ตอนที่ 2593 ชั้นสามของหอคอยพิเศษที่ได้รับการปลดล๊อค
ทันทีที่ซือเฟิงเลือกจะปลดล๊อคชั้นสามของหอคอยพิเศษ คริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งล้านชิ้นก็สลายตัวไปจากกระเป๋าของเขา และเปลี่ยนเป็นกระแสมานาไหลเข้าสู่หอคอย
ซึ่งเมื่อกระแสมานาไหลเข้าสู่หอคอยพิเศษนี้ อักษรรูนศักสิทธิ์ที่ถูกแกะสลักไว้บนผนังด้านในก็สว่างขึ้น และเริ่มซ่อมแซมตัวเอง
ในขณะที่อักษรรูนศักสิทธิ์เริ่มกลับมามีความสมบูรณ์มากขึ้น ภายนอกของหอคอยพิเศษก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนนี้โดยมีหอคอยพิเศษเป็นศูนย์กลาง มานาที่รุนแรงที่ล่องลอยอยู่ภายในเมืองแต่เดิมก็เริ่มจะกลับมาเชื่อฟังและโอนอ่อน มานารอบๆหอคอยนั้นค่อยๆหนาแน่นขึ้น และตัวหอคอยเองก็แผ่ออร่าศักสิทธิ์ที่ดูเก่าแก่ออกมา ก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปทั่วเมือง และทำให้ใครก็ตามที่สัมผัสถึงมันได้รู้สึกสงบมากๆ
“ออร่านี้มันน่าทึ่งจริงๆ !!! ตอนนี้ความกระหายทั้งหมดของฉันได้หายไปแล้ว !!!”
“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ตอนนี้จิตใจของฉันก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก และค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันก็เริ่มฟื้นตัวแล้วเช่นกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันจะสามารถต่อสู้กับผีนี่ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องพักผ่อนเลย”
เมื่อออร่าศักสิทธิ์เข้าปกคลุมไปทั่วเมือง สมาชิกที่กำลังต่อสู้อยู่ของสภาสิบแปดปีกก็เต็มไปด้วยความยินดีมากๆ
พวกเขานั้นเสียเปรียบพวกผีอย่างมากแน่นอน และพวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาจะตายเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เนื่องมาจากพลังงานแปลกปลอมนั้นได้กัดกินร่างกายของพวกเขาเร็วเกินไป อย่างไรก็ตามสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป แม้ว่าสภาพแวดล้อมของพวกเขาจะยังไม่มีมานาธาตุอื่นนอกจากธาตุน้ำแข็ง แต่ออร่าศักสิทธิ์นี้ก็ได้ขจัดพลังงานแปลกปลอมออกไป เป็นผลให้จิตใจของพวกเขาปลอดโปร่งมากขึ้นในระหว่างการต่อสู้ แถมค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นในอัตราที่ดีมาก ซึ่งนี่มันจะช่วยยืดอายุการอยู่รอดของพวกเขาไปได้มากเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันผีทุกตัวนั้นก็จะเกิดขึ้นมาพร้อมกับบัฟพลังชีวิตมานา ซึ่งระบุว่าอายุการใช้งานของบัฟนี้นั้นเหลือเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น โดยหากพวกเขาสามารถต่อสู้กับผีเหล่านี้ได้นานกว่าหกชั่วโมง ผีก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะผีได้ก็ตาม นอกจากนี้ซือเฟิงยังได้บอกพวกเขาว่าผีเหล่านี้นั้นจะปรากฎตัวให้ผู้เล่นแต่ละคนแค่วันละครั้งเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็หมายความว่า หากพวกเขาอดทนได้อีกหกชั่วโมง พวกเขาก็จะสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายๆในเมืองที่สาบสูญ
แน่นอนว่าผู้เล่นที่อุทิศตนทั้งหมดเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีมาตราฐานการต่อสู้สูงจะไม่พอใจกับการฝึกในเวลาแค่นี้แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงจะต่อสู้อยู่เรื่อยๆโดยไม่คิดจะหยุดความคิด หรือค่าสตามิน่าเลยเพื่อทำให้การเก็บเกี่ยด้านนี้แต่ละวันเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นผีก็ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นมาให้ทุกคนด้วย เนื่องจากยิ่งผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ คำสาปก็จะยิ่งมีผลน้อยลงเท่านั้น ผีเหล่านี้นั้นแทบจะไม่ปรากฎเลยสำหรับผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งสูง และสำหรับผู้เล่นที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว มันก็ไม่ปรากฎออกมาต่อหน้าพวกเขาเลย
ในขณะที่ทุกคนกำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ของเมืองที่สาบสูญ ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ออร่าศักสิทธิ์เข้าปกลุมเมืองเรียบร้อยแล้ว บาเรียโปร่งแสงก็ก่อตัวขึ้นรอบๆเมืองที่สาบสูญเพื่อแยกมันออกจากพื้นที่ ซึ่งบาเรียนี้ก็ทำให้มานาทั้งหมดภายในเมืองสงบลงอย่างแท้จริง และมันก็ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีมานามั่นคง แม้ว่ามานาภายในเมืองที่สาบสูญตอนนี้จะไม่ได้หนาแน่นมากนัก แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้เล่นที่จะใช้ขจัดอะไรที่ปล่าวประโยชน์ต่อตัวพวกเขาออกไป
“นี่หัวหน้ากิลทำอะไรกัน ?” อควาโรสตกตะลึง เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงแปลกๆนี้ที่เธอเคยรู้สึกได้มาก่อน เพื่อความแม่นยำเธอเคยรู้สึกแบบนี้มาได้จากระหว่างการเดินทางในประตูมรดกของป้อมปราการแสงดาว !!!
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือความหนาแน่นของมานาที่นี่ต่ำกว่าของที่นั่นมาก และให้วัดกันจริงๆ คงต้องพูดว่าที่เมืองนี้นั้นหากผู้เล่นฝึกที่นี่ พวกเขาจะได้รับผลคล้ายๆกับการฝึกในประตูมรดกราวหนึ่งในสาม
ซึ่งถึงแม้จะฟังดูน้อย แต่มันก็น่าประหลาดใจมากแล้ว !!!
เมืองที่สาบสูญนั้นสามารถจะรองรับผู้เล่นได้มากกว่าประตูมรดก และแม้ว่ามันจะไม่ได้มีประโยชน์เท่ากับประตูมรดก แต่มันก็ยังคงจัดเป็นสนามฝึกซ้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่กำลังพยายามปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
ยิ่งไปกว่านั้นบาเรียเวทย์มนต์นี้ก็ช่วยเพิ่มการป้องกันของเมืองขึ้นอย่างมาก ซึ่งเมื่อมีบาเรียนี้ การรับมือกับคลื่นมอนสเตอร์ที่โจมตีเมืองมันก็จะทำได้ง่ายขึ้นมาก
….
ในขณะที่อควาโรส และสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกที่เคยเข้าไปในประตูมรดกกำลังตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงของเมืองที่สาบสูญ สิ่งอื่นภายในหอคอยพิเศษมันก็ทำให้ซือเฟิงตกตะลึงมากๆ
นี่เป็นผลมาจากการปลดล๊อคชั้นสามของหอคอยพิเศษงั้นหรอ ? ตอนนี้ซือเฟิงนั้นแทบพูดไม่ออกเลยเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงออร่าโบราณที่อยู่เต็มไปหมเในห้องโถง
โดยปกติแล้วมันจะมีเพียงป้อมปราการโบราณเท่านั้นที่จะสามารถมีองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ดของมานาได้ แต่ตอนนี้หอคอยพิเศษกับเต็มไปด้วยพวกมันทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นมานาในหอคอยพิเศษนี้ยังหนาแน่นกว่าในป้อมปราการแสงดาวมาก
หากผู้เล่นขั้นสามได้มาฝึกฝนที่นี่ การจะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้ ก็จะไม่ได้เป็นแค่ความฝันอีกต่อไป นี่ไม่ต้องพูดถึงการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลย
ตอนแรกเขาก็กังวลในเรื่องการทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของตัวเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ มันทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมาอีกสิบเปอ
เซ็นต์แล้ว ซึ่งถ้าเขามีความมั่นใจขึ้นมาอีกสิบเปอเซ็นต์ คนอื่นก็ควรจะได้รับมากกว่านี้แน่นอน
หากผู้เล่นที่ยังไม่สามารถปลดลีอคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้มาฝึกฝนในหอคอยพิเศษ พวกเขาจะสามารถทำงานนี้ให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้นเลย ในความเป็นจริงประสิทธิภาพในการฝึกของพวกเขาก็น่าจะสูงกว่าเหล่าผีที่พวกเขาใช้ฝึกอยู่ราวสองเท่าเลย การต่อสู้ในพื้นที่ที่มีองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ดของมานานั้นจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพื้นที่ที่แทบไม่มีเลย ผู้เล่นจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการรับรู้และควบคุมการไหลของมานาเมื่อฝึกในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับในอดีต
น่าเสียดายที่แม้ว่าสภาพแวดล้อมนี้จะสวยงาม แต่มันก็มีการจำกัดจำนวนผู้เล่นที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้
มานานี้นั้นถูกบรรจุอยู่ในหอคอยพิเศษซึ่งเป็นสนามฝึก โดยสนามฝึกในชั้นแรกนั้จะสามารถรองรับผู้เล่นได้หนึ่งร้อยคน ขณะที่ในชั้นที่สองนั้นจะสามารถรองรับผู้เล่นได้ห้าสิบคน และในชั้นที่สามนั้นก็จะสามารถรองรับผู้เล่นได้เพียงแค่สิบคน ซึ่งโดยรวมแล้วมันจะมีเพียงหนึ่งร้อยหกสิบคนเท่านั้นที่สามารถจะใช้ประโยชน์จากหอคอยพิเศษได้ในเวลาเดียวกัน
ซึ่งนี้มันก็จะสามารถเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่เหมาะสมเท่านั้น โดยปกติแล้ว มันจะมีผู้เล่นน้อยกว่ามากในการฝึกในหอคอยพิเศษ
เพราะท้ายที่สุด หากผู้เล่นต้องการเข้าไปฝึกยังชั้นสองหรือสามของหอคอยพิเศษ พวกเขาก็จะต้องผ่านการทดสอบของชั้นก่อนหน้าไปให้ได้ก่อน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ก่อนที่เขาจะสั่งให้สมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกเข้ามาฝึกในหอคอยนี้ในทุกช่วงเวลาที่ว่าง และละความสนใจจากการโจมตีดันเจี้ยน หรือล่ามอนสเตอร์ไปก่อน
ตอนนี้การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขานั้นมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ซือเฟิงต้องการจะให้พวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์กันเป็นจำนวนมากให้เร็วที่สุดเพื่อแผนการในอนาคตของเขา ซึ่งต้องการจะเข้ายึดและเคลียร์จุดเทเลพอร์ตขนาดกลางในพื้นที่ชั้นในของเทือกเขาปีศาจหมาป่า
เมื่อจัดการออกคำสั่งทุกอย่างเรียบร้อย ซือเฟิงก็เดินมาที่ชั้นสองของหอคอยพิเศษอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นการฝึกของเขา
เขานั้นได้มาถึงขีดจำกัดแล้วในระหว่างการมาที่ชั้นที่สองของหอคอยพิเศษก่อนหน้านี้ และเขาก็ไม่สามารถจะปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมได้ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม และแม้หลังจากสร้างวัฎสงสารแห่งดาบขึ้นมาได้ เขาก็ยังไม่สามารถที่จะขึ้นไปถึงด้านบนสุดของบันไดชั้นสองได้ และเขาก็ปลิวกระเด็นกลับลงมา หลังจากก้าวไปถึงขั้นที่สามสิบ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว รวมทั้งเขาก็มีความเข้าใจใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับมานา แถมยังได้เรียนรู้เทคนิคมานามาด้วย ดังนั้นเขาจึงคิดจะลองท้าทายชั้นสองอีกครั้งเพื่อผลักดันให้ตัวเองผ่านอุปสรรคสุดท้าย
ไม่ว่าจะเป็นเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของเขา หรือการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์อย่าง
ออร์เบ็ค มันก็จะไม่ได้ถูกทำสำเร็จได้ง่ายๆแน่นอน และหากเขาล้มเหลว เขาก็อาจจะต้องเจอกับผลที่ไม่คาดคิดได้ แต่อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ทั้งสองอย่างนี้ล้วนมุ่งเน้นไปที่การทดสอบความแข็งแกร่งของผู้เล่นแต่ละคนเท่านั้น
ดังนั้นการไปยังขอบเขตที่แท้จริงที่สูงขึ้นไปอีกได้ จึงจะช่วยเขาได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่เขาตัดสินใจปลดล๊อคชั้นสาม และเตรียมจะลองท้าทายอุปสรรคสุดท้ายในชั้นสอง
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ค่อยๆเดินขึ้นไปบนบันไดชั้นสอง และนักดาบสองคนก็มาปรา
กฎตัวขึ้นตรงหน้าก่อนจะพุ่งเข้าใส่เขาด้วยเจตนาฆ่าฟันที่รุนแรง
….
ขณะที่ซือเฟิงกำลังท้าทายและฝึกฝนตัวเองเพื่อจะไปยังชั้นสามของหอคอยพิเศษนั้น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเลเวลหนึ่งร้อยสิบก็ปรากฎตัวขึ้นที่ประตูเมืองป่าหิน
“นี่คือเมืองป่าหินของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามท่ามกลางกลุ่มแสดงความคิดเห็น ขณะที่เขาจ้องมองไปยังเมืองอันงดงามตรงหน้าเขา และเขาก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “มันเป็นอะไรที่พิเศษจริงๆ ด้วยมานาที่มีความหนาแน่นมากขนาดนี้ และด้วยความได้เปรียบตามธรรมชาติ วอร์นเดอร์จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากแน่นอนที่นี่”
“อย่าลืมว่าเรามาที่นี่ทำไมสิ ผู้อาวุโสเฮอร์มิท เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อชื่นชมหรือเปิดหูเปิดตานะ” ชายหัวล้านในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวุพลางกลอกตา “ไม่ว่าเธอจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากแค่ไหน ยังไงวันนี้วอร์นเดอร์ก็จะต้องกลับไปพร้อมกับพวกเรา เวลาที่จะทำตัวกบฎของเธอได้หมดลงแล้ว !!!”
“ฉันรู้หรอกน่า ไม่ต้องย้ำมาก และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันมาด้วยตัวเองด้วย …” เฮอร์
มิทกล่าวตอบอย่างรำคาญให้กับคำพูดของชายหัวล้าน ก่อนที่เขาจะนำทั้งทีมเข้าสู่เมืองป่าหิน