ตอนที่ 2611 เฟรมแบร์เร่อ
เมืองไฟศักสิทธิ์ สถานที่พักกิลไวโอเล็ตซอร์ด :
ภายในปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินอุกกาบาต ผู้เล่นเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยจำนวนมากกว่าห้าสิบคนกำลังซ้อมและฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ต่างๆอยู่ โดยผู้เล่นเหล่านี้นั้นมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตการปรับแต่ง ขณะที่ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ ซึ่งที่พวกเขาฝึกนั่นก็คือ การผสานรวมสกิลและเวทย์เข้ากับเทคนิคการต่อสู้ โดยพวกเขาทำมันได้อย่างราบรื่น และนี่ก็ทำให้พวกเขาเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตเดียวกันทั่วไปมากๆ
“พวกคุณทุกคน เร่งฝึกและทำงานให้หนักขึ้น !!! การเปิดใช้งานปราสาทดาวโบราณนั้นต้องใช้หินมานาเป็นจำนวนมาก และมันก็จำกัดจำนวนผู้เล่นที่จะสามารถเข้าไปฝึกภายในได้ในแต่ละครั้ง !!! หากพวกคุณคนใดไม่สามารถผ่านการทดสอบผสานรวมได้ในสัปดาห์นี้ คนอื่นๆที่รออยู่ก็จะเข้ามาแทนที่คุณ !!!” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีเทาเข้มและมีรอยมีดบนใบหน้าของเขาตะโกน ขณะที่เขาตรวจสอบผู้เล่นที่ฝึกอยู่ในปราสาท
“ผู้ฝึกสอนไวน์ไฟเตอร์ ความต้องการของคุณนั้นสูงเกินไป มันไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้เหมือนกับโซริทารี่ฟรอสต์ที่สามารถผสานรวมเทคนิคการต่อสู้เข้ากับสกิลหรือเวทย์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์” หญิงสาวผมแดงในชุดเสื้อคลุมนักเวทย์สีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างๆชายวัยกลางคนกล่าวขณะส่ายหัว
“ฉันได้ลดความต้องการลงอย่างมากแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องทำให้ได้แค่ในขั้นพื้นฐานเท่านั้นในการผสานรวมเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงเข้ากับสกิลและเวทย์ภายในสิบวัน ถ้าเป็นโซริทารี่ฟรอสต์ ฉันจะให้เขาสูงสุดแค่สามวัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลามามากกว่าครึ่งของเวลาที่กำหนดแล้ว แต่ผู้มาใหม่เหล่านี้ก็ยังคงติดอยู่กับการผสานรวมเทคนิคขั้นพื้นฐานเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกหน้าใหม่ที่กิลรับสมัครเข้ามาจะอ่อนแอลงไปทุกทีๆในแต่ละรุ่น …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยความไม่พอใจ ขณะเขามองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่ฝึกฝึกอยู่ตรงหน้าเขา “พวกเขาด้อยกว่ารุ่นเรามากๆ”
“รุ่นเรา ?” หญิงสาวผมแดงยิ้มอย่างขมขื่นให้กับคำพูดของไวน์ไฟเตอร์ “ผู้บัญชาการเป็นสัตว์ประหลาดที่โผล่ออกมาคนเดียวในรุ่นเรา ฉันไม่คิดว่าตอนนั้นคนอื่นๆในรุ่นเราจะดีกว่าพวกหน้าใหม่เหล่านี้นะ …”
“ทำไมคุณต้องถ่อมตัวด้วยล่ะ ? พรสวรรค์ของคุณก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโซริทารี่ฟรสอต์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าคุณเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไปหน่อย ซึ่งตรงกันข้ามกับโซริทารี่ฟรอสต์ที่มาเรียนรู้แบบเฉพาะเจาะจง ไม่งั้นตอนนี้คุณก็คงจะกลายเป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองของกิลแล้ว” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวพลางกลอกตามองไปที่หญิงสาวผมแดง
หญิงสาวผมแดงคนนี้นั้นมีชื่อว่าคริมสันสตาร์ และเธอเป็นคนที่ศาลาลับให้ฉายาว่าแม่มดพันมือ ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไวโอเล็ตซอร์ด ในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้นั้น เธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไวน์ไฟเตอร์เลยแม้แต่น้อย ในความเป็นจริง ถ้าทั้งสองคนต้องดวลกัน โอกาสที่ไวน์ไฟเตอร์จะชนะจะมีแค่ราวสามสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ
“ไม่ว่าคุณจะประเมินโซริทารี่ฟรอสต์ไว้สูงแค่ไหน แต่คุณก็ไม่สามารถปกปิดฉันได้หรอกนะว่าคุณจงใจปล่อยให้การต่อสู้ระหว่างเขากับคุณจบลงด้วยผลเสมอ ซึ่งคุณทำแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจและภาคภูมิใจให้เขา” คริมสันสตาร์กล่าว
“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ แม้ว่าฉันจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่นั่นมันก็เป็นเพราะฉันเห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์นั้นยังเด็กและมีพรสวรรค์สูงมาก แถมเขายังมีเวลาเติบโตอีกมาก ยังไงซะในอนาคตฉันก็จะต้องแพ้เขาอยู่ดี” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่เพราะการต่อสู้ครั้งนั้นรึไง ? มันถึงทำให้ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นเต็มใจจะสอนเขา”
“นั่นก็จริง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้ฝึกสอนทอร์เร้นจะเต็มใจสอนให้ใครสักคนเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ฉันเองก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกันเมื่อได้ยินข่าวนี้ แต่น่าเสียดายที่กิลค่อนข้างขาดแคลนผู้เล่นสายอาชีพระดับปรมาจารย์ และการผลิตไอเทมนั้นมันก็ต้องใช้เวลามากเกินไป ไม่งั้นโซริทารี่ฟรอสต์คงจะได้เข้าสู่ดินแดนลับโบราณ และได้รับคำแนะนำเป็นการส่วนตัวจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้นแน่นอน โดยหากเป็นเช่นนั้น เขาจะสามารถเอาชนะคุณได้แน่นอน หลังจากออกจากดินแดนลับ” คริมสันสตาร์กล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไวน์ไฟเตอร์
“ฉันเชื่อว่ามันคงอีกไม่นานก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตอนนี้กลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์ได้กลับไปเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูแล้ว และชะตากรรมของตระกูลหลงนั้นก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หากตระกูลหลงยังคงปราถนาที่จะรักษาสิทในการปกครองเหนือหอการค้าอาซู พวกเขาก็จะต้องยอมและผลิตสิ่งที่เราต้องการให้อย่างเชื่อฟัง ไม่งั้นบริษัทซีอุสจะมอบสิทในการปกครองหอการค้าอาซูให้ตระกูลอื่นแน่นอน” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
“ฉันได้ยินมาว่าตระกูลหลงนั้นมีอัจฉริยะที่ทรงพลังมากๆที่ชื่อว่ามูนซิลค์ และความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็เป็นรองแค่โซริทารี่ฟรอสต์เท่านั้น และหากมูนซิลค์ได้อันดับสองในการแข่งขัน ตระกูลหลงอาจจะไม่ยอมเราในเรื่องนี้นะ …” คริมสันสตาร์ให้ความเห็น
“ผ่อนคลายเถอะน่า ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นได้ให้คำแนะนำแก่หยานเซี่ยวเฉียนเป็นการส่วนตัว และช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเธอได้อย่างมาก ตราบใดที่มูนซิลค์นั้นยังไปไม่ถึงขอบเขตโดเมน เธอก็จะไม่มีทางเทียบกับหยานเซี่ยวเฉียนได้เลย” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวอย่างมั่นใจ
โซริทารี่ฟรอสต์อาจเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม แต่หยานเซี่ยวเฉียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขามากนักเช่นกัน เพียงแต่เธอทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปให้กับการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ของเธอในการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ความแข็งแกร่งของเธอก็ไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตอนันต์แล้วเช่นกัน
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามูนซิลค์มาถึงขอบเขตโดเมนรึยัง แต่ฉันเจอข่าวลือที่ระบุว่าเฟรมแบร์เร่อนั้นกำลังทำการฝึกสอนมูนซิลค์เป็นการส่วนตัวอยู่ แม้ว่าฉันจะยังไม่สามารถยืนยันรายละเอียดของข้อมูลนี้ได้ แต่เพื่อนของฉันที่ส่งข่าวมาก็ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซึ่งข้อมูบนี้มีสิทเป็นจริงราวเก้าสิบเปอเซ็นต์เลย” คริมสันสตาร์กล่าวเตือน
“อะไรกัน ? นี่มูนซิลค์ไปดึงดูดความสนใจของเฟรมแบร์เร่อได้จริงๆงั้นหรอ ? เป็นไปได้ยังไง ? แม้ว่าผู้ฝึกสอนทอร์เร้นจะร้องขอให้เฟรมแบร์เร่อฝึกให้ผู้บัญชาการของเราในตอนนั้นเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ยังไม่ยอมทำเลย และมูนซิลค์ไปดึงดูดความสนใจของเฟรมแบร์เร่อได้ยังไงกัน ?” ไวน์ไฟเตอร์ ประหลาดใจกับข้อมูลที่คริมสันสตาร์เปิดเผย
เฟรมแบร์เร่อนั้นเป็นดั่งตำนานในโลกเกมเสมือนจริง ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเฟรมแบร์เร่อ ไม่มีใครรู้จักอายุของเฟรมแบร์เร่อ อย่างไรก็ตามมันไม่มีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับตัวตนและการดำรงอยู่ของเฟรมแบร์เร่อเลย เนื่องจากเฟรมแบร์เร่อนั้นเป็นเหมือนกับดวงดาวที่เปล่งแสงตลอดเวลาที่มีอยู่ในโลกเกมเสมือนจริงเพียงไม่กี่ดวง และตามข่าวลือแม้แต่หัวหน้ากิลของไมโทโลจี้ก็ยังไปขอคำแนะนำจากเฟรมแบร์เร่อจนเขาสามารถจะพัฒนากิลของเขาให้กลายเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้กับมีข่าวออกมาว่าเฟรมแบร์เร่อกำลังทำการฝึกสอนให้กับมูนซิลค์เป็นการส่วนตัวอยู่ นี่มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย เพราะแม้แต่ผู้บัญชาการของเขาในตอนนั้นก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากเฟรมแบร์เร่อด้วยซ้ำ
“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่มันมีข่าวลือว่าเฟรมแบร์เร่อนั้นมีวิธีการคัดเลือกพิเศษเฉพาะตัวที่จะคัดเลือกคนมาฝึกกับเขาเป็นส่วนตัว บางทีมูนซิลค์อาจจะมีคุณสมบัติบางอย่างพิเศษของเธอเอง …” คริมสันสตาร์กล่าวพลางส่ายหัว ในความเป็นจริงเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเฟรมแบร์เร่อถึงเลือกมูนซิลค์
“ถ้ามูนซิลค์ได้รับคำแนะนำจากเฟรมแบร์เร่อจริงๆหยายเซี่ยวเฉียนก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวอย่างเป็นห่วง
ไวน์ไฟเตอร์ไม่สงสัยเลยว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซู เพราะแม้ว่ามูนซิลค์จะได้รับคำแนะนำจากเฟรมแบร์เร่อก็ตาม แต่มันก็ยังมีความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตโดเมนได้อย่างรวดเร็วในตอนที่ฝึกฝน ไม่เช่นนั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็คงไม่หายากแบบนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องอันดับหนึ่งนั้นจะไม่เป็นปัญหา แต่เรื่องอันดับสองก็มีน่าห่วงอยู่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหยานเซี่ยวเฉียนนั้นยังไปไม่ถึงขอบเขตโดเมน
ในขณะที่ไวน์ไฟเตอร์และคริมสันสตาร์กำลังพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ชายชราผมขาวก็เดินเข้ามา ซึ่งมันทำให้ไวน์ไฟเจอร์ และคริมสันสตาร์นั้นรีบตรงเข้าไปทักทายเขาทันที
โดยชายชราคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ซึ่งเป็นตัวตนระดับตำนานของไวโอเล็ตซอร์ด
อย่างไรก็ตามทันทีที่ทอร์เร้นมาถึงนั้นเขาก็แผ่ออร่าที่เย็นยะเยือกออกมา และแม้แต่ไวน์ไฟเตอร์กับคริมสันสตาร์ก็ยังตัวสั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อสัมผัสได้ถึงออร่านี้
“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น คุณไม่ได้ส่งกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์ไปเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูงั้นหรอ ? หรือมันมีบางอย่างเกิดขึ้น ?” ไวน์ไฟเตอร์ถามอย่างสงสัยเมื่อพิจารณาถึงออร่าเย็นยะเยือกที่ทอร์เร้นแผ่ออกมา เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
“ฉันไปมานั่นแหละ แต่ฉันก็ออกไปทำธุระหลายอย่างด้วยในระหว่างรอผลการแข่งขัน พอฉันทำงานของฉันเสร็จ ฉันก็ได้รับข้อความที่ระบุว่าพวกเขาแพ้ในการแข่งขันระหว่างตระกูล และมีบางคนจากตระกูลหลงได้อันดับหนึ่งไป !!!” ทอร์เร้นกล่าวอย่างหัวเสีย
“พวกเขาแพ้ ? โซริทารี่ฟรอสต์แพ้ ? เป็นไปได้ยังไงกัน ?” ไวน์ไฟเตอร์ตกตะลึงกับคำพูดของทอร์เร้น เขาถามทันทีว่า “เป็นฝีมือมูนซิลค์จากตระกูลหลงงั้นหรอ ?”
“ไม่ ฉันได้ยินมาว่าเป็นฝีมือของไซเร้นวอร์นเดอร์ ลูกสาวคนรองของตระกูลหลง …” ทอร์เร้นตอบพลางส่ายหัว
“ไม่ใช่มูนซิลค์ ?” ดวงตาของไวน์ไฟเตอร์เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้รู้ข่าวนี้ ครู่หนึ่งเขาสงสัยว่าทอร์เร้นกำลังโกหกเขา “ไซเร้นวอร์นเดอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญการเล่นแร่แปรธาตุเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หรอ ? จากรายงานที่เราได้รับมา และนอกจากนี้ตามรายงานก็ระบุว่าเธออยู่แค่ครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ แล้วเธอจะไเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ยังไง ?”
ในการแข่งขันแบบนี้นั้นมาตราฐานการต่อสู้คือส่วนสำคัญที่สุด แล้วผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตอนันต์จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้ยังไง ?
“ตอนนี้ในเมื่อตระกูลหลงได้อันดับหนึ่งไปแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าสิทในการปกครองหอการค้าอาซูของพวกเขาจะมั่นคงอยู่เหมือนเดิมสินะ …” คริมสันสตาร์ถามพลางขมวดคิ้ว
ผู้เล่นสายอาชีพระดับปรมาจารย์นั้นมีความสำคัญต่อการพัฒนาของไวโอเล็ตซอร์ดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุ ในขณะเดียวกันไซเร้นวอร์นเดอร์ที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวก็จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์แล้วก็เป็นคนที่ไวโอเล็ตซอร์ดต้องการอย่างเร่งด่วน
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ฉันเชื่อว่าบริษัทซีอุสจะจัดการกับเรื่องนี้เอง และเมื่อถึงเวลาตระกูลหลงก็จะต้องยอมแพ้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการก็ตาม …” ทอร์เร้นกล่าวอย่างเย็นชา “อย่างไรก็ตามกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์นั้นทำให้ฉันผิดหวังอย่างแท้จริง พวกเขาแพ้กระทั่งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยังไปไม่ถึงขอบเขตโดเมนด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีกับพวกเขามากเกินไป หลังจากพวกเขากลับมา ไม่ต้องให้พวกเขามาพบฉัน บอกให้พวกเขาไปจารณาตัวเองซะ !!!”
เขาไม่เคยคิดเลยว่าแผนนี้ของไวโอเล็ตซอร์ดจะล้มเหลว และยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่เคยคิดเลยผู้ที่เขาควบคุมการฝึกให้ด้วยตัวเองจะพ่ายแพ้ต่อผู้ที่มีมาตราฐานด้อยกว่า
นี่มันเป็นความอัปยศอดสูสำหรับเขามากๆ !!!
ไวน์ไฟเตอร์ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของทอร์เร้น เขาพยายามจะเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมทอร์เร้น “ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย …”
อย่างไรก็ตามก่อนที่ไวน์ไฟเตอร์จะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ แอสซาซินขั้นสามก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
“รายงาน : มีคนที่อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกได้มาถึงที่ภายนอกของสถานที่พักกิลของเรา และเขาบอกว่าเขาต้องการเจรจากับพวกระดับสูงของเราเกี่ยวกับเรื่องหอการค้าอาซู คุณต้องการจะพบกับเขาไหม ?” แอสซาซินขั้นสามกล่าวด้วยความเคารพ
“สภาสิบแปดปีก ? นั่นคือกิลที่ไซเร้นวอร์นเดอร์อยู่มาตลอดใช่ไหม ?” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้นมากๆ “พวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร ? พวกเขามาเพื่อโน้มน้าวให้เราเปลี่ยนแผนเกี่ยวกับหอการค้าอาซูงั้นหรอ ?”
“กิลที่ไร้ชื่อเสียงต้องการพบกับเรา ? นี่พวกเขาเห็นไวโอเล็ตซอร์ดเป็นกิลแบบไหนกัน ?” ทอร์เร้นกล่าวพลางจ้องมองไปยังแอสซาซินขั้นสามอย่างเย็นชา “บอกให้พวกเขากลับไปซะ !!!”