ตอนที่ 2589 จุดเทเลพอร์ตขนาดกลาง
เมืองที่สาบสูญนั้นทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นลับของสภาสิบแปดปีกเพื่อดูแลผู้มีความสามารถมานานแล้ว และแม้กระทั่งตอนนี้ มันก็มีสมาชิกกิลอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน และโดยทั่วไปก็มีเพียงแต่แกนหลักที่มีศักยภาพสูงเท่านั้นถึงจะมีสิทก้าวเข้าสู่เมือง ยิ่งไปกว่านั้นแกนหลักเหล่านี้ยังจำเป็นจะต้องได้รับการตรวจสอบหลายครั้งก่อนที่จะได้รับอนุมัติให้เข้าสู่เมืองที่สาบสูญ เพราะท้ายที่สุดเรื่องราวของหอคอยพิเศษนั้นมันสำคัญมากๆ ….
ตอนนี้เมื่อซือเฟิงต้องการจะสร้างจุดเทเลพอร์ตที่มั่นคงและเป็นความลับในเทือกเขาปีศาจหมาป่า เมืองที่สาบสูญจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขา
ประการ เขาไม่สามารถจะเปิดเผยจุดเทเลพอร์ตที่เชื่อมโยงกับทวีปหลักสองด้านให้กับคนจำนวนมากรู้ได้ ดังนั้นฐานที่มั่นที่เขาต้องการให้เทือกเขาปีศาจหมาป่าจึงจะต้องมีผู้เล่นปฎิบัติการอยู่ภายในนั้นน้อยที่สุด
ประการที่สอง ขนาดของฐานที่มั่นนั้นไม่ควรจะใหญ่เกินไป เพื่อที่จะได้ประหยัดกำลังคนและทรัพยากรในการดูแลรักษา ไม่งั้นการปกปิดเรื่องของมันจะยากมาก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้สภาสิบแปดปีกถูกจับตาดูอย่างมาก และถ้าเงินของกิลหายไปโดยไม่มีเหตุผลรองรับที่ดีพอ เหล่าสายลับในสภาสิบแปดปีกก็จะรีบรายงานไปยังกิลพวกเขาแน่นอน
ซึ่งเมืองที่สาบสูญนั้นก็ล้วนผ่านเงื่อนไขทั้งสองประการนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ….
แน่นอนว่าการย้ายเมืองกิลไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยขึ้นไปนั้นมันก็ยังคงจัดว่าเป็นเรื่องบ้าบออย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดอันตรายที่แฝงตัวอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยขึ้นไปนั้นไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะ หากเมืองกิลที่ถูกย้ายไป ไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ มันอาจจะไม่สามารถรอดจากระลอกแลกของคลื่นมอนสเตอร์ที่โจมตีมันได้เลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก ตราบใดที่ซือเฟิงไม่ได้ย้ายเมืองเข้าไปลึกเกินไปในเทือกเขาปีศาจหมาป่า การป้องกันมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นก็ยังจะสามารถทำได้
“ท่านลอร์ด การย้ายเมืองของท่านไปยังเทือกเขาปีศาจหมาป่านั้นเป็นเรื่องอัน
ตรายมากๆ และเมื่อเมืองของท่านถูกย้ายไปที่นั่น มันจะไม่ได้รับการปกป้องจากประเทศใดๆอีกต่อไป ท่านแน่ใจหรอว่าท่านต้องการจะย้ายมันน่ะ ?” ลอร์เรนถาม
“ฉันแน่ใจ” ซือเฟิงตอบพลางพยักหน้า
“ได้ตามนั้น !! โปรดระบุพิกัดที่แน่นอนที่ท่านต้องการย้ายมาได้เลย !!” ลอร์เรนกล่าวขณะที่เธอหยิบแผนที่ของเทือกเขาปีศาจหมาป่าออกมา
“ที่นี่แหละ …” ซือเฟิงพูดขณะที่เขาชี้ไปยังเนินลูกรังในพื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่า
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เทือกเขาปีศาจหมาป่านั้นมีชื่อเสียงอย่างมากใน God domain เนื่องจากมันมีจุดเทเลพอร์ตสองจุดที่เชื่อมต่อกับทวีปด้านตะวันตก อย่างไรก็ตามจุดเทเลพอร์ตจุดที่สองนั้นมันไม่เหมือนกับจุดเทเลพอร์ตแรกที่ซือเฟิงเข้าควบคุมได้ จุดเทเลพอร์ตจุดที่สองนั้นเป็นจุดเทเลพอร์ตขนาดกลางและสถานการณ์ทั้งหมดของมันก็ค่อนข้างพิเศษ
จุดเทเลพอร์ตขนาดกลางนี้นั้นมันอยู่ภายในถ้ำปีศาจหมาป่า ผู้เล่นที่ต้องการจะเปิดใช้งานวงเวทย์เทเลพอร์ตนั้นจำเป็นจะต้องเคลียร์มอนสเตอร์ภายในถ้ำก่อน อย่างไรก็ตามมอนสเตอร์ภายในถ้ำนี้จะเกิดใหม่เป็นระยะๆ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเมื่อเกิดใหม่ ซึ่งนี่มันก็จะทำให้ไม่มีใครสามารถควบคุมจุดเทเลพอร์ตแห่งนี้ได้อย่างแท้จริง และผู้เล่นทุกคนก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดเทเลพอร์ตนี้ได้ตราบใดที่พวกเขามีคริสตัลเวทย์มนต์มากเพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง จุดเทเลพอร์ตนี้จึงเปลี่ยนมืออยู่บ่อยๆ เพราะมันมีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่พยายามจะต่อสู้เพื่อผูกขาดมัน และเปลวไฟแห่งสงครามก็ไม่เคยมอดลงเลยในจุดเทเลพอร์ตแห่งนี้ แม้จะผ่านไปหนึ่งทศวรรษใน God domain แล้วก็ตาม …..
ขณะเดียวกันตอนนี้ซือเฟิงก็กำลังพยายามเร่งด่วนที่จะเข้าควบคุมจุดเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับทวีปหลักทั้งสองด้าน อย่างไรก็ตามเขาจะต้องใช้เวลานานมาก หากเขาต้องการจะเข้าควบคุมจุดเทเลพอร์ตอื่นๆที่เขารู้จักให้ได้จริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นจุดเทเลพอร์ตขนาดเล็กหรือใหญ่ มันก็จำเป็นที่จะต้องส่งทั้งกำลังคนและทรัพยากรเข้าไปต่อสู้หรือทำเควสบางอย่างก่อน แถมนี่ยังไม่นับรวมการต้องฝ่ามอนสเตอร์เข้าไปอีก ดังนั้นจุดเทเลพอร์ตขนาดกลางที่อยู่ในเทือกเขาปีศาจหมาป่าจึงเป็นทางเลือกเดียวของเขาตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นจุดเทเลพอร์ตขนาดกลางในภูเขาปีศาจหมาป่านี้ยังอยู่ในพื้นที่เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้วย ซึ่งมันยังคงเป็นจุดบอดสำหรับมหาอำนาจต่างๆในปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพของการปกครองในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง และการเลือกที่นี่จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เลย
“ยืนยันตำแหน่งแล้ว โปรดกรอกมันลงไปในป้ายคำสั่งย้ายเมืองของท่าน นอกจากนี้ท่านยังจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเคลื่อนย้ายเป็นจำนวนเงินแปดหมื่นเหรียญทอง”
ลอร์เรนกล่าว “ซึ่งเมื่อท่านชำระค่าธรรมเนียมแล้ว เราจะทำการเคลื่อนย้ายเมืองของท่านไปยังพิกัดที่ท่านระบุให้เร็วที่สุด”
“แปดหมื่นเหรียญทอง ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับราคานี้
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการย้ายเมืองกิลไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่โดยปกติเรื่องนี้มันก็จะคิดตามขนาดของเมือง ซึ่งในขณะเดียวกัน เมืองที่สาบสูญนั้นเป็นเพียงเมืองขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่มันกับมีราคาในการย้ายไปยังพิกัดเป้าหมายที่ซือเฟิงต้องการในพื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่าเป็นจำนวนเงินถึงแปดหมื่นเหรียญทอง นี่มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเขาทำการย้ายเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน ค่าใช้จ่ายในการย้ายมันก็คงจะทำให้เขาล้มละลายได้เลย
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่สถานที่ที่ท่านเลือกจะไกลเท่านั้น แต่มันยังมีความพิเศษอีกด้วย ดังนั้นค่าธรรมเนียมการย้ายจึงแพงกว่าปกติเล็กน้อย อย่งไรก็ตามโปรดมั่นใจได้เลยว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เราเรียกเก็บนั้นยุติธรรมและสมเหตุสมผล” ลอร์เรนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ นี่คือป้ายคำสั่งย้ายเมืองและเงินแปดหมื่นเหรียญทอง” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาส่งป้ายและเงินให้ลอร์เรน
เมืองป่าหินของเขานั้นพึ่งจะทำกำไรได้มากขึ้นอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายที่สภาสิบแปดปีกต้องแบกรับนั้นมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อันเนื่องมาจากการที่พวกเขารับสมัครผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเพิ่มขึ้น และทำให้จำนวนผู้เชี่ยวชาญของกิลมีมากถึงสองแสนสองหมื่นคนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามโชคดีที่กิลสามารถจะประหยัดเงินเข้ากองทุนสภาพคล่องของกิลไว้ได้หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทอง ไม่งั้นเขาจะไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมการย้ายครั้งนี้ได้แน่นอน
“ได้รับชำระเรียบร้อย การย้ายจะเสร็จสิ้นภายในสามสิบนาที และท่านมีเวลาหนึ่งวันในการดำเนินขั้นตอนการส่งมอบให้เสร็จสิ้น ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเราจะออกจากที่นั่นหลังผ่านไปหนึ่งวัน ดังนั้นโปรดดำเนินขั้นตอนการส่งมอบให้ไวที่สุด” ลอร์เรนเตือนหลังจากได้รับการชำระเงิน
ในเวลาเดียวกันกับที่ลอร์เรนพูดจบ เมืองที่สาบสูญก็ได้หายไปจากโบนเลสแลนด์ และทิ้งไว้เพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่า
ซึ่งตอนนี้มันก็ทำให้เหลือแต่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่เต็มไปด้วยความสับสนเท่านั้นที่ยังอยู่ในโบนเลสแลนด์
และในเวลาไม่นาน ซือเฟิงก็ได้รับการติดต่อมาจากอควาโรส
“หัวหน้ากิล ปัญหาใหญ่ !! เมืองที่สาบสูญหายไป !!” อควาโรสรายงานอย่างเร่งรีบ
เมืองที่สาบสูญนั้นเป็นสนามฝึกลับของสภาสิบแปดปีกสำหรับดูแลผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่าเมืองนี้จะมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคน แต่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่นั่นทุกคนก็ล้วนเข้าถึงขอบเขตที่แท้จริงได้แล้ว และหากให้พูดกันตรงๆพวกเขาก็มีความสามารถในการต่อสู้กับมอนสเตอร์มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งด้วยซ้ำ
ปัญหาเดียวคือผู้เล่นที่ได้รับการเลี้ยงดูที่เมืองสาบสูญนั้นล้วนเป็นผู้มาหใม่ที่มีเลเวลต่ำมาก พวกเขาส่วนใหญ่ยังมีเลเวลไม่ถึงหนึ่งร้อยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการมาถึงขั้นสามเลย อย่างไรก็ตามตราบใดที่เลเวล และขั้นของผู้เล่นเหล่านี้ตามทันผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเกมเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะกลายเป็นแกนหลักของสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน และความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ สภาสิบแปดปีกก็จะมีคุณสมบัติมากพอที่จะยืนอยู่บนเวทีเดียวกันกับมหาอำนาจที่แท้จริงต่างๆ
ดังนั้นการหายไปอย่างกระทันหันของเมืองที่สาบสูญจึงจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาในอนาคตของสภาสิบแปดปีก
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันเป็นคนทำมันเอง …” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้อควาโรสสับสน “หัวหน้ากิลทำให้มันหายไป ?”
เมืองที่สาบสูญนั้นตอบสนองต่อจุดประสงค์ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ แล้วเหตุใดซือเฟิงถึงทำให้มันหายไปในขณะที่สภาสิบแปดปีกกำลังเริ่มขยายขอบเขตการปฎิบัติการออกไปอย่างรวดเร็ว กิลจำเป็นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเพื่อให้กิจวัตรประจำวันของกิลสามารถดำเนินไปได้อย่างปกติ
“อืม ฉันย้ายเมืองป่าหินไปที่พื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่า ซึ่งมันจะทำให้ในอนาคตเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผู้ฝึกที่ยอมเสียสละเลเวลเพื่อปรับปรุงมาตราฐานการต่อสู้ของตัวเอง” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“พื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่า ? นั่นคือพื้นที่ล่าเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบไม่ใช่หรอ ?” ดวงตาของอควาโรสเบิกกว้างด้วยความตกใจ และเธอก็คิดว่าซือเฟิงบ้าไปแล้วที่ย้ายเมืองที่สาบสูญไปที่นั่น
เมืองที่สาบสูญนั้นเป็นแค่เมืองขั้นพื้นฐาน แล้วมันจะไปทานทนการโจมตีของมอน
สเตอร์ในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้ยังไงกัน ? แถมการย้ายมันไปที่นั่นยังทำให้มันจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากประเทศต่างๆของ NPC ซึ่งมีแต่จะทำให้มันถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วก็เท่านั้น …!!!
“ผ่อนคลายน่า มันจะสามารถป้องกันการโจมตีจากพวกมอนสเตอร์ได้แน่นอน …” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆเมื่อเห็นความกังวลของอควาโรส
“แต่นั่นมันแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเลยนะหัวหน้ากิล !!! แถมมันยังอยู่ในพื้นที่ล่าเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้วย !!!” แม้ว่าซือเฟิงจะมั่นใจ แต่ท้ายที่สุดอควาโรสก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวล เพราะเมืองนี้นั้นไม่ได้มีกองอัศวินแบบที่เมืองป่าหินมีคอยปกป้องเลย
“ใช่แล้ว แล้วการรวบรวมเหล่าองครักษ์ส่วนตัวไปถึงไหนแล้ว ?” ซือเฟิงถามเปลี่ยนหัวข้อ
“การรวบรวมองครักษ์ส่วนตัวนั้นกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้เรารวบรวมมาได้มากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว ซึ่งตามคำแนะนำของหัวหน้ากิล เราได้รวบรวมเฉพาะผู้ที่บาดเจ็บหนักและมีศักยภาพในการเติบโตมากกว่ายี่สิบมาเท่านั้น และแม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีศักยภาพในการเติบโตแค่สามสิบสอง” อควาโรสกล่าว
“ได้มากขนาดนั้นแล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินรายงานของอควาโรส “รวบรวมพวกเขามาที่สถานที่พักกิลของเมืองป่าหินทันที มันถึงเวลาแล้วที่เราจะให้พวกเขาทำงาน”
ก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะทำการเสริมความแข็งแกร่งให้กับองครักษ์ส่วนตัวโดยใช้ เศษชิ้นส่วนวรรณคดีของเทพโบราณ แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากสิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องการ เพราะท้ายที่สุดการจะรวบรวมธาตุวิญญาณมาเพื่อให้พอใช้ Soul Strengthening ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นการค้นหา NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงนั้นมันก็ยังยากมากๆด้วย และตั้งแต่ชุดสุดท้ายที่นำมาใช้ Soul Strengthening นั้น สภาสิบแปดปีกก็แทบจะยังไม่ได้รับมาเพิ่มเติมเลย
นี่เป็นอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นข้อเสียและข้อจำกัดของเศษชิ้นส่วนวรรณคดีของเทพโบราณก็ได้
อย่างไรก็ตามน้ำแห่งชีวิตจากต้นไม้แห่งชีวิตนั้นแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่มันจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของ NPC ได้เล็กน้อย แต่มันยังสามารถชุบชีวิต NPC ที่ตายแล้ว หรือรักษาอาการบาดเจ็บหนักของ NPC ได้ภายในเวลาอันสั้น น้ำแห่งชีวิตนั้นเป็นดั่งมานาจากสวรรค์สำหรับ NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตลดลงอย่างมากอันเนื่องมาจากบาดเจ็บหนัก
หลังจากซือเฟิงพูดจบ เขาก็หยิบม้วนคัมภีร์พอร์ตของกิลออกมา และใช้มันเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองป่าหินทันที