลางเลย”
“ถูกต้อง ตราบใดที่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเข้ายึดเมืองป่าหินได้ สภาสิบแปดปีกก็จะได้เสียใจแน่ที่ตัดสินใจอัพเกรดเมืองในครั้งนี้”
แม้ว่าทุกคนจะประหลาดใจและตกตะลึงที่สภาสิบแปดปีกสามารถอัพเกรดเมืองป่าหินขึ้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางได้ แต่พวกเขาก็คิดว่านี่ยังคงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับสภาสิบแปดปีก เพราะโลกแห่งความมืดนั้นยังจัดว่าเป็นภัยคุกคามอยู่
ข่าวดังกล่าวนี้ก็ไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็วเช่นกัน และพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันอย่างร้อนแรงเกี่ยวกับประเด็นนี้
จักรวรรดินักบุญทั้งสิบ สถานที่พักกิลจักรพรรดิคริมสัน เล้าจ์ของพวกระดับสูง :
“เป็นไปตามที่ฉันคิดจริงๆ แม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่สภาสิบแปดปีกก็สร้างความตกตะลึง และความประทับใจได้อีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าหนึ่งในไพ่ที่พวกเขาใช้จะเป็นการอัพเกรดเมืองป่าหินเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง” ชายผู้ดุร้ายในห้องรับรองกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่เขาอ่านรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเมืองป่าหิน เขานั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดแล้ว และเขาก็แผ่ออร่ารุนแรงมากๆออกมา ซึ่งชายคนนี้ก็หันไปจ้องมองหญิงสาวในชุดสีขาวและกล่าวต่อว่า “อิลูซะรี่ ดูเหมือนว่าการพนันของเธอครั้งนี้จะผิดไปเยอะนะ นี่สภาสิบแปดปีกคิดว่าเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางจะสามารถหยุดการรุกรานจากโลกแห่งความมืด และมหาอำนาจต่างๆได้จริงๆงั้นหรอ ? เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดนั้นไม่พอใจเธออย่างมาก หลังจากที่เธอคัดค้านอย่างรุนแรงในการเป็นพันธมิตรกับหัวใจปีศาจ หากสภาสิบแปดปีกไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในป่าใบไม้ผลิได้ ไม่เพียงแต่เธอจะสูญเสียตำแหน่งรองหัวหน้ากิลนะ แต่พวกเขายังอาจจะจับเธอไปทำงานนั่งโต๊ะ และทำให้เธอไม่มีอำนาจเหลือในกิลเลยตลอดไป …”
“ฉันแค่เสนอแนะ แต่หัวหน้ากิลเป็นผู้รับผิดชอบการตัดสินใจขั้นสุดท้ายไม่ใช่รึไง ?” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางกลอกตาของเธอ และเธอก็กล่าวต่อด้วยความสัตย์จริงว่า “อีกอย่าง ฉันก็ยังมั่นใจว่าสภาสิบแปดปีกไม่มีทางจะถูกทำลายลงง่ายๆ นี่เป็นเหมือนกับความรู้สึกตกใจที่ฉันเห็นแบล๊คเฟรมและทีมของเขาบุกเข้าเมืองปีศาจไปฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้นั่นแหละ นอกจากนี้แม้ว่าจักรพรรดิคริมสันจะไม่เข้าร่วมในการโจมตี แต่เราก็ไม่มีอะไรจะเสียนี่ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะน่ะ ไม่ใช่รึไง ?”
“เราอาจจะไม่สูญเสียอะไรไปเลย แต่เหล่าผู้เล่นสายความมืดนั้นมีสิทสูงมากที่จะเข้าปกครอง God domain ในอนาคต และความเร็วในการพัฒนาของหัวใจปีศาจนั้นก็น่าตกตะลึง จากรายงานที่เราได้รับมาหัวใจปีศาจนั้น ได้สร้างพันธมิตรลับๆขึ้นกับซุเปอร์กิล และกิลที่แข็งแกร่งใกล้เคียงกับซุเปอร์กิลมากมาย หากเราสร้างสัมพันธ์กับหัวใจปีศาจไว้ การพัฒนาในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสำหรับเราก็น่าจะง่ายกว่าในอนาคต” ชายผู้ดุร้ายตอบโต้อย่างรอบคอบ “อีกทั้งหากเราเข้าร่วมกับหัวใจปีศาจ จักรพรรดิคริมสันก็จะสามารถเป็นเพื่อนกับกิลสายความมืดต่างๆได้ และอาจจะมีสิทได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ของเมืองป่าหิน เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดล้วนไม่พอใจกับข้อเสนอแนะของเธอในครั้งนี้ นี่ควรเป็นโอกาสสำหรับจักรพรรดิคริมสันที่จะทำกำไร แต่โอกาสนั้นได้หมดไปแล้ว หากเรื่องนี้จบลงที่สภาสิบแปดปีกพ่ายแพ้ พวกเขาจะทำให้เธอได้จ่ายอย่างสาสมแน่นอน”
“อย่ามาโทษฉันสำหรับเรื่องนี้ มันไม่ได้มีอันตรายใดๆสำหรับการระมัดระวังตัว หัวหน้ากิลน่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของฉันก็เพราะคิดเช่นเดียวกัน สถานการณ์ใน God domain นั้นไม่มั่นคงอย่างมากในตอนนี้ และบรรยากาศระหว่างมหาอำนาจต่างๆก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาก เมื่อโลกแห่งความมืดเชื่อมต่อกับทวีปหลักเมื่อไหร่ God domain จะมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง และฉันจะไม่แปลกใจเลยหากต้องเห็นมหาอำนาจบางกลุ่มล่มสลาย” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ในตอนแรกเธอก็ไม่ต้องการที่จะห้ามกิลของเธอในการเข้าเป็นพันธมิตรกับหัวใจปีศาจ และมหาอำนาจอื่นๆเพื่อโจมตีสภาสิบแปดปีก เพราะเธอก็แอบเห็นด้วยว่าสภาสิบแปดปีกคงถึงคราวจบสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอนึกถึงการแสดงของซือเฟิงที่เมืองปีศาจ และตำนานที่เขาสร้างขึ้นในดาร์คเดน เธอก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ คนอื่นอาจคิดว่าข้อเสนอแนะของเธอเป็นเรื่องน่าหัวเราะ แต่มันก็จะมีเพียงผู้ที่ได้เห็นซือเฟิงป้องกันมือของราชันปีศาจขั้นห้าได้เป็นการส่วนตัวแบบเธอเท่านั้นจึงจะเข้าใจว่านักดาบนั้นทรงพลังมากขนาดไหน
“เรื่องนี้เธอต้องไปอธิบายกับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเอง พวกเขาสั่งให้ฉันเข้าไปที่เมืองป่าหินพร้อมกับกองกำลังหลักของเรา หากสถานการณ์ของสภาสิบแปดปีกตกอยู่ในความสุ่มเสี่ยง เราจะร่วมมือกับมหาอำนาจอื่นๆทันที” ชายผู้ดุร้ายกล่าวพลางยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ?” อิลูซะรี่เวิร์ดประหลาดใจเล็กน้อย “นี่หัวใจปีศาจก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วงั้นหรอ ?”
พวกเขาเพิ่งจะได้รับข่าวการอัพเกรดเมืองป่าหินเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางเมื่อไม่กี่นาทีผ่านมา แต่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็ได้ตัดสินใจจะทิ้งสภาสิบแปดปีกทันทีหากสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ซึ่งมตินี้นั้นแม้แต่หัวหน้ากิลที่ไม่พอใจก็ยังไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงมันได้ ….
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องได้รับข่าวบางอย่างมาแน่นอน ไม่งั้นพวกเขาคงจะไม่รีบลงมติกดดันหัวหน้ากิลแบบนี้
“ฉันเองก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น …” ชายผู้ดุร้ายกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็ถามว่า “เธออยากมากับเราไหม ?”
“แน่นอน !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางพยักหน้า “ถ้าฉันไม่ไป เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็จะมองว่าข้อเสนอแนะของฉันไม่มีน้ำหนักแม้แต่น้อย !!!”
หลังจากนั้นชายผู้ดุร้ายพร้อมกับอิลูซะรี่เวิร์ดก็ได้เดินทางเข้าไปยังเมืองป่าหินพร้อมกับกองกำลังหลักของจักรพรรดิคริมสัน
สองชั่วโมง หลังจากที่ผู้เล่นถูกบังคับให้เทเลพอร์ตออกจากเมืองป่าหิน บาเรียรอบๆก็เริ่มสลายไป และภายในไม่กี่วินาทีมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆและเผยให้เห็นเมืองกิลโฉมใหม่ทั้งหมด
เมื่อผู้เล่นที่พักผ่อนอยู่ในป่าใกล้ๆเห็นเมืองใหม่ พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
กำแพงของเมืองป่าหินนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างท้าทายสวรรค์ เดิมทีกำแพงนั้นมีความสูงประมาณสิบสองเมตร แต่ตอนนี้มันสูงกว่าสามสิบเมตรแล้ว และกำแพงเมืองก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ด้วยวัสดุที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้กำแพงนั้นดูเหมือนกับสัตว์ร้ายเหล็กกล้าที่กำลังขดตัวป้องกันพื้นที่เมือง ยิ่งไปกว่านั้นอักษรรูนเวทย์ทั้งหมดยังครอบคลุมทุกส่วนของกำแพงเมือง ซึ่งมันก็แผ่แรงกดดันที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกหนักอึ้งอย่างประหลาดออกมา
อาคารของเมืองนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน สิ่งก่อสร้างทั้งหมดของเมืองไม่เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก แต่มันยังแผ่แรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมาด้วย และแม้จะอยู่ห่างออกไปมากกว่าหนึ่งพันหลา แต่ผู้เล่นหลายคนก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนใช้ออร่าล๊อคเป้าพวกเขาอยู่
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือมานาในเมืองป่าหินที่แผ่ออกมา !!!
ตอนแรกนั้นผู้เล่นก็รู้สึกประหลาดใจมากแล้วถึงความหนาแน่นของมานาในเมืองป่าหิน ซึ่งมันจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าไม่มีเมืองกิลอื่นใดใน God domain ที่จะมีความหนาแน่นของมานาเท่ากับเมืองป่าหินในตอนที่เมืองเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ตามตอนนี้ความหนาแน่นของมานาภายในเมืองได้มาถึงจุดสูงสุดใหม่แล้ว และตอนนี้มันมีแม้กระทั่งหมอกสีขาวจางๆปกคลุมทุกสิ่งภายในกำแพงเมือง ….
“อึก !! นี่คือเมืองป่าหินจริงๆงั้นหรอ ?!”
“นี่สภาสิบแปดปีกแทนที่เมืองป่าหินด้วยเมืองอื่นรึปล่าว ?!”