ตอนที่ 2561 รากฐานของสภาสิบแปดปีก และช่วงเวลาที่บ้าคลั่ง
“ทำไมถึงมีเรือเหาะมากมายมาที่นี่ ?!”
“นี่เราเผลอไปเปิดใช้งานอีเว้นบางอย่างรึปล่าว และ NPC ก็ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อจัดการกับเรา ?”
การปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันของเรือทั้งห้าลำนั้นทำให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดที่โผล่ออกมาจากประตูเทเลพอร์จขนาดมหึมาตกตะลึง และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องของเรือเหาะอย่างกระวนกระวาย
เรือเหาะนั้นไม่ใช่เรื่องหรือแนวคิดที่ประหลาดใดๆสำหรับผู้เล่นใน God domain อีกต่อไปแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้ และความคุ้นเคยของพวกเขานี่แหละที่ทำให้พวกเขารู้สึกกลัว เพราะพวกเขารู้ดีว่าเรือเหาะนั้นทรงพลังมากขนาดไหน
เรือเหาะนั้นเป็นอาวุธสงครามที่ทรงพลังและเป็นราชันแห่งท้องฟ้าอย่างแท้จริง !!
เรือเหาะนั้นสามารถบดขยี้มนุษย์ได้ราวกับบดขยี้มดอย่างง่ายดาย ผู้เล่นในปัจจุบันซึ่งขาดพลังการต่อสู้ทางอากาศมากๆมองว่าเรือเหาะเป็นเครื่องมือทำลายล้างที่พวกเขาแทบไม่สามารถจะทำอะไรกับมันได้ในปัจจุบัน
เมื่อมีเรือเหาะห้าลำเข้ามาใกล้พวกเขาแบบนี้ เหตุใดเหล่าผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดเหล่านี้จึงจะไม่กังวล ?
“เดี๋ยวก่อน !!! มีบางอย่างไม่ถูกต้อง !!! มีผู้เล่นอยู่บนเรือเหาะ !!!” แรนเจอร์ขั้นที่สามที่มีพรสวรรค์ด้านการมองเห็นที่เฉียบคมตะโกน ขณะที่เขาชี้ไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ลอยอยู่เหนือตัวเอง
สายตาของทุกคนนั้นหรี่ลง ขณะที่พวกเขาพยายามมองดูเรือเหาะให้ดีขึ้น และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่แรนเจอร์ขั้นสามได้กล่าวไว้ มันมีผู้เล่นยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะแต่ละลำจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ไกลเกินกว่าที่จะมองเห็นผู้เล่นเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน แต่เครื่องหมายเพชรสีเขียวที่อยู่เหนือหัวของคนเหล่านั้นก็ทำให้พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้เล่นแน่นอน
“พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครกัน ? นี่พวกเขามีเรือเหาะจริงๆ !!!”
“เป็นคนจากซุเปอร์กิลรึปล่าว ?”
ความอยากรู้อยากเห็นของผู้เล่นเบื้องล่างนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากว่าใครเป็นผู้นำเรือเหาะเหล่านี้มา
เรือเหาะนั้นยังจัดเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้เล่นที่อยู่อาศัยในโลกแห่งความมืด เพราะพวกเขายังแทบจะไม่มีอะเม้าท์บินได้กันด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เรือเหาะห้าลำที่มีผู้เป็นเจ้าของทั้งหมดกำลังบินเข้ามาหาพวกเขาในตอนนี้ ….
แม้แต่พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืดก็ยังตกตะลึงกับเรื่องนี้
“เรือเหาะห้าลำ ?! คนพวกนี้เป็นใครกัน ?!”
“แล้วพวกเขาพยายามจะมาทำอะไรกัน ?!”
เรือเหาะหนึ่งหรือสองลำอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ห้าลำนั้นมันมากเกินไป ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับกองกำลังแบบนี้ในการต่อสู้ หากเกิดการต่อสู้จริงๆ ผลลัพธ์จะไม่เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับพวกเขาแน่นอน แม้ว่าในที่สุดพวกเขาจะชนะก็ตาม
ในขณะที่เหล่ามหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรือเหาะทั้งห้าลำก็ค่อยๆแล่นลงมาอย่างช้าๆก่อนจะหยุดลงอยู่เหนือพื้นดินประมาณหนึ่งร้อยหลา จากนั้นร่างๆหนึ่งก็กระโดดลงมาจากดาดฟ้าเรือลำหนึ่งเข้าสู่ใจกลางกองทัพผู้เล่นสายความมืด ซึ่งผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดที่อยู่โดยรอบบริเวณก้าวถอยและเคลียร์ทางให้ร่างนี้โดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ร่างนี้ลงสู่พื้น พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืดต่างจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตกตะลึงโดยเฉพาะเมจิคแฟลช และฟอเร้สต์ ที่พึ่งจะกลับมาจากการเดินทางไปยังเมืองป่าหิน เพราะบุคคลที่กระโดดลงมาจากหนึ่งในเรือเหาะนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม
“เป็นเขางั้นหรอ ?!”
“เป็นไปไม่ได้ !!!”
เมื่อเมจิคแฟลชและฟอเร้สต์ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของซือเฟิง พวกเขาก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ตามความคิดของพวกเขาผู้ที่สามารถเป็นเจ้าของเรือเหาะห้าลำแบบนี้ได้นั้นจะต้องเป็นมหาอำนาจที่มีความแข็งแกร่งที่ท้าทายสวรรค์ แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกซึ่งเป็น
กิลที่กำลังเสี่ยงต่อการถูกทำลายล้างกับเป็นเจ้าของเรือเหาะทั้งห้าลำนี้ จะให้พวกเขาเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไงกัน ?
แน่นอนเลยว่ามันคือสภาสิบแปดปีก ความคิดของบลูเรนโบว์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเมจิคแฟลชนั้นแตกต่างจากตัวแทนทั้งสอง เธอดูเหมือนจะไม่ได้ประหลาดใจเลยที่ได้เห็นซือเฟิง นี่เป็นเหตุผลที่เขามั่นใจงั้นสินะ ?
ประชากรทั่วไปของโลกแห่งความมืดนั้นมองว่าเรือเหาะอยู่ไกลเกินเอื้อมของผู้เล่น แต่เมื่อดาร์ครัปโซดี้ได้ตรวจสอบภูมิหลังของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็พบว่ากิลมีเรือเหาะอยู่จำนวนหนึ่ง นี่คือสาเหตุที่ซือเฟิงล้มเหลวในการทำให้เธอประหลาดใจ
แน่นอนว่าแม้ว่าเธอจะไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องเรือเหาะ แต่เธอก็ประหลาดใจกับเรื่องของจำนวนของมันอยู่บ้าง เพราะมันมีถึงห้าลำ มากกว่าที่หน่วยข่าวกรองของกิลเธอรายงานมาเล็กน้อย
เมื่อฟิวเรียสฮาร์ทเห็นสิ่งนี้ เขาก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกลัวและความโกรธขณะมองไปยังซือเฟิง
เป็นไปได้ยังไง ?! สภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?! ดวงตาของฟิวเรียสฮาร์ทแดงก่ำขณะที่เขาจ้องมองไปยังเรือเหาะที่ลอยลำอยู่
กิลของเขานั้นมีความกังวลมากอยู่แล้ว เมื่อได้รับรายงานถึงเรือเหาะสามลำที่อยู่ในการครอบครองของสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้เขากับได้มารู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีมากขึ้นอีกสองลำ นี่จะทำให้การจัดการเมืองป่าหินทำได้ยากขึ้นมาก
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืดกำลังตกตะลึงกับตัวของซือเฟิง และรากฐานของสภาสิบแปดปีก มันก็มีชายคนหนึ่งที่ดูไม่แยแสและแข็งแกร่งโผล่ออกมาเผชิญหน้ากับซือเฟิง
ซึ่งทันทีที่ชายคนนี้ก้าวออกมา ผู้เล่นสายความมืดหลายคนก็เปิดทางให้เขา และมองไปยังเขาด้วยความเคารพ
ชายคนนี้นั้นคือ ดอร์นโดมิแน้นซ์ หัวหน้ากิลของเวิร์ลโดมิเนชั่น เขาเป็นดั่งตำนานในโลกแห่งความมืด เพราะไม่เพียงแต่เขาจะพัฒนาเวิร์ลโดมิเนชั่นขึ้นมาลำพังให้กลายเป็นหนึ่งในสามกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกแห่งความมืด แต่เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในโลกแห่งความมืดด้วย
ดอร์นโดมิแน้นซ์นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ดาร์ครัปโซดี้ และ เดียตี้โซไซตี้กลัวเวิร์ลโดมิเนชั่นในสงครามการรุกรานครั้งนี้ แถมเขาก็ยังได้รับเลือกให้เป็นประธานในการประชุมสงครามก่อนหน้านี้มาด้วย ….
“คุณคือหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกแบล๊คเฟรมงั้นสินะ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวกับซือเฟิง “ฉันคือดอร์นโดมิแน้นซ์ หัวหน้ากิลเวิร์ลโดมิเนชั่น คุณสามารถมองฉันเป็นหนึ่งในผู้นำการรุกรานจากโลกแห่งความมืดก็ได้ ฉันขอทราบเหตุผลที่คุณมาหาเราอย่างกระทันหันได้ไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”
“คุณพูดถูก ฉันคือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และฉันมาเพื่อแจ้งให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดทราบถึงบางสิ่งบางอย่าง” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“หากคุณต้องการเกลี้ยกล่อมให้เราละทิ้งการพิชิตแผนที่นี้ก็ลืมมันไปได้เลย เรื่องนี้ได้รับการตัดสินใจไปแล้วในช่วงที่ประตูถูกเปิดขึ้น” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าว “ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลินั้นมีความสำคัญต่อเราทั้งคู่ ซึ่งคุณก็คงทราบดีอยู่แล้วหัวห้ากิลแบล๊คเฟรม แน่นอนว่าเราไม่ต้องการที่จะต่อต้านสภาสิบแปดปีกโดยเจตนา แต่เราก็จะทำการพึ่งพาพลังของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการเช่นกัน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”
เมื่อดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนับไม่ถ้วนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
เหตุใดผู้เล่นในทวีปหลักจึงควรได้รับประโยชน์จากทรัพยากรในป่าใบไม้ผลิไปเพียงผู้เดียว ?
หากต้องการจะได้รับไปเพียงผู้เดียวจริงๆ พวกเขาก็จะต้องทำมันด้วยพลังของตัวเองเท่านั้น
นี่แบล๊คเฟรมคิดจริงๆหรอว่าเขาจะสามารถขับไล่เหล่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดทั้งหมดได้ด้วยเรือเหาะเพียงแค่ห้าลำน่ะ ?! ช่างไร้เดียงสาจริงๆ !!! ฟิวเรียสฮาร์ทหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาเฝ้ามองร่างที่ห่างออกไปของซือเฟิง
เรือเหาะนั้นอาจทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ถ้าซือเฟิงคิดว่าเขาจะสามารถหยุดผู้เล่นหลายล้านคนจากโลกแห่งความมืดได้ด้วยเรือเหาะแค่ห้าลำ เขาก็โง่เกินไปแล้ว !!!
ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพรุกรานจากโลกแห่งความมืดยังมีอะเม้าท์บินได้อีกมากกว่าห้าสิบตัว ดังนั้นการท้าทายเรือเหาะห้าลำนี้จึงไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้มหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมในครั้งนี้ก็ยังมีไพ่ลับของตัวเองซึ่งน่าจะสามารถใช้ต่อกรกับเรือเหาะได้ด้วย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฟิวเรียสฮาร์ทกำลังคิดและหัวเราะเรียบร้อยแล้วนั้น ซือ
เฟิงก็เหลือบไปมองผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดโดยรอบของเขาและหัวเราะเบาๆ
“หัวหน้ากิลดอร์น ฉันคิดว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไปนะ ฉันไม่เคยมีความตั้งใจจะเจรจาใดๆกับคุณ !!! ฉันมาที่นี่เพื่อบอกกับคุณเพียงเรื่องเดียว !!!” ซือเฟิงกล่าว “นับจากนี้เป็นต้นไป ประตูเทเลพอร์ตนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสภาสิบแปดปีก !!!”