ตอนที่ 2625 หอการค้าอาซูที่โง่เง่า
“ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง …” เมื่อไวน์ไฟเตอร์ เห็นเรือเหาะมังกรสีเลือด และเม้าท์บินได้ใกล้เข้ามา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆออกมา และแสดงความเห็นว่า “ช่างเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าการปราบปรามในการทดสอบของโหมดฮีโร่ต่อร่างมานาของผู้เล่นนั้นมีมากแค่ไหน และในท้ายที่สุดพวกเขาก็จะต้องเสียเวลากับพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์”
“น่าเสียดายที่เราต้องเสียโอกาสในท้าทายโหมดฮีโร่ด้วย …” คริมสันสตาร์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา
แม้ว่าไวโอเล็ตซอร์ดจะสามารถผลิตเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับยืดเวลาในการอยู่รอดของผู้เล่นในดินแดนลับโบราณขึ้นมาได้ก่อนกำหนด เนื่องจากความช่วยเหลือของไซเร้นวอร์นเดอร์ และพวกเขาก็สามารถจะติดตามความเร็วในการผลิตของไมโทโลจี้ได้ทัน แต่ไวโอเล็ตซอร์ดก็ได้สูญเสียโอกาสที่จะเหนือกว่าไมโทโลจี้ไป …..
จากความเข้าใจที่พวกเขามีต่อการทดสอบโหมดขั้นสูงของดินแดนลับโบราณนั้น พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถพิชิตมันได้แน่นอนในอีกสิบวัน อย่างไรก็ตามสิทธิพิเศษที่ผู้เล่นจะได้รับจากโหมดขั้นสูงนั้นด้อยกว่าโหมดฮีโร่มาก
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา แม้ว่าเราจะสูญเสียโอกาสในการท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ แต่ไมโทโลจี้เองก็จะไม่สามารถเคลียร์มันได้ด้วยเช่นกัน และในท้ายที่สุดทั้งสองกิลของเราก็จะจบลงที่มีทุกอย่างเท่ากันนั่นแหละ …” ทอร์เร้นกล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่เขามองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่กำลังลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ แล้วเขาก็พูดต่อว่า “แทนที่จะเป็นพวกเรา สภาสิบแปดปีกซะมากกว่าที่จะมีปัญหาเมื่อเข้าไปท้าทายการทดสอบในโหมดฮีโร่”
“ถูกต้อง มันมีแนวโน้มว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นครั้งที่แย่ที่สุดสำหรับสภาสิบแปดปีก” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของทอร์เร้น
สภาสิบแปดปีกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วมาเพื่อท้าทายการทดสอบของดินแดนลับโบราณ และแม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับสภาสิบแปดปีก แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็ยังจะดึงดูดอันตรายเข้ามามากมายด้วยเช่นกัน
ใน God domain ยุคปัจจุบันนี้ การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจต่างๆนั้นทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และหากมีกิลที่สามารถคุกคามการดำรงอยู่ของมหาอำนาจต่างๆปรากฎขึ้นมานั้น ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ากิลๆนั้นจะโดนอะไร
หลังจากวันนี้มหาอำนาจต่างๆจำนวนหนึ่งจะรวมกลุ่มกันเพื่อกำจัดภัยคุกคามที่เกิดขึ้นมาแน่นอน
แน่นอนว่าถ้าสภาสิบแปดปีกสามารถเคลียร์โหมดฮีโร่ได้ กิลก็จะจัดการปัญหานี้ได้ง่ายขึ้นแน่นอน แต่หากกิลล้มเหลว นั่นมันก็จะหมายถึงฝันร้ายของกิล
“ตามรายงานที่เราได้รับมา สภาสิบแปดปีกได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนในการยืมความแข็งแกร่งของหอการค้าอาซู ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกได้ตกลงที่จะเลี้ยงดูรุ่นเยาว์ส่วนหนึ่งที่มีความสามารถของหอการค้าอาซูให้ และนอกเหนือจากความช่วยเหลือของหอการค้าอาซูแล้ว สภาสิบแปดปีกยังได้ขอให้พวกเราส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนมากมาเข้าร่วมด้วย บางทีพวกเขาอาจมีโอกาสจะเอาชนะบอสในการทดสอบได้ก็ได้” คริมสันสตาร์กล่าว “คำถามในตอนนี้คือพวกเขาเตรียมพร้อมมามากแค่ไหนกัน ? แล้วพวกเขามั่นใจมากแค่ไหน ?”
“นี่ผู้นำของหอการค้าอาซูบ้าไปแล้วรึไง ? แม้ว่านักสู้ระดับสูงของสภาสิบแปดปีกนั้นจะแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สภาสิบแปดปีกจะเทียบกับไวโอเล็ตซอร์ดได้ยังไง ในเรื่องการเลี้ยงดู และบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ ? และด้วยเหตุนี้พวกระดับสูงในกิลของเราหลายคนจึงไม่พอใจหอการค้าอาซูมากๆ” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวอย่างโกรธเคือง “หัวหน้ากิลยังประกาศด้วยว่าเราจะหยุดเลี้ยงดู และบ่มเพาะรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ต่างจากการที่หอการค้าอาซูทำการตัดอนาคตของหยานเซี่ยวเฉียน และโซริทารี่ฟรอสต์เลย”
ทอร์เร้นเองก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวเช่นกัน เมื่อได้ยินข่าวนี้ ….
สำหรับคริมสันสตาร์เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา เมื่อคิดถึงอนาคตของคนทั้งสอง
นอกจากสมาชิกคนอื่นๆของหอการค้าอาซูแล้ว โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนนั้นต่างก็เป็นคนที่ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกสอนทอร์เร้นได้ ซึ่งพวกเขานั้นก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นตัวตนระดับตำนานของหอการค้าอาซูในอนาคต เรื่องนี้มันก็เหมือนกับการที่ทอร์เร้นในอดีตสนใจในตัวผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไวโอเล็ตซอร์ดคนปัจจุบัน และท้ายที่สุดแล้ว ผู้บัญชาการคนนี้ก็กลายเป็นดั่งตัวตนระดับตำนานของไวโอเล็ตซอร์ดที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลย
ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้นั้นจะสามารถนำความมั่งคั่งอย่างมากมายมาสู่กิลได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอายุของโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียน หากพวกเขาได้รับการฝึกและดูแลอย่างดี พวกเขาทั้งคู่จะสามารถรับประกันความมั่นคงของหอการค้าอาซูไปได้อีกอย่างน้อยสองถึงสามทศวรรษเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้หอการค้าอาซูกับเลือกจะตัดอนาคตของทั้งสองคน
ในช่วงเวลาที่ไวน์ไฟเตอร์และคนอื่นๆกำลังพูดคุยกัน เรือเหาะมังกรสีเลือด และอะเม้าท์บินได้ร่องลงมาจอดกันที่หน้าประตูหลักของเมืองไวโอเล็ตไลท์
ชั่วครู่ต่อมา ผู้เล่นจำนวนมากก็เริ่มลงมาจากพาหนะที่พวกเขาโดยสารมา และแม้ว่าผู้เล่นทั้งหมดจะปกปิดตัวตนและข้อมูลส่วนใหญ่ไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้จงใจจะปกปิดสัญลักษณ์ของกิล หรือรูปลักษณ์ของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ดูเหมือนว่าการร่วมมือกันของหอการค้าอาซูกับสภาสิบแปดปีกจะค่อนข้างเป็นไปอย่างจริงจังนะ หอการค้าอาซูกระทั่งส่งซินฟูลเฟรมมาเข้าร่วมงานนี้ด้วย” คริมสัน
สตาร์อุทาน เมื่อเธอเห็นซินฟูลเฟรมกระโดดลงมาจากอะเม้าท์บินได้
ซินฟูลเฟรมนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก มาตราฐานการต่อสู้และพลังการต่อสู้ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากๆ และแม้แต่ในไวโอเล็ตซอร์ดมันก็ยากมากที่จะหาคนที่สามารถเทียบกับเขาได้
โดยปกติแล้วตัวตนระดับซินฟูลเฟรมนั้นจะค่อนข้างมีอิสระอย่างมากในกิล และตัวตนระดับนี้ก็มักจะไม่สนใจใดๆเลย ถ้าไม่ใช่ธุระแบบสำคัญมากจริงๆของกิล
“แน่นอนว่าโซริทารี่ฟรอสต์เองก็มาเหมือนกัน ถ้าเขาพบว่าโฟลตติhงไลท์ได้เข้าไปฝึกในดินแดนลับโบราณแทนเขา เพราะการกระทำของกิลเขา เขาคงจะอิจฉาน่าดู …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา เมื่อสังเกตเห็นโซริทารี่ฟรอสต์ในหมู่สมาชิกของหอการค้าอาซู
นอกเหนือจากการทดสอบในดินแดนลับโบราณแล้ว มันยังมีสถานที่ที่พิเศษอีกสองถึงสามแห่งที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การฝึกอย่างน่าทึ่ง เพียงแต่ว่าราคาในการจะเข้าสู่สถานที่พิเศษแบบนี้นั้นมันสูงมาก
ในตอนแรกด้วยความเกรงใจต่อบริษัทซีอุส และความเคารพต่อผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นยังคงเกรงใจและเลือกไม่ได้กับสองช่องสุดท้ายที่เหลือ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการกระทำล่าสุดของหอการค้าอาซู พวกระดับสูงของไวโอเล็ตซอร์ดจึงได้ตัดสินใจมอบช่องหนึ่งให้กับหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของพวกเขาอย่างโฟลตติ้งไลท์
ในแง่ของความสามารถนั้นโฟลตติ้งไลท์ด้อยกว่าโซริทารี่ฟรอสต์ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้รับการแนะนำเป็นการส่วนตัวจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้นในตอนที่ฝึกในดินแดนลับโบราณ ดังนั้นมาตราฐานการต่อสู้ของเขาจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมาก ตอนนี้เขาสามารถผสานรวมเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงเข้ากับสกิลขั้นสามของเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
หากโซริทารี่ฟรอสต์ซึ่งมีพรสวรรค์และความสามารถเหนือกว่าโฟลตติ้งไลท์ได้รับการฝึกแบบเดียวกัน พลังการต่อสู้ของเขาก็จะพุ่งสูงขึ้นจนน่ากลัวมากแน่นอน และในเวลานั้นไวน์ไฟเตอร์ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
แต่น่าเสียดายที่โซริทารี่ฟรอสต์พลาดโอกาสนี้ …
“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น การเตรียมการด้านคุณ รวมทั้งเรื่องเครื่องมือพิเศษเป็นยังไงบ้าง ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเขาเดินมาถึงตรงหน้าของทอร์เร้น
“ทั้งหมดพร้อมแล้ว …” ทอร์เร้นตอบอย่างมั่นใจ และเมื่อมองไปที่กลุ่มผู้เล่นเกือบสองร้อยคนที่อยู่ด้านหลังของซือเฟิง เขาก็ถามว่า “คุณต้องการให้เราส่งคนไปร่วมด้วยกี่คน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”
“สักสามสิบคนแล้วกัน …” ซือเฟิงตอบ
ท้ายที่สุดแล้วนี่มันเป็นความร่วมมือระหว่างสภาสิบแปดปีกกับไวโอเล็ตซอร์ด ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดแล้ว ซือเฟิงจึงได้ตัดสินใจให้โอเล็ตซอร์ดส่งผู้เล่นมาสามสิบคนเพื่อเข้าร่วมทีมจู่โจม ซึ่งมันนับเป็นจำนวนที่ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป และเมื่อการโจมตีสำเร็จ เรื่องนี้มันก็จะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับไวโอเล็ตซอร์ดด้วย โดยกิลก็ไม่ควรจะมีปัญหาในการจะส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนนี้มาร่วมทีมกับเขา
“สามสิบ ? นับเป็นจำนวนที่โอเคสำหรับเรา …” ทอร์เร้นกล่าวขณะลูบเคราสีขาวของเขา จากนั้นเขาก็หันไปหาคริมสันสตาร์และวินไฟเตอร์ พลางพูดว่า “หลังจากนี้พวกคุณสองคนจะต้องนำทีมนี้เป็นการส่วนตัว และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”
“เข้าใจแล้ว !!” ไวน์ไฟเตอร์กับคริมสันสตาร์กล่าว และพยักหน้าตอบสนองพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เชี่ยวชาญของไวโอเล็ตซอร์ดได้ยินว่าทอร์เร้นได้สั่งให้ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์เข้าร่วมงานนี้ด้วย พวกเขาก็งุนงงมากๆ
ในความคิดของพวกเขา มันนับเป็นเรื่องใหญ่มากเลย หากทอร์เร้นสั่งให้ผู้ฝึกสอนสองคนนี้ ซึ่งเป็นผู้เล่นขอบเขตโดเมนทั้งสองคนเข้าร่วมในงาน …
ใครก็ตามที่สามารถเป็นผู้ฝึกสอนในไวโอเล็ตซอร์ดได้นั้นก็จะต้องมีทั้งความสามารถและตำแหน่งในกิลที่สูงมาก โดยเฉพาะเรื่องตำแหน่ง พวกเขาจะมีตำแหน่งเป็นพวกระดับสูงแกนหลักเป็นอย่างน้อย และโดยปกติพวกเขาจะเคลื่อนไหวแค่เฉพาะเรื่องสำคัญๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ทอร์เร้นกับสั่งให้ผู้ฝึกสอนสองคนเข้าร่วมงานนี้ ถ้าข่าวนี้แพร่ออก มันจะทำให้หลายคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงแน่นอน
“เอาล่ะไปเตรียมการที่จำเป็นแบบเดียวกับการเตรียมการก่อนหน้านี้ของเรา ….” ไวน์ไฟเตอร์ออกคำสั่งกับผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
เมื่อได้ยินคำสั่งของไวน์ไฟเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญทั้งยี่สิบแปดคนก็เริ่มดำเนินการทันที
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม โปรดตามฉันมา เรายังจะต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะไปถึงทางเข้าดินแดนลับโบราณ” คริมสันสตาร์กล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่เธอเดินเข้าหาซือเฟิง “เมื่อเราไปถึงที่นั่น ฉันคิดว่าไอเทมทั้งหมดที่จำเป็นก็น่าจะพร้อมแล้ว”
“โอเค งั้นฉันคงต้องขอรบกวนคุณหน่อยล่ะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็นำทุกคนในทีมของเขาเดินตามคริมสันสตาร์เข้าไปในเมืองไวโอเล็ตไลท์