ตอนที่ 2609 ทะลุขีดจำกัด
เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสมานาอันทรงพลังที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นทั่วไปเลย แม้แต่ซือเฟิงที่นั่งอยู่อย่างสงบนิ่งในกลุ่มผู้ชมมาตลอดเวลาก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าล่าสุดของเขา
“ระเบิดมานา ?! ไวโอเล็ตสามารถทะลุขีดจำกัดได้รวดเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!” ซือเฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาจ้องมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ ตอนนี้ความตกตะลึงของเขานั้นมีมากกว่าคนอื่นๆอย่างมาก
“ทะลุขีดจำกัด ? หัวหน้ากิลไวโอเล็ตทะลุขีดจำกัดอะไร ?” อควาโรสที่ได้ยินคำพูดพึมพำของซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น เพราะดูจากปฎิกิริยาของซือเฟิงนั้น เขาน่าจะรู้ดีว่าไวโอเล็ตคลาวด์ทำอะไร
อควาโรสไม่ใช่คนเดียวที่สงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆก็หันไปมองซือเฟิงด้วยความสนใจเช่นกัน พวกเขาทุกคนนั้นล้วนอยากรู้ว่าไวโอเล็ตคลาวด์ทำให้ไปกัน เธอถึงสามารถเพิ่มความหนาแน่นของมานาของเธอได้ และมันกระทั่งขึ้นไปเหนือกว่า NPC ขั้นสี่ทั่วไปด้วย
“ไวโอเล็ตนั้นได้ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานา และเข้าไปสู่ขอบเขตใหม่ ….” ซือเฟิงอธิบาย เมื่อเขาเห็นดวงตาของทุกคนที่จ้องมองมายังเขาอย่างคาดหวัง
การทะลุขีดจำกัดของร่างมานานั้นเป็นทิ่งที่เขาปราถนามาตลอดว่าจะทำให้สำเร็จ เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะเขาได้ และทำได้ก่อนเขา เขาต้องยอมรับเลยว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมีความสามารถอย่างแท้จริง และการมาถึงขั้นหกของเธอในชีวิตที่ผ่านมาของเขาก็ไม่่เรื่องบังเอิญแน่นอน เธอนั้นมีความสามารถมากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นหกที่มาถึงขั้นนี้ได้ด้วยความช่วยเหลือของกิลด้วยซ้ำ ….
“หัวหน้ากิล ร่างมานาไม่ใช่ว่าจะถึงจุดสมบูณณ์แบบแล้วงั้นหรอ หลังจากที่เราสามารถปลดล๊อคศักยภาพของมันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ? มันจะขึ้นไปเกินหนึ่งร้อยเปอ
เซ็นต์ได้ยังไง ?” ไฟเออร์แดนซ์ถามด้วยความประหลาดใจ
หลังจากที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ เธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงความสมบูรณ์แบบจากมัน และเมื่อเธอปรับแต่งมานาของเธอจากร่างมานาในการใช้สกิลและเวทย เธอก็รู้สึกว่ามันไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับการปรับปรุงอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงพบว่ามันยากที่จะจินตนาการได้อย่างแท้จริงว่าเธอจะสามารถทะลุขีดจำกัดไปได้อีก
ในขณะนี้นอกเหนือจากไฟเออร์แดนซ์ เสวี่ยเหวินโหรว Alluring Summer ชาโด้วซอร์ด โคล่า และคนอื่นๆนั้นก็เต็มไปด้วยความงงงวยมากเช่นกัน
ร่างมานาของพวกเขาควรจะมีความสมบูรณ์แบบแล้ว หลังจากมันถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แม้ว่าร่างมานาของพวกเขาจะยังคงปรับปรุงได้ต่อ แต่จริงๆมันก็ควรจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นสี่ได้แล้วเท่านั้น
“ฉันเชื่อว่าบางคนในหมู่พวกเราต้องเคยใช้สกิลหรือเวทย์มนต์ด้วยอัตราความสำเร็จในการใช้ที่มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่นอน ซึ่งนี่เราก็พูดถึงอะไรที่คล้ายๆกันในเรื่องของศักยภาพร่างมานา เพราะท้ายที่สุดแล้วหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดสำหรับร่างมานา แต่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่เท่านั้น อย่างไรก็ตามการจะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปให้ได้นั้นมันก็ยากมากๆ และพูดกันตรงๆแม้แต่ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งหมื่นคนนั้นก็หาสักคนที่จะทำแบบนี้ได้ยากมากๆหรืออาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ” ซือเฟิงอธิบายขณะที่เขาจ้องมองไปยังไวโอเล็ทคลาวด์ด้วยรอยยิ้มบางๆ “แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าไวโอเล็ตสามารถไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว แต่ฉันก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันได้จบลงแล้ว”
“จบลงแล้ว ? ไวโอเล็ตจะชนะการแข่งขันนี้งั้นหรอ ?” อควาโรสถาม เมื่อเธอได้ยินซือเฟิงพูดเช่นนั้น เธอก็รีบหันกลับไปโฟกัสให้ความสนใจบนเวทีที่ไวโอเล็ตคลาวด์และซินฟูลเฟรมกำลังต่อสู้กันอยู่ทันที
ในขณะนี้สกิลโดเมนของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้ลดร่างแยกของซินฟูลเฟรมมาเหลือแปดร่าง ซึ่งนี่มันก็หมายถึงว่าพลังการต่อสู้ของซินฟูลเฟรมนั้นจะลดลงสามสิบเปอเซ็นต์เป็นอย่างน้อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นโอกาสในการจะชนะของไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยังไม่ควรจะมีมากนัก
เพราะท้ายที่สุดเธอยังคงต้องรับมือกับร่างแยกจำนวนมาก และเธอก็อาจจะชะลอการเข้ามาใกล้ของซินฟูลเฟรมได้ แต่เธอก็ไม่สามารถจะห้ามไม่ให้เขาเข้าถึงตัวเธอได้
ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าหากผู้เล่นนักเวทย์หรือสายระยะไกลยอมให้ผู้เล่นระยะประชิดเข้าถึงตัวได้ ทุกอย่างมันก็แทบจะจบลงแล้ว ….
มันอาจเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป หากคู่ต่อสู้ของไวโอเล็ตคลาวด์ไม่ใช่ผู้เล่นระยะประชิด แต่เป็นผู้เล่นนักเวทย์หรือสายโจมตีระยะไกลแทน ซึ่งหากเป็นในกรณีนี้ไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดมานาที่ไวโอเล็ตคลาวด์แผ่ออกมาในตอนนี้นั้นมันน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ และด้วยมานาดังกล่าว มันก็จะทำให้เธอแทบจะสามารถควบคุมมานารอบตัวได้ทั้งหมด และทำให้คู่ต่อสู้ของเธอที่เป็นนักเวทย์หรือสายโจมตีระยะไกลใช้มานาได้ยาก ซึ่งนี่มันจะทำให้เธอได้เปรียบคู่ต่อสู้อย่างท่วมท้น
อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ซินฟูลเฟรมนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นผู้เล่นระยะประชิดเท่านั้น แต่อาชีพของเขายังเป็นอาชีพลับขั้นสูงสุดอย่างอัศวินเงา
อาชีพอัศวินเงานั้นเป็นเหมือนการผสมผสานกันของอาชีพ แอสซาซิน เบอเซิกเกอร์ และการ์เดี้ยนไนท์ โดยอาชีพนี้มันจะทำให้ผู้เล่นมีความคล่องตัวของแอสซาซิน มีความแข็งแกร่งของเบอเซิกเกอร์ และมีพลังการป้องกันของการ์เดี้ยนไนท์ เหนือสิ่งอื่นใดมาตราฐานการต่อสู้ของซินฟูลเฟรมก็สูงอย่างไม่น่าเชื่อด้วย นี่คือเหตุผลที่ซินฟูลเฟรมได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ อควาโรสจึงคิดว่ามันไม่น่าเชื่อเลยที่ไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะได้ เพราะท้ายที่สุดการมีมานาที่หนาแน่นและแข็งแกร่งขึ้นนั้นมันก็ช่วยเพิ่มแค่ประสิทธิภาพในการใช้สกิลและเวทย์ของไวโอเล็ตคลาวด์ขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าสกิลและเวทย์ไม่สามารถจะเข้าถึงเป้าหมายได้ มันก็ไร้ประโยชน์
ในตอนนี้อควาโรสเองก็ไม่ใช่คนเดียวที่มีความคิดแบบนี้ ทุกคนที่มาเข้าชมการต่อสู้ครั้งนี้นั้นก็ล้วนมีความคิดคล้ายๆกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่มันจัดเป็นสามัญสำนึกทั่วไปใน God domain แม้ว่าการมีมานาที่หนาแน่นและทรงพลังจะมีประโยชน์ต่อผู้เล่นอย่างมาก แต่มันจะสามารถใช้เรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้จริงๆก็ต่อเมื่อใช้จัดการกับมอนสเตอร์เท่านั้น
“มหัศจรรย์มาก !!! คุณสามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของตัวเองได้อย่างมากจริงๆ !!! และด้วยการทำแบบนี้ คุณจะสามารถติดสามอันดับแรกของรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ God domain ได้อย่างง่ายดายเลย !!! ซินฟูลเฟรมกล่าวยกย่อง เมื่อเขาเห็นการปะทุของมานาจากร่างของไวโอเล็ตคลาวด์ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวของเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากับทำให้มันคมชัดมากขึ้นด้วยซ้ำ
เมื่อซินฟูลเฟรมอยู่ห่างจากไวโอเล็ตคลาวด์ในระยะสิบหลา เขาก็แยกดาบใหญ่ของเขาออกเป็นดาบยาวสองเล่ม ก่อนจะใช้มันฟาดฟันเพื่อสร้างงูเงามากกว่าสองโหลขึ้นมา ซึ่งไม่เพียงแต่งูเงาพวกนี้จะว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พวกมันยังพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนและจุดบอดของไวโอเล็ตคลาวด์อย่างแม่นยำโดยมันทำให้เธอไม่มีที่ว่างที่จะหลบหรือปิดกั้นได้เลย
สกิลขั้นสาม Shadow Assault!
เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง Phantom Snakes!
ซินฟูลเฟรมนั้นได้รวมสกิลขั้นสามของเขาเข้ากับเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนี่มันทำให้การโจมตีของเขานั้นมีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีของแกรนลอร์ดมากกว่าสองโหลที่กำลังโจมตีไวโอเล็นคลาวด์พร้อมกัน และเมื่อเห็นสิ่งนี้นั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
“นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ? นี่เขาสามารถโจมตีพร้อมกันได้มากกว่าสองโหลโดยมีพลังเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันเนี่ยนะ ?! ใครจะไปหยุดสิ่งนั้นได้กัน ?”
“นี่คืออีกหนึ่งเครื่องหมายการค้าของซินฟูลเฟรม เทคนิค Integration งั้นหรอ ? ถ้าฉันสามารถเรียนรู้เทคนิคนี้ได้บางส่วน ฉันก็แทบจะไร้เทียมทานในอาณาจักรเล็กๆได้
เลย”
“แต่เด็กสาวคนนั้นจากสภาสิบแปดปีกก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เธอบังคับให้ซินฟูลเฟรมต้องเปิดเผยการเคลื่อนไหวที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเธอจะแพ้ แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็จะยังคงจัดว่าอยู่ในระดับต้นๆในหมู่รุ่นเยาว์ของ God domain แน่นอน”
แม้ว่าสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่จะรู้สึกทึ่งในเทคนิคของซินฟูลเฟรม แต่พวกเขาก็รู้สึกชื่นชมและอิจฉาไวโอเล็ตคลาวด์มากกว่า เพราะแม้ว่าเธอจะยังคงเป็นแค่เด็กสาว แต่เธอก็กดดันให้ตัวตนระดับตำนานอย่างซินฟูลเฟรมต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อเอาชนะเธอให้ได้ ….
ด้วยความสามารถเช่นนี้ อนาคตของไวโอเล็ตคลาวด์จะไร้ขีดจำกัดแน่นอน และอีกไม่กี่ปีเธอจะกลายเป็นหนึ่งในตัวตนระดับตำนานของโลกเกมเสมือนจริงแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เมื่องูเงาเข้ามาถึงระยะหนึ่งใกล้กับไวโอเล็ตคลาวด์แล้ว เครอลิคที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เริ่มเคลื่อนไหว
“หายไปซะ !!!” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มมต่ำ และงูเงาทุกตัวที่พยายามจะโจมตีเธอก็หายไปทันที
และก่อนที่ใครจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ได้ มานาที่หนาแน่นโดยรอบไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็บดาบเงาที่ทรงพลังอีกครั้ง โดยครั้งนี้มันมีทั้งหมดสามสิบหกเล่ม ยิ่งไปกว่านั้นดาบเงาทั้งสามสิบหกเล่มนี้ยังสามารถตัดผ่านและทำให้เกิดรอยแยกมิติได้ด้วยในขณะที่มันหมุนรอบตัวไวโอเล็ตคลาวด์
“รอยแยกมิติ ?!”
“เป็นไปไม่ได้ !!”
ทุกคนตกตะลึง เมื่อเห็นดาบเงาหมุนรอบไวโอเล็ทคลาวด์
พลังของดาบเงาก่อนหน้านี้ที่ไวโอเล็ทคลาวด์เรียกมาใช้นั้น มันสามารถเทียบได้กับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันเท่านั้น และมันก็จะมีแค่เฉพาะในเวลาที่เธอใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงเท่านั้น ดาบเงาของเธอจึงจะสามารถแสดงพลังที่มาตราฐานของขั้นสี่ออกมาได้ อย่างไรก็ตามการใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงแดงนั้นมันต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก ดังนั้นไวโอเล็ตคลาวด์จึงไม่สามารถจะทำการโจมตีที่มาตราฐานของขั้นสี่ได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ เธอต้องรอโอกาสที่จะโจมตีอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ดาบเงาของเธอทุกเล่มกับมีมาตราฐานพลังที่ขั้นสี่ทั้งหมด การที่เธอเพิ่มพลังการต่อสู้ได้มากขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งถึงได้เลย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ แต่ไวโอเล็ตคลาวด์สามารถจะปลดปล่อยพลังในการโจมตีขั้นสี่ของเธอออกมาได้แบบสบายๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอยังมีดาบเงาสามสิบหกเล่มที่มีพลังของขั้นสี่อยู่ภายใต้คำสั่งของเธอ
ในขณะนี้นับประสาอะไรกับผู้ชม แม้แต่ซินฟูลเฟรมก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงกับสถานการณ์นี้
ในช่วงเวลาสั้นๆที่ซินฟูลเฟรมกำลังมึนงงนี้ ดาบเงาสามสิบหกเล่มของไวโอเล็ตคลาวด์ก็มาล้อมรอบตัวเขา และหยุดห่างจากเขาเพียงหนึ่งนิ้ว และตอนนี้หากทำการเคลื่อนไหวแปลกๆหรือเกินพิกัดมันก็จะทำให้เขาสัมผัสถูกดาบเงาที่มีพลังเท่ากับขั้นสี่ทันที
อย่างไรก็ตามไวโอเล็ตคลาวด์ก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม เธอเพียงแค่ตรึงซินฟูลเฟรมไว้ที่ตำแหน่งปัจจุบันของเขาและมองไปยังเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น
“ฮ่า …. คุณซ่อนความแข็งแกร่งไว้อย่างลึกซึ้งมากจริงๆสาวน้อย เอาล่ะ ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ …” ซินฟูลเฟรมถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าการจะออกจากวงล้อมของดาบเงาทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้
ก่อนหน้านี้ไวโอเล็ตคลาวด์สามารถจะโจมตีโดยมีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือจากดาบเงาทั้งหมดของเธอ มันจะมีเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ อย่างไรก็ตามตอนนี้เด็กสาวกับควบคุมดาบเงาสามสิบหกเล่มที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นวัดจากท่าทีของเด็กสาวตอนนี้แล้ว การควบคุมทั้งสามสิบหกเล่มนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมากนักด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกจะยอมแพ้ทันที เพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถจะต่อกรกับเธอได้แล้ว
ซึ่งทันทีที่ซินฟูลเฟรมกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ เสียงระฆังของเวทีก็ดังขึ้นซึ่งมันก็บ่งบอกถึงการสิ้นสุดการแข่งขัน และชื่อของไวโอเล็ทคลาวด์กปรากฎขึ้นเหนือเวทีพร้อมกับคำว่า “Winner” โดยนี่มันก็ทำให้สนามประลองทั้งหมดเงียบลงทันที ในขณะที่ทุกคนก็จ้องมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ ….