ตอนที่ 2597 ความเปลี่ยนแปลงของเมืองที่สาบสูญ
เมืองที่สาบสูญ สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :
ไซเร้นวอร์นเดอร์เข้ามาในลานของสถานที่พักกิลด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
เธออยู่ในระดับมาตราฐานครึ่งก้าวก่อนขอบเขตอนันต์แล้ว และการจะทะลวงเข้าไปให้ได้นั้นมันก็มีความเป็นไปได้สูงมาก แรงบันดาลใจเพียงแวบเดียวคือสิ่งที่เธอต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานะปัจจุบันของเธอ เธอได้ปรับแต่งการควบคุมของเธอ และผลักดันประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอจนถึงขีดจำกัดแล้ว และตอนนี้มันก็ทำให้การทะลวงเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ในการต่อสู้ครั้งเดียวนั้นก็เป็นไปได้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เธอต้องการแค่แรงบันดาลใจแวบเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะไปถึงขอบเขตอนันต์ได้ก่อนที่การแข่งขันระหว่างตระกูลจะเริ่มต้นขึ้น แต่มาตราฐานการต่อสู้ของเธอก็จะยังคงเทียบเหล่าเหล่าอัจฉริยะของหอการค้าอาซูไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นเธอจึงพยายามทำความเข้าใจอยู่ว่าทำไมซือเฟิงให้เธอมาฝึกที่เมืองที่สาบสูญ
นี่ไม่ใช่การมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรกของเธอ และเธอก็ได้รับรู้ถึงผลกระทบที่น่าประหลาดใจของหอคอยพิเศษแล้ว หอคอยนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอสามารถไปถึงขอบเขตที่แท้จริงได้ แม้ว่าเธอจะยังอยู่ห่างจากขอบเขตที่แท้จริงขั้นสูง และขอบเขตสวรรค์ก็ตาม ในความเป็นจริงการจะเข้าถึงขอบเขตสวรรค์ให้ได้จะยากกว่าการไปให้ถึงขอบเขตอนันต์ซะอีก
“ห้ะ ? สถานที่นี้ ….”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ออกจากวงเวทย์เทเลพอร์ต ฉากตรงหน้ามันก็ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ตกตะลึงมากๆ
สมาชิกของสภาสิบแปดปีกหลายคนกำลังต่อสู้กับผีที่เป็นร่างปลอมของตัวเองอยู่ทั้งในและนอกสถานที่พักกิล ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขานั้นก็ดุเดือด และบางคนก็ถึงขั้นตายลง ในขณะเดียวกันสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เฝ้ามองจากด้านข้างนั้นก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ประหลาดใจอย่างแท้จริงก็คือความหนาแน่นของมานาที่ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อภายในเมืองที่สาบสูญ เธอไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของมานารอบตัว ในทางกลับกัน เธอกับรู้สึกถึงมานาภายในตัวเธอเองชัดเจนมากกว่าปกติ และเธอก็ยังพบว่ามันง่ายกว่าที่จะจัดการมานาภายในตัวเธอเอง ยิ่งไปกว่านั้นจิตใจของเธอก็ยังไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือตีบตันใดๆในเมืองที่สาบสูญ ซึ่งมันไม่เหมือนกับสภาพแวดล้อที่ขาดมานาส่วนใหญ่เลย
ดังนั้นนี้มันจึงทำให้เธอรู้ดีว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้นั้นมันมีค่ามากแค่ไหน
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนยังวุ่นวายและพยายามหาวิธีปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองที่มีประสิทธิภาพอยู่เลย แต่แค่การจะรับรู้มานาภายในร่างกายของตัวเองนั้นมันก็ยากอย่างไม่น่าเชื่อ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น
อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมของเมืองที่สาบสูญนั้นกับทำให้ผู้เล่นสังเกตเห็นได้ถึงมานาภายในตัวเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในระหว่างที่พวกเขาพยายามทำการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของงตัวเอง
ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้ ไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และคิดวนกลับไปยังความคิดเดิมของเธอ
แม้ว่าสภาพแวดล้อมการฝึกของเมืองที่สาบสูญจะดีขึ้น แต่เธอก็ยังมีเวลาเหลือแค่เพียงหกวันเท่านั้น และเนื่องจากการเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกนั้นต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ดังนั้นเธอจึงจะเหลือเวลาการฝึกอยู่เพียงแค่ห้าวันเท่านั้น และแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีประโยชน์เช่นนี้ แต่การพยายามปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในห้าวันนั้นมันก็ยังไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตามเมื่อไซเร้นวอร์นเดอร์เข้าสู่หอคอยพิเศษ เธอก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
หากเมืองที่สาบสูญเป็นสนามฝึกซ้อมอันล้ำค่า หอคอยศักสิทธิ์ก็จัดเป็นสนามฝึก
ซ้อมอันศักสิทธิ์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้เล่นที่พยายามจะเพิ่มการควบคุมมานาของตัวเอง ในหอคอยพิเศษ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ดของมานารอบตัวเธอ และรูปแบบการเคลื่อนไหวของพวกมัน ซึ่งมันให้ความรู้สึกไม่เหมือนที่ไหนใน God domain เลย
“เธอคิดยังไง ? เธอคิดว่าจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้ก่อนที่การแข่งขันระหว่างตระกูลจะเริ่มขึ้นรึปล่าว ?” ซือเฟิงถาม ในขณะที่เขาเดินเข้าใกล้ไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาได้เห็นสีหน้างุนงงของเธอ
God domain เสนอวิธีการต่างๆในการเพิ่มพลังการต่อสู้มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ผู้เล่นมาถึงขั้นสามแล้ว ประโยชน์ที่ผู้เล่นขั้นสามจะได้รับจากการปรับปรุงการควบคุมมานาของพวกเขานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้รับจากการฝึกฝนมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาเลย
“ฉันสามารถมาฝึกที่นี่เป็นประจำได้ไหม ?” ไซเร้นวอร์นเดอร์ถาม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้มายืนอยู่ในหอคอยพิเศษ แต่มันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอพบว่ามันยากที่จะเชื่ออย่างแท้จริงว่าเธอสามารถใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนในสถานที่อันศักสิทธิ์นี้ได้ เพราะท้ายที่สุดสภาพแวดล้อมนี้มันน่าตกตะลึงมากจริงๆ และมันน่าจะต้องจ่ายในราคาสูงเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมแบบนี้ไว้
“แน่นอน” ซือเฟิงกล่าวยืนยันพลางพยักหน้า
เขาเข้าใจถึงความกังวลของไซเร้นวอร์นเดอร์ และการดูแลรักษาหอคอยพิเศษนั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจริงๆ หลังจากปลดล๊อคและเปิดใช้งานชั้นที่สามของหอคอยพิเศษแล้ว เขาจะต้องจ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองหมื่นชิ้นต่อวันเพื่อให้รูนศักสิทธิ์ของชั้นสามใช้งานได้ ซึ่งมันจะไม่มีกิลชั้นสูงกิลไหนสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้ได้แน่นอน แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับสภาสิบแปดปีก สภาสิบแปดปีกเป็นมากกว่านั้นแล้ว และสามารถทำให้หอคอยทำงานได้อย่างเต็มที่ทุกวัน
“แม้ว่าฉันจะไม่สามารถให้คำสัญญาใดๆได้ แต่ฉันคิดว่าฉันก็มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จก่อนการแข่งขัน” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้ว “ว่าแต่หัวหน้ากิลแน่ใจจริงๆหรอว่าจะไปเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ดน่ะหัวหน้า ? มองแค่พื้นผิวไวโอเล็ตซอร์ดนั้นอาจเป็นเพียงกิลและองค์กรเดียวที่กดดันตระกูลฉัน แต่จริงๆแล้วกิลนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทซีอุสในเรื่องนี้ ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม กิลของเราอาจไม่สามารถอยู่ในทวีปด้านตะวันตกได้อีกต่อไปเลยนะ …”
มันต้องขอบคุณประสบการณ์ของเธอและโพชั่นโบราณที่ซือเฟิงมอบให้เธอ ซึ่งมันทำให้เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอไปได้มากกว่าสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว และตอนนี้หากเธอมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนในหอคอยพิเศษ การจะเข้าถึงระดับหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้ มันก็มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามการแข่งขันระหว่างตระกูลนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย บริษัทซีอุสต่างหากที่เป็นปัญหาที่แท้จริง
กิลและองค์กรในทวีปด้านตะวันตกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทซีอุสนั้นไม่ได้มีแค่หอการค้าอาซู และไวโอเล็ตซอร์ด บริษัทนั้นมีหุ้นจำนวนหนึ่งอยู่ในพันธมิตรนักผจญภัยบางกลุ่มด้วยเช่นกัน และแม้จะไม่มีพลังของไวโอเล็ตซอร์ด แต่บริษัทซีอุสก็จะสามารถทำลายมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งของทวีปด้านตะวันตกได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ตั้งค่าหัว
ในขณะเดียวกันพลังส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกนั้นก็อยู่แค่ในทวีปด้านตะวันออก โดยเฉพาะกับป่าใบไม้ผลิเท่านั้น นอกจากนี้มันยังมีมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันออกจำนวนหนึ่งที่ตั้งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงถ้าพวกเขาไปก่อเรื่องในทวีปด้านตะวันตก หรือที่ก่อไปแล้วเลย ….
“ตราบใดที่เธอทำเรื่องนี้ในตอนนี้ออกมาได้ดี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องบริษัทซีอุสหรอก และหากพวกเขาต้องการจะต่อสู้จนถึงจุดจบ ฉันก็ไม่มีปัญหาที่จะต่อสู้กับพวกเขา” ซือเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจในกิลของเขา
“ถูกต้อง ถ้าบริษัทซีอุสกล้าที่จะไปไกลเกินไป เราก็จะทำให้พวกเขาเห็นว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่ไม่ควรถูกล้อเล่นด้วยเช่นกัน !!!” อควาโรสกล่างแสดงความคิดเห็น ขณะที่เธอเดินเข้ามา “นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลยวอร์นเดอร์ เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองก็พอ อย่าให้ไอ้พวกเวรนั่นดูถูกสภาสิบแปดปีกได้ !!”
ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นรู้สึกประทับใจกับคำรับรองของพรรคพวกของเธอมาก อย่างไรก็ตามคำพูดของพวกเขาก็ยังทำให้เธอพูดไม่ออกเช่นกัน
แค่มีซือเฟิง ผู้ที่เป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกที่ชอบสร้างปัญหาคนเดียวมันก็ควรจะมากเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้อควาโรสกับได้รับนิสัยของเขาไปแล้ว พวกเขากำลังพูดถึงหนึ่งในสิบบริษัทชั้นนำของโลก ซึ่งมันไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่ควรถูกยั่วยุแบบไม่ตั้งใจเลย
หลังจากซือเฟิงบอกเคล็ดลับบางอย่างในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้กับไซเร้นวอร์นเดอร์ไปแล้ว เขาก็ส่งอควาโรสและสมาชิกกิลคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก จากนั้นเขาก็เริ่มวางแผนการโจมตีถ้ำปีศาจหมาป่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดเทเลพอร์ตขนาดกลาง และเมื่อพวกเขายึดมันได้แล้ว สภาสิบแปดปีกจะมีเส้นทางที่เปิดกว้างมากขึ้นเพื่อใช้เดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้าน
ในเวลาต่อมาผู้เล่นสิบสองคนก็ได้มารวมตัวกันที่ลานในสถานที่พักกิล และแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่มานาโดยรวมที่พวกเขาแผ่ออกมานั้นก็ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานาภายในลานได้อย่างมาก
“หัวหน้ากิล ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว แต่ฉันกลัวว่าการบุกถ้ำปีศาจหมาป่าที่หัวหน้าพูดถึงจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับพวกเราสิบสองคน และองครักษ์ส่วนตัวเหล่านั้น …” อควาโรสกล่าว
สำหรับมหาอำนาจต่างๆ การมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนสิบสองคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และหน่วยองครักษ์ส่วนตัวหลายโหลนั้น มันจัดว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างแน่นอน และผู้ที่มีอะไรแบบนี้นั้นก็จะจัดว่าแทบเป็นอมตะใน God domain ระยะนี้เลย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับกำลังจะนำพวกเขาบุกเข้าไปในถ้ำปีศาจหมาป่า ซึ่งมันเสี่ยงกว่าหลายๆสิ่งในระยะนี้ของเกมมาก ….
“จากรายงานการสอดแนมของไฟเออร์แดนซ์ ในถ้ำนั่นมีมอนสเตอร์มากกว่าห้าหมื่นตัว โดยที่ระดับลอร์ดบอสเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบนั้นจัดว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมัน ขณะที่มอนสเตอร์ภายในนั้นส่วนใหญ่เป็นแกรนลอร์ดทั่วไป และแกรนลอร์ดสายเลือดพิเศษ นอกจากนี้ถ้ำยังมีสภาพแวดล้อมที่รุนแรงมากๆ และแม้แต่ไฟเออร์แดนซ์ที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วก็ยังเกือบตายในระหว่างการสอดแนม”
“ฉันเองก็เห็นด้วยกับเธอนะ แต่อย่างไรก็ตามเรามีองครักษ์ขั้นสี่อยู่นี่นา ลืมไปแล้วหรอ ?” ซือเฟิงตอบกลับพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาชี้ไปยังแวร์ซายที่มีอาวุธครบมือด้านหลังเขา
“เขา ? แต่เลเวลของเขา ….” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเมื่อเธอมองไปยัง NPC ชราผู้นี้ ….
ด้วยเลเวลที่น้อยขนาดนี้ และระดับของเขาที่เป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน เขาจะช่วยพวกเขาได้ยังไงกันในการรับมือกับพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหรือมากกว่านั้น หรือไม่งั้นก็เอาแค่พวกแกรนลอร์ดสายเลือดพิเศษ เธอก็ยังคิดว่าเขาจะต่อกรด้วยยากเลย
ขณะเดียวกันสมาชิกที่เหลือของทีมก็กังวลเช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องความเสี่ยงในการตายของพวกเขาเองแล้ว เรื่องการตายขององครักษ์ส่วนตัวก็ยังเป็นเรื่องที่น่าคิด แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะมีน้ำแห่งชีวิตที่ช่วยชุบชีวิต NPC ที่ตายไปแล้วได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ควรจะใช้มันอย่างสิ้นเปลืองอยู่ดี
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวเธอจะเข้าใจเอง เมื่อถึงเวลา …” ซือเฟิงนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขายังคงอยู่หัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็พาทั้งทีมเดินทางไปที่ถ้ำปีศาจหมาป่า
ในขณะเดียวกันที่ทวีปด้านตะวันตก หลงหวู่ชางก็ได้กลับไปถึงสถานที่พักของหอการค้าอาซู และถ่ายทอดข้อความของซือเฟิงไปยังเหล่าผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเขาเรียบร้อยแล้ว