ตอนที่ 2610 สภาสิบแปดปีกที่น่ากลัว
“ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม ? นี่ซินฟูลเฟรมแพ้จริงๆงั้นหรอ ?”
“นี่มันบ้าแล้ว !!! แน่ใจหรอว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่ปลอมตัวมา ?!!”
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะ แต่ถ้าให้ฉันเดา ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็น NPC ของสภาสิบแปดปีกที่ปลอมตัวมา ไม่เช่นนั้นผู้เล่นขั้นสามจะควบคุมดาบเงาสามสิบหกเล่มที่มีพลังเทีนบเท่ากับมาตรฐานของขั้นสี่ได้สบายๆได้ยังไงกัน ?”
มันใช้เวลานานมากกว่าที่หลายคนจะยอมรับผลการแข่งขันได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนหายจากอาการเหล่านี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามในการต่อสู้ของคู่นี้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นไม่ใช่มนุษย์
ความแข็งแกร่งของซินฟูลเฟรมนั้นฝังรากลึกลงไปในหัวใจของทุกคน ปัจจุบันมันไม่มีใครเชื่อเลยว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะซินฟูลเฟรมได้จริงๆ ในความเป็นจริงพวกเขาสงสัยตั้งแต่ตอนที่ไวโอเล็ตคลาวด์กดดันให้ซินฟูลเฟรมนั้นต้องปฎิบัติกับเธออย่างจริงจังแล้ว
อย่างไรก็ตามถึงที่สุดแล้วไม่เพียงแต่ไวโอเล็ตคลาวด์จะบังคับให้ซินฟูลเฟรมต้องใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาออกมา แต่เธอยังเอาชนะชายคนนี้ได้ด้วย ยิ่งไกว่านั้นมันยังเป็นชัยชนะที่ท่วมท้นซึ่งซินฟูลเฟรมนั้นไม่สามารถจะตอบโต้ได้เลย และก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับผลของการต่อสู้ ซึ่งนี่มันทำให้ผู้ชมนั้นไม่สามารถคาดเดาความแตกต่างของพลังการต่อสู้ระหว่างไวโอเล็ตคลาวด์และซินฟูลเฟรมได้เลย
ซินฟูลเฟรมนั้นนับเป็นตัวแทนของผู้เล่นที่แทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แต่เด็กสาวตัวเล็กๆที่อายุยังน้อยมากๆกับสามารถจะปราบปรามผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้ แถมยังทำได้ในสถานการณ์ที่ทั้งสองมีค่าสถานะเท่ากันด้วย ความสำเร็จของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมันจัดว่าท้าทายสามัญสำนึกมากๆ
ในขณะที่ทุกคนในปัจจุบันนี้นั้นเคยเห็นอัจฉริยะมาก่อน แต่อัจฉริยะเหล่านี้ก็ล้วนมีขีดจำกัดของตัวเอง สำหรับไวโอเล็ตคลาวด์นั้นเธอไม่สามารถถูกมองได้ว่าเป็นอัจฉริยะอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดความสำเร็จของเธอนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นในปัจจุบันที่จะทำได้
ในตอนนี้นับประสาอะไรกับมหาอำนาจต่างๆ แม้แต่สมาชิกของหอการค้าอาซูก็ยังพบว่าสถานการณ์นี้มันไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโซริทารี่ฟรอสต์ และต้วนฮันซานที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที
“วอร์นเดอร์ไม่ได้บลัฟ ….” เมื่อโซริทารี่ฟรอสต์นึกย้อนไปถึงคำที่ไซเร้นวอร์นเดอร์พูดก่อนหน้านี้ เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “สภาสิบแปดปีกเป็นกิลประเภทไหนกัน ?”
เมื่อไซเร้นวอร์นเดอร์ประกาศว่ามีคนอายุน้อยที่แข็งแกร่งกว่าตัวเธอเองในสภาสิบแปดปีก โซริทารี่ฟรอสต์รู้สึกว่าเธอแค่พยายามจะโฆษณาและยกระดับชื่อเสียง
ของกิลเธอเท่านั้น
ย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้รับการฝึกจากไวโอเล็ตซอร์ด เขาได้ฝึกฝนกับรุ่นเยาว์ของไวโอเล็ตซอร์ดมามากมาย อย่างไรก็ตามมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสู้กับเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่จะเอาชนะเขาได้ ซึ่งมีน้อยกว่ามากเลย
ความจริงที่ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นเหนือกว่าเขามันก็จัดว่าเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์มากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ในทวีปด้านตะวันออก สภาสิบแปดปีกก็ยังคงเป็นเพียงกึ่งมหาอำนาจเท่านั้น แล้วกิลเช่นนี้จะเลี้ยงดูรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ขึ้นมาได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแต่สภาสิบแปดปีกจะสามารถเลี้ยงดูรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ขึ้นมาได้ แต่รุ่นเยาว์ที่ว่านี้ยังแข็งแกร่งกว่าและสามารถเอาชนะซินฟูลเฟรมที่เป็นตัวตนระดับตำนานได้ด้วย
“เด็กหญิงตัวเล็กๆจากสภาสิบแปดปีกนั่นแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน ? นี่เป็นสาเหตุที่ตระกูลหลงยืนยันและยอมให้ไซเร้นวอร์นเดอร์อยู่ในสภาสิบแปดปีกต่องั้นหรอ ?” ต้วนฮันซานเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆเรื่องในแบบของเขา ขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ ก่อนที่จะหันมามองหลงหวู่ชางและสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลหลง
ต้วนฮันซานนั้นตระหนักดีถึงพรสวรรค์ในการต่อสู้ของไซเร้นวอร์นเดอร์ และนับรวมมูนซิลค์ของตระกูลหลงไปด้วยเลยก็ได้ ให้พูดกันจริงๆตอนนี้ทั้งสองควรจะด้อยกว่าแม้กระทั่งหยานเซี่ยวเฉียน ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงโซริทารี่ฟรสอต์เลย
ก่อนหน้านี้เมื่อไซเร้นวอร์นเดอร์เอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ ต้วนฮันซานก็ยังพอจะรับได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นก็มีความสามารถพิเศษบางอย่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว และแม้ว่าตอนแรกความสามารถในด้านการต่อสู้ของเธอจะด้อยกว่าสมาชิกชั้นยอดของหอการค้าอาซูส่วนใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยหากเธอจะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้แบบพุ่งพรวดพราด หลังจากได้รับข้อมูลเชิงลึก หรือได้รู้แจ้งบางอย่าง
อย่างไรก็ตามความสามารถของไวโอเล็ทคลาวด์นั้นทำให้ต้วนฮันซานสรุปได้เลยว่าการเติบโตอย่างกระทันหันของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการรู้แจ้งบางอย่าง หรือได้รับข้อมูลเชิงลึก แต่สภาสิบแปดปีกต่างหากที่น่าจะเป็นสาเหตุ
หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ต้วนฮันซานก็เริ่มไตร่ตรองและคิดเกี่ยวกับแผนการของเขาใหม่
สำหรับตระกูลผู้ถือหุ้นต่างๆของหอการค้าอาซู รุ่นเยาว์นั้นเป็นตัวแทนของอนาคตของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดสมาชิกรุ่นเยาว์จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกิลในอนาคต ดังนั้นหอการค้าอาซูจึงให้ความสำคัญกับการดูแลและเรื่องราวของรุ่นเยาว์ของตัว
เองมากๆ
ในเกมเสมือนจริงนั้น ตราบใดที่คนๆหนึ่งมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ คนๆนั้นก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องจะขาดเส้นทางเลย นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน God domain ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เป็นโลกที่สองของมนุษย์ และ God domain นั้นก็ยังจะสามารถช่วยยืดอายุของผู้ที่ใช้มันออกไปได้ด้วย และสำหรับผู้ที่มีความแข็งแกร่ง God domain นั้นก็แสดงถึงการเริ่มต้นของยุคทอง
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลผู้ถือหุ้นของหอการค้าอาซูหลายรายพยายามอย่างมากที่จะรักษาการสนับสนุนจากบริษัทซีอุสไว้
ใน God domain ความแข็งแกร่งนับเป็นรากฐานของทุกสิ่ง และหากไม่มีความแข็งแกร่งในด้านใดด้านหนึ่ง คนๆหนึ่งก็แทบจะไร้ค่าไปเลยในนี้
อย่างไรก็ตามในขณะที่ต้วนฮันซานกำลังมีความคิดเช่นนั้น หลงหวู่ชางซึ่งยืนอยู่ห่างจากเขาออกไปก็เต็มไปด้วยความงุนงงมากๆ
ในขณะนี้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนมากๆ หลงหวู่ชางไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เพราะไม่เพียงแต่ไซเร้นวอร์นเดอร์จะเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ และกลายเป็นดาวที่เปล่งประกายในตระกูล แต่เธอยังได้ยอมรับคำท้าจากซินฟูลเฟรม ซึ่งนี่ช่วยยกระดับความคิดที่ดีของเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสอิสระเกี่ยวกับตัวของเธอขึ้นอย่างมาก
แถมตอนนี้ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยังสามารถจะเอาชนะซินฟูลเฟรมได้ ซึ่งมันเป็นความสำเร็จที่หลายคนนั้นแทบไม่เคยวาดฝันเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้
ความสามารถของสภาสิบแปดปีกในการเลี้ยงผู้เหล่าผู้เล่นของตัวเองนั้นมันเหนือกว่าที่หลงหวู่ชางจินตนาการไว้อย่างมาก
ด้วยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก ตระกูลหลงอาจจะทำหลายสิ่งได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนของบริษัทซีอุส เพราะท้ายที่สุดตระกูลหลงนั้นมีเงินทุนมากมาย สิ่งที่พวกเขาต้องการมีเพียงทรัพยากร และการเชื่อมต่อที่เป็นคอนเนคชั่นของบริษัทซีอุสเท่านั้น
เมื่อหลงหวู่ชางนึกถึงวิธีที่เขาวางแผนจะเจรจากับสภาสิบแปดปีกเพื่อให้หยุดขัดขวางอนาคตของไซเร้นวอร์นเดอร์ เขาก็พบว่าความคิดของตัวเองมันน่าหัวเราะมากๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความสงสัย และเต็มไปด้วยความประหลาดใจกับผลลัพธ์ของการแข่งขันครั้งนี้ ซินฟูลเฟรมก็ได้เดินเข้าไปหาไวโอเล็ตคลาวด์
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าคนอื่นจะพูดอะไร แต่ฉันเชื่อและยอมรับอย่างจริงใจถึงความพ่ายแพ้ของฉัน …” ซินฟูลเฟรมกล่าวอย่างจริงจังขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ต
คลาวด์ “แต่มันมีอย่างหนึ่งที่ฉันอยากจะขอถามคุณได้ไหม ?”
“ถามอะไรงั้นหรอ ?” ไวโอเล็ตคลาวด์ถาม เนื่องจากซินฟูลเฟรมใจกว้างและยอมรับอย่างจริงใจเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของเขา เธอจึงไม่คิดจะปฎิเสธเรื่องที่เขาต้องการถาม
เมื่อได้ยินคำตอบของไวโอเล็ตคลาวด์ ซินฟูลเฟรมก็ถามอย่างรวดเร็วว่า “คุณจัดการยกระดับความหนาแน่นของมานาของคุณให้สูงขึ้นได้อย่างไร ? คุณยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์งั้นหรอ ?”
เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของไวโอเล็ตคลาวด์
ในช่วงเริ่มต้นนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างของไวโอเล็ตคลาวด์ได้แผ่มานาที่หนาแน่นมากๆออกมา และเขาก็มั่นใจว่าเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตามในตอนท้ายของการแข่งขัน ออร่าและความหนาแน่นของมานาที่เธอแผ่ออกมามันกับยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก และมันก็ทำให้สกิลกับเวทย์ของเธอยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก เขาจึงไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเธอทำมันได้ยังไง
“ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ว่าฉันพึ่งจะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้เท่านั้น ดังนั้นฉันจึงสามารถปลดปล่อยมานาที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้อีกมาก” ไวโอเล็ตคลาวด์อธิบายอย่างใจเย็น
ความจริงที่ว่าร่างมานานั้นสามารถปลดล๊อคศักยภาพได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ มันไม่ได้จัดว่าเป็นความลับมากนัก ในความคิดของเธอมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างซินฟูลเฟรมจะประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดในเมื่อเธอสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ มันก็ไม่มีทางที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างซินฟูลเฟรมที่มีมาตรฐานในการต่อสู้เหนือกว่าเธอจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าเธอสามารถทำได้เร็วกว่าซินฟูลเฟรม เพราะทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกมีให้
“คุณสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลยงั้นหรอ ?” ซินฟูลเฟรมอุทานด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้เขาใกล้จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เต็มทีแล้ว และในความคิดของเขา หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นก็หมายถึงความสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ระบบก็ควรกำหนดให้เป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร่างมานานั้นจะสามารถถูกปลดล๊อคศักยภาพได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
คำพูดของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้เปิดประตูสู่โลกใหม่สำหรับเขาเลย
“แล้วมีใครในกิลของคุณที่สามารถปลดล๊อคได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์อีกไหม ? …” ซินฟูลเฟรมถาม
เมื่อได้รู้ดังนี้นั้น ซินฟูลเฟรมก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์จะทำให้ผู้เล่นได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และแม้ว่าผู้เล่นที่ทำแบบนี้ได้จะยังเทียบพวกขั้นสี่ที่แท้จริงไม่ได้ แต่พวกเขาก็จะเหนือกว่าพวกขั้นสามทั่วไปมากๆแน่นอน
“นี่ … ฉันยังไม่รู้นะ … แต่มีอีกจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งเท่ากับฉัน นอกจากนี้มันก็ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าฉันอยู่อีกจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน …” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวตอบหลังจากครุ่นคิด
“ยังมีคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าคุณอยู่อีกจำนวนหนึ่งงั้นหรอ ?” ซินฟูลเฟรมหันกลับไปมองซือเฟิงและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีก ซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งของผู้ชมทันที เมื่อเขาได้ยินคำพูดของไวโอเล็ตคลาวด์ และจู่ๆเขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทัศน์ของเขากำลังพังทลายลง
ไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็จัดว่าแข็งแกร่งอย่างสัตว์ประหลาดแล้ว แต่สภาสิบแปดปีกกับมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าเธออีกงั้นหรอ ? สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?
อย่างไรก็ตามการสนทนาก็ดำเนินต่อไปไม่นานก่อนที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูจะกลับมาเริ่มอีกครั้ง และแม้ว่ามันจะไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับสองแมตซ์แรก แต่มันก็ยังคงจัดว่ามีความน่าดูอยู่บ้างในบางคู่
ในท้ายที่สุดไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ชนะเป็นที่หนึ่งในการแข่งขัน โซริทารี่ฟรอสต์นั้นมาเป็นที่สอง และหยานเซี่ยวเฉียนมาเป็นที่สาม ขณะที่เบิร์นนิ่งโอลมาเป็นที่สี่ ซึ่งนี่มันทำให้ตระกูลหลงได่รับความสนใจอย่างมากในการแข่งขันครั้งนี้ กระทั่งผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดบางส่วนก็ได้เลือกจะสนับสนุนไซเร้นวอร์นเดอร์กับตระกูลหลงไปแล้ว โดยฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้นั้นมันก็ทำให้หลายตระกูลที่ถือหุ้นอยู่เริ่มคิดแล้วว่าพวกเขาควรเข้าหาตระกูลหลงไหม ….
“โซริทารี่ เราจะทำยังไงกันดี ? เราจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้ฝึกสอนทอร์เร้นยังไง ?” หยานเซี่ยวเฉียนถามโซริทารี่ฟรอสต์ซึ่งยืนเงียบอยู่ข้างๆเธอ เมื่อเธอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ….
“เราจะทำอะไรได้อีกนอกจากบอกความจริง ?” โซริทารี่ฟรอสต์ถอนหายใจ “ถ้าเธอกลัวที่จะบอก เดี๋ยวฉันบอกเอง …”
หลังจากนั้นโซริทารี่ฟรอสต์ก็ได้ติดต่อไปหาผู้ฝึกสอนทอร์เร้นแห่งไวโอเล็ตซอร์ดเพื่อแจ้งเรื่องผลของการแข่งขันระหว่างตระกูล ….