ตอนที่ 2613 ข้อมูลอันน่าอัศจรรย์ และศักยภาพของสภาสิบแปดปีก
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง แอสซาซินขั้นสามก็ยังคงเยาะเย้ยทีมของซือเฟิงต่อไป
พวกเขาคิดว่าจะสามารถต้านทานออร่าของเหล่าผู้ฝึกสอนได้ด้วยการถอดเสื้อคลุมสีดำงั้นหรอ ?
เสื้อคลุมสีดำนั้นช่วยปกปิดข้อมูลบางอย่างของผู้เล่น แต่มันไม่สามารถซ่อนออร่าของผู้เล่นได้ ทุกคนใน God domain รู้เรื่องนี้ดี
แน่นอนว่ามันมีเครื่องมือที่สามารถช่วยปกปิดออร่าของผู้เล่นได้ แต่เครื่องมือเหล่านั้นกล้วนมีราคาแพงมาก และแทบไม่สามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ผู้เล่นที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญนั้นยังจะสามารถปกปิดออร่าของพวกเขาได้ด้วยสกิลหรือทักษะของตัวเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมือดังกล่าว
แม้แต่หลงหวู่ชางก็ยังมองไปยังซือเฟิงอย่างแปลกๆ เขาไม่เข้าใจว่าชายคนนี้พยายามจะทำอะไร
การที่ให้อควาโรสและคนอื่นๆถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออก มันก็จะเพียงแค่เปิดเผยข้อมูลต่างๆของพวกเขาออกมาเท่านั้น นั่นจะไม่ได้ช่วยให้พวกเขาสามารถต้านทานออร่าของสัตว์ประหลาดทั้งสามตรงหน้าได้เลย
ทอร์เร้น ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์ ต่างก็เป็นผู้ฝึกสอนในไวโอเล็ทซอร์ด และใครก็ตามที่สามารถมาถึงตำแหน่งผู้ฝึกสอนในซุเปอร์กิลได้นั้นอย่างน้อยก็จะต้องเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ซึ่งจัดว่าแทบจะเป็นพวกระดับสูงที่สุดในกิล
แถมซุเปอร์กิลยังได้รับอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดจำนวนมากมาในแต่ละวัน และซุเปอร์กิลอย่างไวโอเล็ทซอร์ดก็น่าจะเคยเห็นอาวุธกับอุปกรณ์มาแทบทุกระดับในเกมแล้ว อีกทั้งตอนนี้ไวโอเล็ตซอร์ดยังมีความโกรธและความตั้งใจที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กลุ่มของพวกเขาเพื่อไล่พวกเขาออกไป ดังนั้นอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดก็คงไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนความคิดของผู้ฝึกสอนทั้งสามคนนี้ได้
ในช่วงเวลาที่แอสซาซินขั้นสาม และหลงหวู่ชางกำลังสงสัยว่าซือเฟิงต้องการจะทำอะไร อควาโรสและคนอื่นๆก็ถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออก และเมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลของผู้เล่นเหล่านี้ แอสซาซินและหลงหวู่ชางก็เกือบจะเป็นลมด้วยความกตใจ
เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด !!!
ช่วงเวลาที่เสื้อคลุมสีดำถูกถอดออก ออร่าของผู้เล่นเหล่านี้ก็ระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ มานาโดยรอบนั้นมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วรอบๆพวกเขา และสร้างกระแสมานาขึ้นมาซึ่งมันทำให้ส่วนที่เหลือในห้องนั้นมีมานาเบาบางลงมาก และเมื่อหลงหวู่ชางกับแอสซาซินขั้นสามตระหนักได้ว่าออร่าเหล่านี้เทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย พวกเขาก็ก้าวถอยหลังไปประมาณหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
ในขณะเดียวกันกลุ่มของทอร์เร้นก็จ้องมองไปมายังซือเฟิงและทีมอย่างประหลาดใจ เมื่อพวกเขาได้เห็นเลเวลของทั้งหมดอย่างชัดเจน
“เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด ?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?! แม้แต่พวกที่บ้าเก็บเลเวลของกิลเราก็ยังมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่เท่านั้น !!! แล้วก็พวกเขามีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง ?!!” ไวน์ไฟเตอร์อุทานออกมาในแชททีมด้วยความตกใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังผู้เล่นของสภาสิบแปดปีก
เลเวลของพวกเขาทั้งสามคนนั้นไม่ได้สูงที่สุดในกิลอันเนื่องมาจากพวกเขาต้องทำหน้าที่ฝึกพวกหน้าใหม่ของไวโอเล็ตซอร์ดเสมอๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามากพอที่จะทุ่มเทให้กับการเก็บเลเวลทั้งหมด
แต่ถึงกระนั้นทั้งสามก็ยังไม่เคยตามหลังผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเกม เพราะในฐานะผู้ฝึกสอนที่มีตำแหน่งสูงมากในกิล พวกเขาจึงต้องรับผิดชอบต่อตัวเองเช่นกัน และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เก็บเลเวลได้เร็วมากนัก แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสอง ซึ่งเป็นเลเวลที่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้นผู้เล่นตรงหน้าของพวกเขากับมีเลเวลมากกว่าพวกเขาห้าเลเวล นี่จะให้พวกเขาพูดอะไรดี ?
ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังไม่ได้มีผู้เล่นแค่หนึ่งหรือสองคนที่อยู่ในเลเวลนี้ แต่สมาชิกทั้งแปดคนของสภาสิบแปดปีกที่ได้ถอดเสื้อคลุมสีดำของพวกเขาออกนั้นได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดทั้งหมดแล้ว
“นอกเหนือจากเรื่องเลเวลแล้ว ฉันยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองกันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และนี่มันก็ทำให้ฉันมั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้ใช้เครื่องมือพิเศษใดๆเพื่อปลอมเลเวลให้สูงขึ้นด้วย” คริมสันสตาร์กล่าวพลางส่ายหัว
ใน God domain มันมีวิธีเดียวที่จะเพิ่มเลเวลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือการล่ามอนสเตอร์ และยิ่งผู้เล่นต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งได้รับ EXP มากขึ้นเท่านั้น และหากผู้เล่นไปพยายามล่ามอนเสตอร์ที่มีเลเวลน้อยกว่าตั้งแต่สามเลเวลขึ้นไป ผู้เล่นก็จะได้รับ EXP น้อยกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์จากที่พวกเขาควรจะได้รับตามปกติเมื่อล่ามอนสเตอร์ในเลเวลเดียวกัน และหากพวกเขาพยายามจะล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลต่ำกว่าตั้งแต่หกเลเวลขึ้นไป พวกเขาก็จะไม่ได้รับ EXP ใดๆเลย
แม้ว่าการจะทำเควสจะช่วยให้ได้รับ EXP จำนวนมากเช่นกัน แต่เป้าหมายหลักจริงๆของการทำเควสก็คือการจัดหาเหรียญ อาวุธ อุปกรณ์ และพวกเครื่องมือพิเศษ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็วก็คือการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลเท่ากันหรือสูงกว่า
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีผู้เล่นเลเวลสูงคนใดใน God domain ที่ถูกมองว่าอ่อนแอ ในความเป็นจริงผู้เล่นทั่วไปส่วนใหญ่มองว่าเลเวลจัดเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งใน God domain โดยตรงด้วยซ้ำ
ในระหว่างที่ผู้ฝึกสอนทั้งสามกำลังเต็มไปด้วยความตกใจ ซือเฟิงก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาพวกเขา ซึ่งมันกลายเป็นว่าตอนนี้ซือเฟิงดูเหมือนเป็นศูนย์กลางของห้องนี้มากกว่า
“ตอนนี้เราพูดได้รึยัง ?” ซือเฟิงถามพลางมองไปยังผู้ฝึกสอนแต่ละคน
“เชิญเลย พูดมาได้เลยว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่วันนี้ ?” ทอร์เร้นถามโดยมองไปยังซือเฟิงอย่างจริงจัง เขาไม่ได้แสดงความโกรธหรือดูแคลนอีกต่อไป
ถ้าสภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นเพียงคนเดียวที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด อย่างมากที่สุดเขาก็จะประหลาดใจและยอมรับในความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญที่กิลมี แต่ในตอนนี้ไม่เพียงแต่มันจะมีผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดทั้งกลุ่มยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่พวกเขาทั้งหมดยังปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วด้วย ซึ่งนี่มันนับว่าพวกเขามีศักยภาพร่างกายที่ถึงขีดสุด โดยความสำเร็จนี้ไม่ได้เป็นเพียงผลจากความแข็งแกร่งส่วนบุคคลเท่านั้น แต่มันยังเป็นการแสดงถึงรากฐานและอำนาจของกิลด้วย
เนื่องจากสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญที่มีเลเวลสูงและสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจำนวนมาก ดังนั้นกิลจึงควรจะได้รับความเคารพในขั้นพื้นฐานจากเขา
หลังจากได้เห็นไซเร้นวอร์นเดอร์และคนอื่นๆด้วยตาตัวเอง ทอร์เร้นก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดไซเร้นวอร์นเดอร์จึงเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้
มันไม่มีความแตกต่างกันมากนักในระหว่างค่าสถานะพื้นฐานของผู้เล่นที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว กับผู้เล่นที่ยังปลดล๊อคไม่ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพลังการต่อสู้ของพวกเขา ซึ่งมันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างครึ่งขั้นเลย และมันไม่สามารถจะทดแทนช่องว่างนี้ได้ด้วยมาตราฐานหรือเทคนิคการต่อสู้
แม้ว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน แต่เขาก็ยังคงอายุน้อยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากนักกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังดิบมากกว่า ซึ่งนี่มันก็ทำให้ความพ่ายแพ้ของเขานั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“คุณนี่เป็นคนตรงไปตรงมาอย่างน่าประหลาดใจจริงๆ ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น งั้นในกรณีนี้ฉันก็จะพูดตรงๆเช่นกัน …” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยังทอร์เร้นที่ให้ความสนใจเขาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเข้ามา “ฉันมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของไซเร้นวอร์นเดอร์”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม หากคุณต้องการยืนยันว่าเธอเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก ไม่ใช่ของหอการค้าอาซู ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องมาพัฒนาในไวโอเล็ตซอร์ด คุณไม่จำเป็นต้องกังวล ฉันจะบอกพวกระดับสูงของฉันให้ปล่อยไซเร้นวอร์นเดอร์ไปสักคน” ไวน์ไฟเตอร์กล่าว
สภาสิบแปดปีกไม่ได้มีอำนาจมากนักในทวีปด้านตะวันตก แต่ศักยภาพของกิลก็จัดว่าน่าเหลือเชื่อมาก และในเรื่องการจะกลายเป็นศัตรูกับกึ่งมหาอำนาจกิลนี้เพราะไซเร้นวอร์นเดอร์แค่คนเดียว มันจึงไม่คุ้มค่าเลย
นอกจากนี้ไวโอเล็ตซอร์ดยังจะสามารถทำตามแผนการของตัวเองได้ แม้ว่าจะไม่มีไซเร้นวอร์นเดอร์ และที่แย่ที่สุดแผนของพวกเขาก็อาจจะต้องล่าช้าออกไปหน่อยเท่านั้นกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทซีอุสยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไวโอเล็ตซอร์ดยืนกรานจะเอาไซเร้นวอร์นเดอร์มาที่นี่ ซึ่งการที่บริษัททำแบบนี้นั่นก็เพราะ พวกเขารู้ดีว่าตระกูลหลงจะต้องปฎิเสธพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจะเชือดไก่ให้ลิงดูโดยใช้ตระกูลหลงเป็นตัวอย่าง เพื่อที่บริษัทจะได้รวมอำนาจภายใต้การบังคับบัญชาของบริษัทเข้ามาได้ โดยบริษัทใช้ไวโอเล็ตซอร์ดเพื่อทำเรื่องนี้
หลงหวู่ชางนั้นตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้ยินคำพูดที่พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วของไวน์ไฟเตอร์
เรื่องไซเร้นวอร์นเดอร์ได้รับการจัดการแล้ว ทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ?
ตระกูลหลงนั้นได้พยายามเจรจากับบริษัทซีอุสและไวโอเล็ทซอร์ดมาหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็ปฎิเสธพวกเขาเสมอ แถมพวกเขายังไปไกลถึงขนาดใช้สิทในการปกครองหอการค้าอาซูเข้าข่มขู่ตระกูลหลง
แต่ตอนนี้เมื่อซือเฟิงมาเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ดในครั้งแรก และกล่าวถึงไซเร้นวอร์นเดอร์แค่สั้นๆ ไวน์ไฟเตอร์กับตกลงที่จะยอมแพ้เรื่องเธออย่างง่ายดาย หลงหวู่ชางรู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในสถานที่พักกิลที่ไม่ถูกต้อง
แม้แต่ปากของไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ยังอ้ากว้างด้วยความประหลาดใจกับเรื่องนี้ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเจรจาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแบบนี้
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ทุกคนคิดว่าการเจรจาสิ้นสุดลงแล้ว ซือเฟิงก็ส่ายหัวขึ้นมา และพูดว่า “ไม่ใช่ ฉันเชื่อว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดไปบางอย่าง ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะคุยอะไร ?” “ไวน์ไฟเตอร์ถามอย่างงงๆ
นี่สภาสิบแปดปีกไม่ได้มาที่นี่เพื่อปรามแผนการของไวโอเล็ทซอร์ดงั้นหรอ ?
“สภาสิบแปดปีกต้องการจะเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ทซอร์ด ฉันรู้ว่ากิลของคุณได้เปิดดินแดนลับโบราณ ซึ่งต้องใช้เครื่องพิเศษในการเข้าไป ดังนั้นฉันจึงคิดว่ากิลของเราน่าจะทำงานร่วมกันได้ โดยสภาสิบแปดปีกต้องการช่องไม่มากนัก แค่ร้อยช่องก็พอ ….” ซือเฟิงกล่าว
ความจริงที่ว่าไวโอเล็ทซอร์ดอาศัยดินแดนลับโบราณเพื่อเพิ่มความเร็วในการพัฒนานั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับเลยในชีวิตที่ผ่านมาของเขา และช่วงเวลาที่หลงหวู่ชางปรากฎตัวขึ้นที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกครั้งแรก ซือเฟิงก็จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที
ดินแดนลับโบราณนั้นถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ให้สำเร็จ และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ไวโอเล็ทซอร์ดเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ขึ้นมาได้มากมาย ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ในความเป็นจริงตอนนั้นกิลมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปราวสองเท่าเลยทีเดียว
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณบ้ารึปล่าว ? คุณไม่รู้หรอว่าดินแดนลับนั่นมีช่องทั้งหมดกี่ช่อง ? คุณกำลังขอครึ่งหนึ่งของที่เรามีในตอนนี้เลยนะ !!!” คริมสันสตาร์พูดแทรกขึ้นมา
ดินแดนลับโบราณนั้นเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ความแข็งแกร่งของไวโอเล็ทซอร์ดพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นทุกช่องมันจึงมีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สภาสิบแปดปีกกับเรียกร้องขอถึงครึ่งหนึ่ง แม้คริมสันสตาร์จะมีบุคลิกที่ค่อนข้างโอนอ่อนตามสถานการณ์ แต่เธอก็ยังอดจะคิดไม่ได้ว่าซือเฟิงบ้าไปแล้ว
แถมเท่าที่ฟัง ซือเฟิงยังพูดแบบอ้อมๆโดยเสนอแค่ให้ปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงให้ความช่วยเหลือไวโอเล็ตซอร์ด นี่เขาคิดว่าไวโอเล็ทซอร์ดไม่มีบุคลากรด้านนี้ของตัวเองเลยรึไง ?
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันสัญญาว่าฉันสามารถจะช่วยคุณเข้ายึดดินแดนลับโบราณนี้ได้” ซือเฟิงกล่าวอย่างไม่เร่งรีบพลางหัวเราะเบาๆ
“ยึด ? นี่คุณคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนกัน ? คุณจะยึดครองดินแดนลับโบราณโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญสิบคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” คริมสันสตาร์กล่าวอย่งเยาะเย้ย
ผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจัดว่ามีค่ามากในตอนนี้ แต่ไวโอเล็ตซอร์ดก็สามารถจะได้รับมาด้วยตัวเองได้แน่นอนจำนวนหนึ่ง ในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนของกิลก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว และไวโอเล็ตซอร์ดจะสามารถยึดดินแดนลับโบราณนี้ได้แน่โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก ซึ่งอย่างมากมันก็จะช้าหน่อยแค่นั้น
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเสนอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ? …” ซือเฟิงถามพลางยิ้มให้กับคริมสันสตาร์อย่างสุภาพ