ตอนที่ 2602 การต่อสู้ในสนามประลอง และการตัดสินใจของไซเร้นวอร์นเดอร์
เมืองอาซู สนามประลอง :
เนื่องจากหอการค้าอาซูนั้นเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันประจำปีระหว่างตระกูลนี้ ผู้เล่นหลายคนในเมืองอาซูจึงได้มารวมตัวกันที่สนามประลองเพื่อหวังที่จะเข้าชมการต่อสู้ อย่างไรก็ตามหอการค้าอาซูนั้นก็ได้ประจำการผู้เชี่ยวชาญหลายพันคนไว้รอบอาคารเพื่อคอยป้องกันไม่ให้ผู้เล่นที่ไม่ได้รับเชิญสามารถเข้าสู่สนามประลองได้ และเมื่อเป็นดังนี้ผู้เล่นทั่วไปก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มอิจฉาผู้ที่ได้รับเชิญ
แม้ว่าสนามประลองของเมืองอาซูจะมีขนาดเล็กกว่าเมืองป่าหินมาก แต่การตกแต่งภายในของมันนั้นก็ค่อนข้างจะหรูหรามากพอๆกัน ซึ่งแม้แต่ซือเฟิงก็ยังรู้สึกประทับใจเล็กน้อย เมื่อได้เดินเข้ามาในอาคาร
บริเวณล๊อบบี้หลักนั้นถูกปูด้วยแร่มานา และในทีที่เขาก้าวไปข้างใน เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามานาภายในนั้นหนาแน่นกว่ามานาภายนอกมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีช่างฝีมือที่ได้แกะสลักภาพทุกประเภทไว้ที่ผนังล๊อบบี้
ภาพสลักเหล่านี้อาจดูไม่พิเศษสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่สำหรับผู้เล่นที่เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้มามากจะรู้ดีว่ามันพิเศษ
ทุกภาพสลักนั้นล้วนแสดงเทคนิคการต่อสู้ที่แตกต่างกัน !!!
แน่นอนว่าเทคนิคการ่อสู้เหล่านี้นั้นไม่สมบูรณ์ และการจะเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้จากภาพที่ถูกแกะสลักเหล่านี้จะยากกว่าการเรียนรู้จากมรดกที่สมบูรณ์หลายเท่า ซึ่งมันต้องเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่จะเรียนรู้จากภาพแกะสลักแบบนี้ได้
จากสิ่งที่ซือเฟิงสามารถบอกได้ คือ ใครก็ตามที่สามารถเรียนรู้เทคนิคที่ไม่สมบูรณ์จากภาพสลักนี้ได้จะได้รับพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะเทนิคที่ไม่สมบูรณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง หรือไม่ก็สูงกว่านั้น
หลังจากเดินตาม NPC มา ในที่สุดกลุ่มของซือเฟิงก็มาถึงสนามประลองที่ใหญ่ที่สุดของหอการค้าอาซู ซึ่งสนามประลองนี้สามารถจะรองรับผู้ชมมากกว่าหนึ่งหมื่นคนได้อย่างง่ายดาย และเวทีประลองในสนามประลองแห่งนี้ทุกแห่งที่นี่นั้นล้วนถูกปูพื้นด้วยแร่มานา ซึ่งมันจะทำให้ผู้เล่นสามารถแสดงพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาออกมาได้ และมันก็จะทำให้การต่อสู้ของพวกเขาน่าสนใจขึ้นมาก
เมื่อกลุ่มของซือเฟิงมาถึงบริเวณที่นั่ง ที่นั่งส่วนใหญ่ก็เต็มไปแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นพวกหน้าใหม่ที่มีความสามารถจากมหาอำนาจต่างๆ หรือไม่ก็สมาชิกแกนหลักของหอการค้าอาซู พวกเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากๆ ในขณะที่เฝ้าดูรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูเข้าใกล้เวทีประลองทีละคนๆ
“เรารู้อยู่แล้วล่ะว่าใครจะเป็นที่หนึ่ง แต่ฉันสงสัยจังว่าใครจะได้อันดับสองกัน ?”
“ฉันคิดว่าคงเป็นเบิร์นนิ่งโอลจากตระกูลหลง เขาแข็งแกร่ง และคงจะมีโอกาส
สูงมากๆ แถมเขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามของหอการค้าอาซูด้วย และฉันยังได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้นั้นเขาได้ฝึกเทคนิคสเต็ปเท้าขั้นสูงจนสำเร็จ ซึ่งมันควรจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก”
“ก่อนหน้านี้มันอาจจะเป็นเบิร์นนิ่งโอล แต่เวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว มันมีข่าวลือว่ามีสมาชิกจำนวนนับไม่น้อยจากตระกูลอื่นได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอนันต์แล้ว ดังนั้นเบิร์นนิ่งโอลจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการแย่งชิงสามอันดับแรกแน่นอน”
ผู้ชมต่างคาดเดากันว่าใครจะคว้าอันดับสองในการแข่งขันครั้งนี้ ทุกคนต่างคิดกันมาว่ามีผู้เข้าแข่งขันหกคนที่จะสามารถแย่งชิงตำแหน่งนี้ได้ โดยทุกคนนั้นได้มาถึงขอบเขตอนันต์แล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครมั่นใจว่ามันจะเป็นใครกันแน่ที่ได้อันดับสองไป เพราะท้ายที่สุดแล้วหลายครั้งผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ก็ต้องการบันดาลใจเพียงแวบเดียวหรือชั่วขณะเท่านั้นในก้าวขึ้นไปเหนือกว่าคู่ต่อสู้ของตัวเอง ดังนั้นมันจึงต้องบอกเลยว่าทั้งหกคนนี้นั้นมีสิททั้งหมด ….
ในขณะที่ผู้ชมกำลังพูดคุยกัน ชายวัยกลางคนในชุดหนังสีเทาอ่อนพร้อมกับดาบยาวสองเล่มที่เขาสะพายไว้ด้านหลังก็เดินขึ้นมาใจกลางเวที ซึ่งชายคนนี้นั้นไม่ได้ดูแก่มากเลย และอย่างมากเขาก็คงมีอายุราวสี่สิบปีเท่านั้น และออร่าของเขาก็ไม่ได้ดูน่ากลัว ตรงกันข้ามออร่าของเขากับดูสงบราวกับผิวน้ำในทะเลสาบ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นมานั้น ทั้งหมดก็เงียบลงทันที
“อึก !!! เขาเป็นประธานในการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรอ ?!!”
“การที่ยอมจ่ายเป็นคะแนนสะสมเพื่อให้ได้เข้ามาดูการแข่งขันนี้ ดูเหมือนจะคุ้มค่ามากจริงๆ !!!”
เมื่อฝูงชนเห็นชายวัยกลางคน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
ชายคนนี้นั้นคือซินฟูลเฟรม ซึ่งเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู และมันมีข่าวลือว่าเขาสามารถจะต่อสู้กับแอสซาซินอันดับหนึ่งของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ และผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ได้จนผลักดันไปสู่สภาวะหยุดนิ่งได้ แถมเขายังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสิบอันดับแรกในรายชื่อผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้าด้วย
ซินฟูลเฟรมนั้นแทบจะไม่ปรากฎตัวในที่สาธารณะเลย และโดยทั่วไปเขาจะเน้นการฝึกฝนไปสำหรับการแข่งขันรีแมตซ์ระหว่างเขากับแอสซาซินอันดับหนึ่งของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ และผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ เมื่อตัวตนระดับตำนานเช่นนี้ปรากตัวต่อหน้าพวกเขา มันจะไม่ให้ฝูงชนตื่นเต้นได้อย่างไร ?
นอกจากนี้ในระหว่างการแข่งขันประจำปีของหอการค้าอาซู ผู้ชนะอันดับหนึ่งยังจะได้รับสิทในการต่อสู้กับเจ้าภาพ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ชมจะได้รับชมการต่อสู้ของซินฟูลเฟรมซึ่งมันหาดูยากอย่างไม่น่าเชื่อ
“ฉันจะพูดตรงๆเข้าประเด็นหลักเลยแล้วกัน ในระหว่างการแข่งขันที่ผ่านมา เราได้เลือกสมาชิกหกคนจากเฟสแรกเพื่อมาเข้าร่วมอีเว้นท์หลักแล้ว อย่างไรก็ตามหอการค้าอาซูพัฒนาขึ้นมากในช่วงนี้ ดังนั้นมันจึงมีสมาชิกของเราเจ็ดคนที่ได้มาถึงขอบเขตอนันต์แล้ว นี่ยังไม่นับรวมอื่นๆ !! และเราจะเลือกทั้งหมดแปดคนเพื่อเข้าร่วมในอีเว้นท์หลักซึ่งมากกว่าหกคนตามปกติ” ซินฟูลเฟรมประกาศพลางมองไปยังเด็กๆตรงหน้าเขา “อย่างไรก็ตามสมาชิกทุกคนของเราสามารถจะท้าทายคู่ต่อสู้ได้แค่สองคนเท่านั้นจากสามตามปกติ ดังนั้นขอให้เลือกอย่างชาญฉลาด”
เมื่อซินฟูลเฟรมกล่าวเปิดงานเรียบร้อย เวทีกลางก็แบ่งออกเป็นเวทีเล็กๆแปดเวที โดยแต่ละเวทีนั้นมีรัศมีหกสิบหลา ซึ่งมันก็มีพื้นที่มากพอที่จะทำให้ผู้เล่นขั้นสามสามารถแสดงพลังของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้มันยังใช้กฎเดียวกันหมดคือค่าสถานะของผู้เล่นทุกคนจะถูกทำให้เท่ากัน โดยสิ่งนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่านักสู้ทั้งหมดจะพึ่งพามาตราฐานการต่อสู้ของตนในการเอาชนะคู่ต่อสู้
เมื่อเวทีทั้งแปดถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว โซริทารี่ฟรอสต์และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์คนอื่นๆหรือสูงกว่าก็ก้าวแยกกันไปเลือกคนละเวที อย่างไรก็ตามสมาชิกจากตระกูลต่างๆล้วนลังเลที่จะเข้าใกล้เวทีที่แปด
โซริทารี่ฟรอส์และอีกหกคนนั้นล้วนมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่สมาชิกที่เหลือนั้นพึ่งจะมาถึงขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำเท่านั้น ดังนั้นการท้าทายทั้งเจ็ดคนนี้จึงจะให้ผลลัพธ์กับพวกเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือพ่ายแพ้ !! ซึ่งมันจะไม่มีใครโง่พอยอมท้าทายพวกเขาให้เสียโอกาสที่มีแค่สองครั้งไปแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาก้าวขึ้นสู่เวทีที่แปด พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมาย และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถคว้าชัยชนะติดต่อกันได้ แต่การต่อสู้ทุกครั้งก็จะเผาผลาญค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปมากขึ้น ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขานั้นหมดโอกาสจะได้อันดับดีๆ
“ทำไมยังไม่มีใครขึ้นไปในเวทีที่แปด ?” ซินฟูลเฟรมกล่าวถามและเรียกร้อง “นอกเหนือจากรางวัลตามปกติที่ถูกเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ชนะสามอันดับแรกแล้ว บริษัทซี
อุสยังได้สัญญาว่าจะส่งนักสู้ที่ได้แปดอันดับแรกไปฝึกยังดินแดนเวทย์มนต์ลับของไวโอเล็ตซอร์ดด้วย คุณทุกคนควรคว้าโอกาสนี้ไว้นะ !!!”
เมื่อได้ยินดังนี้ ความตื่นเต้นก็เริ่มปรากฎขึ้นในดวงตาของทุกคน
ดินแดนเวทย์มนต์ลับที่ไวโอเล็ตซอร์ดครอบครองอยู่นั้นภายในมันมีสนามฝึกที่อยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณด้วย และแม้ว่าการฝึกที่นี่จะไม่ได้ให้ผลมากเท่ากับพวกที่ได้ไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดก่อนหน้านี้ แต่มันก็จะสามารถช่วยผู้เล่นปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากพวกเขาได้ใช้เลาส่วนใหญ่อยู่ในดินแดนเวทย์มนต์ลับนี้ พวกเขาก็น่าจะทะลุเข้าไปถึงขอบเขตอนันต์ได้แน่นอน ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขามีสิทกลายเป็นผู้อาวุโสได้เลย
ทันใดนั้นผู้เล่นทุกคนต่างก็เร่งรีบขึ้นไปยังเวทีที่แปดอย่างบ้าคลั่ง
พี่สาวรองจะถอยงั้นหรอ ? เบิร์นนิ่งโอลมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์ที่ยังคงเงียบอยู่หลังจากได้ยินประกาศด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเวทีสุดท้าย ไซเร้นวอร์นเดอร์ก็เดินไปยังเวทีแรกที่มีโซริทารี่ฟรอสต์รออยู่ ….