ตอนที่ 2600 ความน่ากลัวขนาดมหึมาปรากฎขึ้นในทวีปด้านตะวันตก
เนินเขาฟรอสต์ เมืองอาซู :
ในฐานะเมืองกิลในแผนที่เป็นกลางเลเวลเก้าสิบ เมืองอาซูนั้นมีบทบาทในการเปลี่ยนผ่านของผู้เล่นหลายคนในจักรวรรดิวินเทอร์ ในขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจะเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น รวมถึงความจริงที่ว่ากิลผู้ปกครองเมืองนั้นก็คือหอการค้าอาซูซึ่งเป็นในหอการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเกมเสมือนจริง ดังนั้นเมืองนี้จึงได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิด้วย โดยผู้เล่นและผู้มีอำนาจจำนวนมากได้เดินทางมายังเมืองอาซูเพื่อทำธุรกิจ และเมืองนี้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมมากกว่าห้าล้านคนต่อวันเลย
และในตอนนี้นั้นมันก็มีผู้เล่นต่อแถวยาวอยู่บริเวณประตูเมืองเพื่อรอเข้าสู่เมือง โดยในบางครั้งนั้นมันก็จะมีอะเม้าท์บินได้บินผ่านพวกเขาไป ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นทั่วไปในแถวนั้นอิจฉามากๆ
“หอการค้าอาซูนี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะเม้าท์บินได้ในเมืองกิลอื่นๆเลย แต่ตอนนี้มันกับมีหลายตัวบินผ่านไป ในขณะที่ฉันเข้าแถว !!!” เบอร์เซิกเกอณื เลเวลหนึ่งร้อยสามที่เป็นผู้เล่นอิสระอุทานออกมา ขณะที่เขาเฝ้าดูแร้งสองหัวบินผ่านไป
“โดยปกติมันก็จะมีอะเม้าท์บินได้ไม่มากนักหรอกที่บินผ่านไปผ่านมาในเมืองอาซูแต่ละวัน แต่ดูเหมือนว่าในวันนี้มันจะมีมากกว่าปกติ เพราะฉันได้ยินมาว่าหอการค้าอาซูนั้นเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันของพวกรุ่นเยาว์ของตัวเอง และหอการค้าได้เชิญมหาอำนาจหลายกลุ่มให้มาเข้าชม ดังนั้นฉันจึงเดาว่าอะเม้าท์บินได้เหล่านี้คงเป็นของพวกมหาอำนาจที่ได้รับเชิญมา” ชายหนุ่มที่เป็น Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยแปดที่เห็นตราสัญลักษณ์กิลของผู้ที่ขี่อะเม้าท์บินได้อธิบาย
“การแข่งขันของพวกรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูงั้นหรอ ?” คำพูดของชายหนุ่มทำให้เบอเซิกเกอร์สับสน “มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรอ ? มันไม่ใช่แค่การแข่งขัน PvP ระหว่างผู้เล่นหลายคนเท่านั้นหรอ ? และมันก็ไม่น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเข้าร่วมมากมายขนาดนั้นนิ ดังนั้นทำไมถึงมีมหาอำนาจต่างๆสนใจและมาตามคำเชิญมากมายขนาดนี้ ?”
“ฉันเดาว่านายคงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับหอการค้าอาซูสินะ พวกเขานั้นเป็นกิลที่มีประสบการณ์สูงในโลกเกมเสมือนจริง แถมพวกเขายังเป็นหนึ่งในหอการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเกมเสมือนจริงด้วย โดยตระกูลผู้ถือหุ้นหลักของพวกเขามีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเกมเสมือนจริงทั้งหมด โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญของพวกเขานั้นจะแตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆตรงที่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มฝึกกันในช่วงอายุสิบห้าถึงสิบหกปี แต่พวกรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูนั้นได้เริ่มฝึกมาตั้งแต่เด็กเลย พวกเขาทั้งหมดนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์และแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไปของมหาอำนาจต่างๆมาก พวกเขาบางคนนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของมหาอำนาจต่างๆด้วยซ้ำ …” ชายหนุ่ม เลเวลหนึ่งร้อยแปดที่เป็น Elementalist กลอกตา พลางอธิบาย “ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะเน้นไปที่มาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้เป็นหลัก ซึ่งผู้เล่นทั่วไปก็จะสามารถเรียนรู้ได้มากมายเพียงแค่ดูการการต่อสู้ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆที่เป็นพันธมิตรของหอการค้าอาซูจึงล้วนจะต้องสนใจอยู่แล้ว และฉันก็พนันเลยว่า พวกเขาจะนำรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของพวกเขามาดูการต่อสู้ด้วยเช่นกัน …”
“แถมฉันก็ได้ยินมาว่าการแข่งขันในปีนี้นั้นไม่ธรรมดาเลย สมาชิกรุ่นเยาว์ของหอาการค้าอาซูนั้นพึ่งจะได้รับการฝึกฝนจากไวโอเล็ตซอร์ดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และไวโอเล็ตซอร์ดก็ได้ประกาศออกมาว่ามีรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูคนหนึ่งที่สามารถจะต่อสู้กับไวน์ไฟเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้จนถึงสภาวะหยุดนิ่ง ซึ่งนี่มันทำให้พวกระดับสูงของไวโอเล็ตซอร์ดต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ” นักดาบ เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขั้นสาม ที่มีตราสัญลักษณ์กิลคล้ายกับของ Elementalist หนุ่มกล่าวเสริม
“สู้กับไวน์ไฟเตอร์จนถึงสภาวะหยุดนิ่ง ? นี่คุณคิดว่าคุณจะหลอกฉันได้ง่ายๆหรอ ? ไวน์ไฟเตอร์นั้นเป็นผู้เล่นหนึ่งในสามสิบอันดับแรกที่มีรายชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้านะ !!!” เบอเซิกเกอร์ที่เป็นผู้เล่นอิสระกล่าวอย่างไม่เชื่อ “ไวน์ไฟเตอร์นั้นมีชื่อเสียงมานานกว่าทศวรรษและเป็นสัตว์ประหลาดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน ฉันเคยได้ยินมาว่าไวน์ไฟเตอร์สามารถจะยืนหยัดต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยาสิบได้ด้วยตัวเอง แล้วรุ่นเยาว์ของอาซูจะต่อสู้กับเขาจนไปถึงสภาวะหยุดนิ่งได้ยังไงกัน ?”
ผู้เล่นที่เป็นเบอเซิกเกอร์เกือบทุกคนในทวีปด้านตะวันตกนั้นรู้จักไวน์ไฟเตอร์ และสำหรับเบอเซิกเกอร์หลายคนเขาก็เป็นทั้งเป้าหมายและไอดอล และโดยธรรมชาติแล้วสำหรับเบอเซิกเกอร์ เลเวลหนึ่งร้อยสามผู้นี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน
“นี่เป็นข้อมูลภายใน เพื่อนของฉันซึ่งเป็นหนึ่งในแกนหลักของไวโอเล็ตซอร์ดบอกมา” นักดาบ เลเวลหนึ่งร้อยสิบกล่าวแย้ง “ฉันเองก็หวังว่าจะได้เข้าชมการแข่งขันด้วย ใครจะรู้ ? มันอาจจะทำให้ฉันรู้ว่าฉันจะปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองได้ยังไง ….”
การดวลกันตัวต่อตัวระหว่างผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากๆ และถึงแม้มันจะเกิดขึ้น แต่มหาอำนาจต่างๆก็จะยังคงปิดบังเรื่องนี้ไว้เป็นความลับแบบหนาแน่นมากๆ ผู้เล่นทั่วไปจะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ต่อสู้กันก็ต่อเมื่อมหาอำนาจต่างๆทำสงครามกันเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามในสงครามขนาดใหญ่ การจะเฝ้าดูวิธีการต่อสู้ของใครคนใดคนหนึ่ง มันก็เป็นไปได้ยากมากๆ ….
แถมโดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะอาศัยค่าสถานะที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อในการเอาชนะศัตรูของพวกเขาทันที พวกเขาจะไม่ค่อยใช้เทคนิคการต่อสู้ที่ซับซ้อนในการต่อสู้ และเมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับนี้เจอกันในสนามรบ พวกเขาก็แทบจะไม่สู้แบบตัวต่อตัวกันเลย
พูดง่ายๆก็คือโอกาสในการจะได้ดูผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว โดยใช้เทคนิคการต่อสู้และมาตราฐานการต่อสู้เข้าห้ำหั่นกันนั้น มันหาได้ยากมากๆ และผู้เล่นหลายคนก็จะเต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินมหาศาลเพื่อให้ได้เข้าชมการต่อสู้แบบนี้
ในขณะที่ผู้เล่นหลายคนกำลังพูดคุยกันเอง เสียงร้องที่แหลมคมก็ดังก้องไปในอากาศทั่วบริเวณ
ทุกคนนั้นได้หันไปหาต้นตอของเสียงนี้ และพวกเขาก็พบกับอินทรียักษ์ที่มีปีกยาวกว่ายี่สิบเมตร โดยอินทรีตัวนี้นั้นกลายเป็นเหมือนหมอกสีดำที่เข้าปกคลุมเมืองอาซู เมื่อมันเข้าใกล้เมือง
“อึก !! นั่นคืออินทรีไฟเนเธอร์ของไวโอเล็ตซอร์ดนี่นา !!! ไวโอเล็ตซอร์ดก็มาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยงั้นหรอ ?!!”
“ช่างเป็นออร่าที่ทรงพลังมากๆ อินทรีตัวนี้แข็งแกร่งเกือบจะเท่ากับแกรนลอร์ดเลย !!!”
“เกือบ ? ฉันได้ยินมาว่าอินทรีไฟเนเธอร์นั้นสามารถจะโค่นแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้ และมันก็มีอะเม้าท์บินได้น้อยมากในระยะนี้ของเกมที่ทรงพลังเท่ามัน”
สายตาของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความกลัว เมื่อพวกเขาพูดถึงอินทรีไฟเนเธอร์
อะเม้าท์บินได้ที่สามารถเทียบเคียงกับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้นั้น มันมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ และตราบใดที่ผู้เล่นสามารถทำค่าความเสียหายได้มากพอ เมื่อพวกเขาประสานงานกับอะเม้าท์บินได้แบบนี้ การฆ่าแกรนลอร์ดด้วยทีมเล็กๆก็จะเป็นไปได้สูงมาก นอกจากนี้อินทรีไฟเนเธอร์ยังเร็วมากพอที่จะช่วยให้ผู้เล่นประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้มาก
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงมัน อินทรีไฟเธอร์ก็กลายเป็นร่างเบลอและบินเข้าไปในสถานที่พักของหอการค้าอาซูในเมือง
เมื่ออะเม้าท์บินได้ขนาดใหญ่แล่นลงจอด ผู้เล่นมากกว่าสิบคนก็กระโดดลงจากหลังของมัน โดยพวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ด ยกเว้นชาบชราผมขาวที่ยังคงนั่งอยู่บนอะเม้าท์นั้น เขามีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสอง
“ไวโอเล็ตซอร์ดได้สอนทุกสิ่งที่พวกคุณจำเป็นต้องรู้แล้ว ฉันหวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของกิลต้องเสื่อมเสีย และหากพวกคุณล้มเหลว ก็อย่ามาบอกเลยนะว่าฉันสอนพวกคุณ และพวกคุณก็จะไม่ได้รับโอกาสเป็นครั้งที่สองในการฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดด้วยเช่นกัน !!!” ชายชราผมขาวเตือนเหล่าผู้เล่นตรงหน้าเขาอย่างไม่แยแส
“ไม่ต้องห่วงผู้ฝึกสอนทอร์เร้น เราจะแสดงให้พวกตระกูลหลงเห็นว่าพวกเขาโง่เขลาขนาดไหนที่ปฎิเสธการฝึกจากคุณ !!!” เด็กหนุ่มที่มีดวงตาสีเงินและมีผมสีฟ้าที่สะพายดาบใหญ่อยู่กล่าวด้วยความเคารพ
“ดี !! ฉันจะรออยู่ในเมืองไฟศักสิทธิ์ อย่าทำให้ฉันหรือผู้อาวุโสของพวกคุณผิดหวังล่ะ !!” ชายชราผมขาวพยักหน้า และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นขณะที่เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่มีดวงตาสีเงินและมีผมสีฟ้า
ขณะเดียวกันเมื่อกล่าวจบชายชราผมขาวก็ออกจากเมืองไปด้วยอินทรีไฟเนเธอร์ ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้เล่นของเด็กหนุ่มที่มีดวงตาสีเงินและผมสีฟ้านี้ก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าสมาชิกของหอการค้าอาซู และพวกระดับสูงทันที
“ลุงห้า พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดในระหว่างการฝึก โดบเฉพาะกับโซริทารี่ฟรอสต์ ฉันยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะสู้กับไวน์ไฟเตอร์ไปจนถึงสภาวะหยุดนิ่งได้ แถมฉันก็ยังได้ยินมาว่าพวกเขามีมุมมองที่ดีต่อหยานเซี่ยวเฉียน และเธอก็ก้าวหน้าไปอย่างมากในการฝึกของเธอ พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดายแน่นอน” เบิร์นนิ่งโอลกล่าวเตือนด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่โดดเด่นในลานของสถานที่พัก
เบิร์นนิ่งโอลนั้นคิดว่าเขาจะมีโอกาสได้รับตำแหน่งหนึ่งในสามอันดับแรกในการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง แต่หลังจากได้เห็นผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลอื่นๆกลับมาหลังจากฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด ความมั่นใจของเขาก็เริ่มสั่นคลอน
“หวังว่ามูนซิลค์จะพัฒนามากขึ้นเช่นกัน ไม่งั้นตระกูลของเราคงจะต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ติดสามอันดับแรกในการแข่งขันนี้” หลงหวู่ชางกล่าวเห็นด้วยพลางขมวดคิ้ว
ตระกูลหลงนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของสมาชิกรุ่นเยาว์ของพวกเขากับตระกูลอื่นๆที่ได้ไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดนั้นมันแตกต่างกันมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซริทารี่ฟรอสต์นั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และนี่ยังไม่นับรวมอีกหลายๆคนที่ไปถึงขอบเขตอนันต์แล้ว
ดังนั้นมูนซิลค์ ซึ่งเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลง จึงเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูล
ขณะเดียวกันกับที่กลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์กำลังจะออกจากลาน ฝูงชนในบริเวณนั้นทั้งหมดก็ได้ยินเสียงดังสนั่นเหนือท้องฟ้า
“เสียงอะไรกัน ?”
“มีอีเว้นพิเศษบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในเมืองอาซูงั้นหรอ ?”
ทุกคนต่างสงสัยเมื่อได้ยินเสียงนี้ และหลายคนต่างก็ละจากกิจกรรมของพวกเขาเพื่อออกมามองหาต้นตอของเสียง
อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนเห็นต้นตอของเสียงนั้น พวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง โดยเรือเหาะที่มีขนาดใหญ่และยาวหลายร้อยเมตรกำลังตรงมายังเมืองในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่
“มันเกิดอะไรขึ้น ?! นั่นคือเรือเหาะใช่ไหม ?!”