ตอนที่ 2554 ไพ่ลับของสภาสิบแปดปีก
เมื่อได้ยินคำถามของชายผู้ดุร้ายดังก้องขึ้นมาในอากาศ สมาชิกที่เหลือของจักร
พรรดิคริมสันก็หันไปหาอิลูซะรี่เวิร์ด
เมืองป่าหินตรงหน้าของพวกเขาตอนนี้นั้นมันน่าประทับใจและน่าตกตะลึงมากๆ ซึ่งมันยากที่จะจินตนาการว่าเมืองนี้เป็นเพียงเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง
พวกเขานั้นยุ่งอยู่ในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเพียงแค่เรื่องราวของเมืองป่าหินผ่านหูเท่านั้น นี่เป็นเพียงการมาครั้งแรกของพวกเขาเท่านั้น มีเพียงอิลูซะรี่เวิร์ดที่ชอบท่องไปทั่ว God domain เท่านั้นที่เคยเห็นเมืองนี้มาก่อน
“นี่คือพิกัดของเมืองป่าหิน และตรงหน้าของพวกเราก็ควรจะเป็นเมืองป่าหินนั่นแหละ …” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางยิ้มให้กับชายผู้ดุร้าย “ป้ายด้านบนก็ระบุชัดเจนว่านี่คือเมืองป่าหินที่เรากำลังมองหา มันไม่ควรจะมีข้อผิดพลาดใดๆ”
ในความเป็นจริง แม้หลังจากได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว เธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองมาผิดที่ เมืองตรงหน้าเธอนี้ดูไม่เหมือนกับเมืองป่าหินที่เธอเคยเห็นมาในอดีตเลย มันเกือบจะดูเหมือนเมือง NPC ขนาดใหญ่ที่สำคัญๆด้วยซ้ำ นอกจากนี้มานาที่ลอยออกมาจากเมืองก็มีความหนาแน่นแถมยังมีปริมาณมหาศาลมากๆ ซึ่งนี่มันเทียบได้แม้แต่กับเมืองไททัน ตอนนี้เมืองป่าหินนั้นดูไม่เหมือนเมืองที่ผู้เล่นเป็นเจ้าของเลย
สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันพยายามจะทำให้ตัวเองใจเย็นลง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มสำรวจเมืองตรงหน้าของพวกเขา และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวนี่คือเมืองป่าหินอย่างไม่ต้องสงสัย
สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันไม่ใช่ผู้เล่นแค่กลุ่มเดียวที่ตกใจกับรูปลักษณ์ใหม่ของเมืองป่าหิน ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจที่แท้จริงบางคนที่เข้ามาตรวจสอบเมืองที่ได้รับการอัพเกรดนั้นต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบเช่นกัน ไม่เคยมีใครคิดเลยว่าเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานจะเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อมันได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลาง
“แบล๊คเฟรมนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ ด้วยมานาที่หนาแน่นและมีจำนวนมหาศาลในเมือง ผู้เล่นจะยังคงเลือกพักที่นี่แน่นอน แม้ว่าจะมีการรุกรานจากโลกแห่งความมืดก็ตาม และด้วยการเก็บค่าเข้าเมืองเพียงอย่างเดียว สภาสิบแปดปีกก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเงินไประยะหนึ่งเลย” กาแล๊กซี่พาส หัวหน้ากิลพันธมิตรดวงดาวกล่าวแสดงความคิดเห็นอย่างอิจฉา ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เมืองเบื้องหน้าเขาด้วยความหวาดกลัว
กาลครั้งหนึ่งในอาณาจักรสตาร์มูน พันธมิตรดวงดาวนั้นเคยยืนประชันกับสภาสิบแปดปีกในเวทีเดียวกันได้ …. อย่างไรก็ตามตอนนี้ในขณะที่พันธมิตรดวงดาวมีปัญหาเรื่องรายได้ต่อวัน สภาสิบแปดปีกกับอยู่ได้อย่างสบายๆราวกับปลาที่กำลังแหวกว่ายในแม่น้ำใหญ่ ….
ปัจจุบันแหล่งรายได้หลักของกิลนั้นมาจากการเก็บค่าเข้าในเมืองกิลของพวกเขาทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเมืองกิลต่างๆเพิ่มขึ้นในแผนที่เป็นกลาง การแข่งขันมันจึงรุนแรงขึ้นมากๆ และเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเรื่องเมืองกิล
เมืองกิลส่วนใหญ่จึงลดค่าเข้าเมืองลงจนเหลือน้อยอย่างน่าเจ็บปวด
ในทางกลับกัน เมืองป่าหินนั้นไม่ได้มีความกังวลแบบนี้เลย ในฐานะเมืองกิลเพียงแห่งเดียวในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย มันจึงไม่มีการแข่งขันใดๆ และสามารถกำหนดค่าเข้าเมืองได้ตามใจชอบ เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นจำนวนมากก็จะยังคงเต็มใจที่จะมาเยี่ยมชมเมือง
“แน่นอนเลยว่าสภาสิบแปดปีกสามารถจะกำหนดค่าเข้าเมืองเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกคุณพึ่งมาถึงนั้น พวกคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าสภาสิบแปดปีกนั้นบ้าแค่ไหน พวกเขาคิดราคาค่าเข้าเมืองแค่ห้าเหรียญเงินต่อคนเท่านั้น ซึ่งฉันได้ยินมาว่านี่เป็นราคาที่ต่ำสุดที่เมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางจะสามารถตั้งได้เลย ขณะที่เมืองกิลอื่นๆที่อยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยนั้นจะเรียกเก็บค่าเข้าอย่างน้อยสองเหรียญเงินต่อคน แต่เมืองเหล่านั้นก็ไม่มีอะไรจะเทียบกับเมืองป่าหินได้เลย เพื่อของฉันหลายคนกำลังวางแผนที่จะย้ายฐานปฎิบัติการมาที่เมืองป่าหินและฉันแน่ใจว่าไม่ใช่พวกเขาแค่กลุ่มเดียวแน่นอนที่มีความคิดแบบนี้ ฉันสงสัยว่าเราจะเห็นจำนวนผู้เล่นที่นี่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสิบเท่าเลย” ชิลวอริเออร์ขั้นสาม ซึ่งเป็นผู้เล่นอิสระและอยู่ในแถวด้านหน้าของกาแล๊กซี่พาสกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย
“ห้าเหรียญเงิน ?” โฟลวริชชิ่งวิลโลว์ แรนเจอร์หญิงขั้นสามที่อยู่เบื้องหลังของกาแล๊กซี่พาสจ้องมองไปที่ชิลวอริเออร์ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตกตะลึงกับคำกล่าวของเขา
กิลชั้นสูงอย่างพันธมิตรดวงดาวนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลดค่าเข้าเมืองลงอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่พวกเขาต้องเผชิญ แต่เมืองป่าหินนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะต้องเสียค่าเข้าเมืองที่ยี่สิบเหรียญเงินต่อคน แต่ผู้เล่นจำนวนมากก็จะยังคงเลือกใช้มันเป็นฐานแน่นอน นี่ไม่ต้องพูดถึงค่าเข้าสิบเหรียญเงินต่อคนเท่าเดิมเลย God domain นั้นมีผู้เล่นมากเกินไป และยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งเมืองป่าหินนั้นมีขนาดใหญ่ไม่พอจะรองรับผู้เล่นจำนวนนี้ได้แน่นอน
ด้วยความจุที่จำกัดของเมืองกิล และความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกไม่ต้องกังวลเรื่องฐานลูกค้า การเพิ่มค่าเข้าจึงควรจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุด แต่สภาสิบแปดปีกกับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โฟลวริชชิ่งวิลโลว์ไม่อยากจะเชื่อเลย
แม้แต่สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันที่กำลังยืนเข้าแถวอยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อได้ยินว่าค่าเข้าเมืองนั้นมันถูกมากๆ
การเรียกเก็บเงินยี่สิบเหรียญเงินต่อคนเป็นค่าเข้านั้นก็นับวาเป็นการดูหมิ่นสถานที่พักผ่อนศักสิทธิ์ดังเช่นเมืองป่าหินอย่างมากแล้ว พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะจ่ายสามสิบเหรียญเงินต่อคนเพื่อเข้าเมืองด้วยซ้ำ เพราะไม่เพียงแต่เมืองจะมีมานาที่หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มานาที่หนาแน่นนี้ยังจะช่วยให้ผู้เล่นฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้อย่างรวดเร็ว แถมผู้เล่นยังจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจด้วย หากพวกเขาฝึกฝนในเมือง และสามสิบเหรียญเงินนั้นก็ยังจะนับว่าเป็นราคาที่ผู้เล่นอย่างพวกเขายอมจ่ายง่ายๆแน่นอนเพื่อผลประโยช์มากขนาดนี้
แล้วด้วยเหตุผลอะไรถึงทำให้สภาสิบแปดปีกลดค่าเข้าเหลือห้าเหรียญเงินต่อคนเท่านั้น ?
“นี่คือไพ่ลับของแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ? แน่นอนเลยว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด” ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันพึมพำ เมื่อได้ยินบทสนทนาของพันธมิตรดวงดาว
หากสภาสิบแปดปีกกำหนดค่าเข้าเมืองไว้ที่ยี่สิบถึงสามสิบเหรียญเงินต่อคนก็จะไม่มีผู้เล่นสนใจมาใช้ชีวิตในเมืองมากเท่านี้ และแม้ว่าในที่สุดเมืองจะแออัดแน่นอน แต่มันก็จะต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะไม่ใช่ว่าผู้เล่นทุกคนจะสามารถจ่ายในราคาสูงเช่นนี้ได้
ในทางตรงกันข้าม แม้แต่ผู้เล่นเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยทั่วไปก็ยังจะสามารถจ่ายเงินห้าเหรียญเงินต่อคนเพื่อเข้ามาในเมืองป่าหินได้ และคนเหล่านี้ก็จัดเป็นฐานประชากรผู้เล่นส่วนใหญ่ใน God domain ด้วย ซึ่งด้วยค่าเข้าเมืองที่ต่ำแบบนี้ เมืองก็จะเต็มความจุในสองถึงสามวันแน่นอน และแม้จะตั้งราคาไว้ที่ห้าเหรียญเงินต่อคน แต่เมืองก็จะยังคงทำกำไรอย่างน่าทึ่ง
“นี่จะทำให้รองหัวหน้ากิลหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์ปวดหัวมากแน่นอน สภาสิบแปดปีกจะสามารถสร้างรายได้ ได้มากกว่าหนึ่งถึงสองล้านเหรียญทองในอีกสองหรือสามวันข้างหน้า รวมถึงผลกำไรที่จะได้รับจากธุรกิจในเมืองกิลนั้น มันก็จะทำให้สองล้านเหรียญทองก่อนสามวันแน่นอน และด้วยเงินจำนวนมากขนาดนี้ สภาสิบแปดปีกก็จะสามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของโลกแห่งความมืดได้เป็นเวลานานอย่างง่ายดาย” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอันรุ่งโรจน์ของเมือง แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าสภาสิบแปดปีกจะมีโอกาสสูงมากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากการค้นพบครั้งนี้ เธอก็ยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกนั้นไปไกลเกินกว่าความคาดหมายเธอมากๆ และตอนนี้มันก็จะทำให้หัวใจปีศาจคุกคามสภาสิบแปดปีกได้ยากขึ้นมาก
“สภาสิบแปดปีกนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างชาญฉลาด แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว …” ชายผู้ดุร้ายกล่าวพลางส่ายหัว
“คุณหมายถึงอะไร ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอก่อนหน้านี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดได้เก็บข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหัวใจปีศาจไว้แล้วเพื่อความปลอดภัย ประตูสู่โลกแห่งความมืดนั้นน่าจะถูกเปิดใช้งานในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างช้าที่สุด ซึ่งมันก็จะทำให้มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญอิสระหลั่งไหลเข้าสู่ป่าใบไม้ผลิ” ชายผู้ดุร้ายกล่าวอย่างกระซิบกับอิลูซะรี่เวิร์ด “สภาสิบแปดปีกไม่มีเวลามากพอที่จะรวบรวมความมั่งคั่งที่ต้องการแน่นอน”
เมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองที่น่าดึงดูดโดยเฉพาะกับผู้เล่นทั่วไป แต่ผู้เล่นทั่วไปนั้นก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สิทธิประโยชน์ของเมืองเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นทั่วไปยังไม่สามารถเทเลพอร์ตมาที่นี่ได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ และโดยทั่วไปแล้ว พวกเขาก็จะเดินทางไปมาด้วยเรือเหาะซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก ที่แย่กว่านั้นคือไม่มีเส้นทางการบินใดๆที่มุ่งหน้ามายังเมืองป่าหิน ดังนั้นผู้เล่นจึงจะต้องใช้เวลาที่เหลือในการเดินทางบนอะเม้าท์ของตน และมันก็แตกต่างจากผู้เล่นของกิลขนาดใหญ่ ผู้เล่นทั่วไปนั้นมีแค่อะเม้าท์ระดับทั่วไปเท่านั้น
ในแง่มุมอื่นๆ เช่นการแพร่กระจายข้อมูลสงครามระหว่างสภาสิบแปดปีกกับกองกำลังของโลกแห่งความมืด มันก็ได้เริ่มขึ้นมานานแล้วก่อนที่ผู้เล่นทั่วไปจะเริ่มมาเยี่ยมชม เมืองของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ
ในขณะที่เมืองป่าหินใหม่สร้างความประหลาดใจให้กับมหาอำนาจจำนวนมาก ซือ
เฟิงก็ได้เทเลพอร์ตไปยังเมืองไวท์ริเวอร์อย่างลับๆเพื่ออัพเกรดกองอัศวินของเขา
ในขณะที่ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญอาจทำหน้าที่เป็นรากฐานของกิลใน God domain แต่กิลก็ต้องการกองอัศวินที่แข็งแกร่ง หากต้องการตั้งรากฐานในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น
เนื่องจากซือเฟิงขาดเงินทุนที่จำเป็นมาก่อน เขาจึงละเว้นจากการอัพเกรดกองอัศวินของเขาไประยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเงินไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ด้วยผลกำไรจากการขายวัสดุของทวีปด้านตะวันตก และค่าเข้าเมืองป่าหิน ตอนนี้มันทำให้ซือเฟิงมีเหรียญทองอยู่ในกระเป๋ามากถึงห้าล้านเหรียญทอง และการประหยัดเงินจำนวนมากแบบนี้ไว้ใช้ทีหลัง มันจะเป็นการสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เมืองป่าหินกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแห่งแรกในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย นี่มันจะทำให้เขาสามารถรับสมัครอัศวินจำนวนมากที่มีอัตราการเติบโตสูงได้อย่างแน่นอน
อาณาจักรสตาร์มูน สมาคมนักผจญภัยเมืองไวท์ริเวอร์ :
ข่าวการอัพเกรดของเมืองป่าหินนั้นได้ไปถึงหูของผู้เล่นจำนวนมากแล้ว และผู้เล่นทุกคนในสมาคมนักผจญภัยก็กำลังคุยกันเรื่องนี้ เมื่อซือเฟิงมาถึง ผู้เล่นอิสระหลายคนแสดงความตั้งใจอย่างกระตือรือร้นที่จะเข้าไปพัฒนาในเมืองหรือใกล้เมือง โดยเฉพาะผู้ที่มีทีมเป็นของตัวเอง
ซือเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของสมาคมนักผจญภัยของเมืองไวท์ริเวอร์ และเข้าไปใน ห้อง VIP ที่ห้องหนึ่ง
“ท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง วันนี้มีอะไรให้ฉันรับใช้ท่าน ?” ผู้อาวุโส
ลอร์เรนถามด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเขา
“ฉันต้องการดูสถานะการรับสมัครในปัจจุบัน และการอัพเกรดของกองอัศวินของฉัน” ซือเฟิงบอกเธอด้วยรอยยิ้ม