ตอนที่ 2630 ดีไวน์วิล ขั้นสี่
แม้ว่าดินแดนลับโบราณจะเรียกได้ว่าเป็นดินแดนลับ แต่มันก็มีขนาดใหญ่กว่าแผนที่ขนาดใหญ่ภายในโลกภายนอกหลายเท่า และโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเหมือนกับโลกขนาดเล็กเลย
แม้ว่าซือเฟิงและคนอื่นๆจะเป็นผู้เล่นขั้นสาม แต่เนื่องจากพวกเขาถูกห้ามไม่ให้ใช้อะเม้าท์ของพวกเขา ดังนั้นมันจึงเอยด้วยการที่พวกเขาวิ่งเป็นเวลากว่าครึ่งวันเพื่อจะไปยังเมืองที่สง่างามกลางหุบเขา
ซึ่งเมืองที่ว่านี้นั้นมีบาเรียเวทย์มนต์หลายชั้นคอยป้องกันมันอยู่ และเมื่อมองผ่านบาเรียเวทยมนต์ที่โปร่งแสงนี้ ผู้เล่นก็สามารถจะมองเห็นหอคอยเวทย์เวทย์มนต์หลายแห่งภายใน และนี่ยังไม่นับรวมอาคารที่สูงหลายร้อยเมตรอีกหลายหลังด้วย มันมีแม้แต่อาคารลอยน้ำที่ไม่สามารถจะพบได้ในจักรวรรดิและอาณาจักรต่างๆของทวีปหลัก เมืองนี้ได้รับการพัฒนาไปไกลกว่าเมืองหลวงของอาณาจักรและจักรวรรดิในทวีปหลักมาก
ซือเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเขาได้มองไปยังเมืองโบราณอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก เพราะแม้ว่าจะยืนอยู่ห่างออกมาหลายพันหลาจากเมือง แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา และมันก็ทำให้ร่างกายของเขาหนักมาก หากผู้เล่นขั้นสองต้องมาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ พวกเขาจะไม่สามารถเข้าใกล้เมืองได้เลย
“โปรดระวังรูปปั้นเหล่านั้นที่สร้างขึ้นหลังกำแพงเมือง แม้ว่ามันจะมีวงเวทย์ที่คอยปราบปรามพลังของรูปปั้นเหล่านั้น แต่ถ้าคุณมองมันนานเกินไป คุณก็จะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอทางจิต” คริมสันสตาร์เตือนทั้งทีมที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นด้านหลังของเธอ “ซึ่งหากเป็นแบบนั้นคุณจะต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวันเลยในการฟื้นตัว และเมื่อเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการทดสอบเลย คุณจะไม่มีเวลาแม้แต่จะออกจากดินแดนลับด้วยซ้ำ”
รูปปั้นเหล่านี้จะทำให้ผู้เล่นตกอยู่ในสถานะอ่อนแอทางจิตงั้นหรอ ?
เมื่อได้ยินคำพูดของคริมสันสตาร์ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปใกล้ๆรูปปั้นหินที่ถูกล้อมรอบด้วยวงเวทย์ และทันทีที่เขาทำเช่นนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางจิตที่น่ากลัวพุ่งเข้ามาในจิตของเขา ในเวลาเดียวกันร่างของสิ่งมีชีวิตโบราณก็ปรากฎขึ้นชั่วครู่ต่อหน้าต่อตาของซือเฟิง
ซือเฟิงรู้สึกใจสั่นมากๆจากแรงกดดันทางจิตนี้ แต่โชคดีที่จิตของเขาสามารถจะต้านทานมันได้ แม้ว่าจะเกือบไม่ไหวก็ตาม
ขั้นสี่ ดีไวน์วิล ? ซือเฟิงค่อนข้างประหลาดใจมากกับแรงกดดันทางจิตที่รูปปั้นปล่อยออกมา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน ไวโอเล็ทซอร์ดถึงสามารถผลิตผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ออกมาได้เป็นจำนวนมหาศาล
ณ จุดนี้ เทพโบราณนั้นได้ถอนตัวออกจากทวีปหลักของ God domain ไปนานแล้ว และตอนนี้มันก็ยากมากที่จะได้พบกับตัวตนแบบครึ่งเทพในทวีปหลัก อย่างไรก็ตามก่อนที่จะถอนตัวออกไป เทพโบราณจำนวนมากได้ทิ้งมรดกของตัวเองไว้มากมายในสถานที่อันตราย ในขณะเดียวกันสถานที่ที่เป็นแบบนี้มักมีดีไวน์วิลอยู่
มองดูแบบพื้นผิว ดีไวน์วิลที่มีอยู่ในสถานที่ที่มีมรดกของเทพโบราณอยู่นั้นก็ทำหน้าที่สร้างแรงกดดันทางจิตต่อผู้บุกรุก และยับยั้งการเข้ามานอกเหนือจากวิธีการที่ถูกกำหนดไว้แต่แรก
อย่างไรก็ตามดีไวน์วิล นั้นยังมีฟังชั่นที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้เล่นนั่นก็คือมันช่วยให้ผู้เล่นสามารถฝึกจิตของตัวเองได้
ใน God domain ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตของผู้เล่นนั้นถือเป็นค่าสถานะที่ซ่อนอยู่ และมันก็ยากมากที่จะเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าความแข็งแกร่งทางจิต นอกเหนือจากการเก็บเลเวลจนเลื่อนเลเวลไปเรื่อยๆแล้ว มันก็ยังไม่มีวิธีการสำหรับผู้เล่นที่จะใช้เพื่อเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตได้
ในตอนแรกนั้นค่าความแข็งแกร่งทางจิต เป็นค่าสถานะที่มีผู้เล่นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว พวกเขาจะหมดค่าสตามิน่าก่อนจะหมดค่าความแข็งแกร่งทางจิต อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นเริ่มเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้กันมากขึ้น ทุกคนก็จะได้เข้าใจถึงความสำคัญของค่าความแข็งแกร่งทางจิตมากขึ้น
ด้วยการมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตที่สูงมาก ไม่เพียงแต่มันจะทำให้ผู้เล่นสามารถใช้เทคนิคการต่อสู้ได้มากมายหลายครั้ง แต่มันยังจะช่วยให้พวกเขาลดการใช้ค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตเมื่อต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ได้อีกด้วยและที่สำคัญที่สุดคือ เทคนิคการต่อสู้ที่ทรงพลังนั้น มันจำเป็นต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตที่สูงพอสมควรในการใช้มัน
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวิธีการที่น่าเชื่อถือเลย นอกจากการเพิ่มเลเวล และการปรับปรุงการทำงานของสมอง ที่ผู้เล่นสามารถจะใช้เพื่อเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตได้ …..
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาที่สถานที่โบราณแบบนี้ และทำให้ปริมาณของดีไวน์วิลเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็จะได้ค้นพบเรื่องที่น่าประหลาดคือดีไวน์วิลนั้นสามารถช่วยฝึกจิตผู้เล่นให้มีความแข็งแกร่งขึ้นได้ และแม้ว่าแรกๆมันจะดูเล็กน้อย แต่ผู้เล่นก็จะได้รับการปรับปรุงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ….
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เล่นจะได้รับการช่วยเหลือจากดีไวน์วิลมากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง
ในขณะเดียวกันรูปปั้นภายในเมืองนั้นมีดีไวน์วิลที่สามารถช่วยผู้เล่นฝึกจิตได้จนถึงขั้นสี่ ดังนั้นซือเฟิงจึงเรียกมันว่าดีไวน์วิล ขั้นสี่
หากผู้เล่นขั้นสามสามารถจะยกระดับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปจนถึงขั้นสี่ได้ มันก็จะช่วยพวกเขาได้อย่างมาก เมื่อพวกเขาทำการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และด้วยมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ดีขึ้น ผู้เล่นก็จะสามารถควบคุมร่างกายทางกายภาพและมานาได้ดีขึ้น พวกเขาจะสามารถแสดงศักยภาพได้มากกว่าที่เคย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากวงเวทย์ที่ล้อมรอบรูปปั้นเหล่านี้ มันทำให้ดีไวน์วิลที่รูปปั้นแผ่ออกมานั้นถูกปราบปรามไปอย่างหนัก แม้ว่าดีไวน์วิลที่อ่อนแอลงนี้อาจมีผลกับผู้เล่นขั้นสามทั่วไป แต่มันก็แทบจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสาม และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดขั้นสามได้เลย และมันจะทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของคนระดับนี้หมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยซ้ำ
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้างหน้าเราคือทางเข้าสู่พื้นที่ทดสอบ” คริมสันสตาร์กล่าว ขณะที่เธอชี้ไปที่ประตูขนาดมหึมาที่อยู่ใกล้ๆ “เราจะมีโอกาสในการท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งหากเราล้มเหลว เราก็จะไม่สามารถทำการทดสอบในโหมดนี้ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อเราเข้าสู่การทดสอบไปนั้น ตราบใดที่เรายังมีคนที่มีชีวิตอยู่ในการทดสอบ แม้ว่าคนอื่นๆจะตายลง แต่เราก็จะยังกลับเข้าสู่พื้นที่การทดสอบได้ หลังจากได้รับการฟื้นคืนชีพอัตโนมัติในภายนอก เพียงแต่ว่าช่วงเวลาการฟื้นคืนชีพในดินแดนลับโบราณนั้นจะนานมาก ซึ่งก็คือหนึ่งวันเต็ม ดังนั้นทุกคนต้องระมัดระวังให้มากในเวลาที่อยู่ข้างใน”
มันอาจจะดีกว่าถ้าพวกเขากำลังท้าทายการทดสอบโหมดทั่วไป เพราะท้ายที่สุดพวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการจะท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ และหากผู้เล่นในทีมส่วนใหญ่ของพวกเขาตายลง การทดสอบโหมดฮีโร่นั้นมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเคลียร์ให้ได้ ดังนั้นการควบคุมอัตราการบาดเจ็บล้มตายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องการจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหัวหน้าภูมิภาค เพราะหากทีมของพวกเขาถูกหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองทำลายล้างในตอนนั้น พวกเขาจะต้องรอหนึ่งวันเต็มกว่าที่พวกเขาจะสามารถเข้าสู่การทดสอบได้
“ฉันเข้าใจ” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
เนื่องจากซือเฟิงเข้าใจคำเตือนของเธอแล้ว คริมสันสตาร์จึงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถแบบซือเฟิง มักต้องการเพียงแค่การแจ้งเตือนเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเพื่อให้รู้ว่าพวกเขาควรทำอะไร
หลังจากนั้นคริมสันสตาร์ ไวน์ไฟเตอร์ และสมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดคนอื่นๆก็ได้เดินเข้าไปใกล้ประตูเทเลพอร์ตที่สูงสิบเมตร จากนั้นพวกเขาก็พยิบคริสตัลสีดำออกมาจากกระเป๋าของพวกเขาและเริ่มร่ายเวทย์
ทันทีที่ผู้เล่นหลายสิบคนเริ่มร่ายเวทย์ อักษรรูนศักสิทธิ์ที่ถูกสลักไว้บนประตูเทเลพอร์ตก็เริ่มสว่างขึ้น และมันก็ดึงมานาโดยรอบเข้ามายังประตูเทเลพอร์ต
ในขณะที่คริมสันสตาร์และคนอื่นๆกำลังเปิดใช้งานการทดสอบโหมดฮีโร่ แซนด์สตอร์ม และสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้ที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์อย่างเงียบๆจากด้านหลังของกองหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆที่อยู่ห่างออกไปห้าร้อยหลาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“การทดสอบโหมดฮีโร่ !!!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ยืนอยู่ข้างแซนด์สตอร์มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอสามารถระบุถึงอักษรรูนศักสิทธิ์ที่ส่องสว่างบนประตูเทเลพอร์ตได้ “ไวโอเล็ทซอร์ดมีแผนที่จะท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่จริงๆงั้นหรอ ?! นี่พวกเขาบ้ารึปล่าวเนี่ย ?!”
เธอได้สัมผัสกับการทดสอบของเมืองโบราณมาด้วยตัวเองแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าการทดสอบในโหมดฮีโร่เป็นอย่างไร แต่เธอก็รู้ว่าการทดสอบในโหมดขั้นสูงตอนนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปในปัจจุบันหวังจะเคลียร์ได้ หากไม่ใช่เพราะทีมจู่โจมของพวกเขาก่อนหน้านี้มีวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงจำนวนมาก พวกเขาก็คงจะเข้าไปไม่ถึงตัวบอสของการทดสอบเช่นกัน
สำหรับการทดสอบโหมดฮีโร่ มันจะยากขึ้นกว่านั้นแน่นอน และมันเป็นสิ่งที่แม้แต่ไมโทโลจี้ในปัจจุบันก็ยังไม่กล้าจะท้าทาย
“การทดสอบโหมดฮีโร่ ?” เมื่อแซนด์สตอร์มเห็นฉากตรงหน้าเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมา “ดี !!! มันวิเศษมาก !!! แมว่าฉันจะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผู้เล่นของไวโอเล็ทซอร์ดกับสภาสิบแปดปีกกล้าที่จะท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ แต่นี่มันก็เป็นโอกาสของเรา !!! เนื่องจากคริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์เป็นผู้เปิดใช้งานการทดสอบโหมดฮีโร่นี้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถหยุดกลางคันได้ ไม่งั้นมันจะล้มเหลว และพวกเขาจะหมดสิททันที ซึ่งนี่แหละเป็นโอกาสเหมาะที่เราจะลงมือ !!!”
“แต่การจัดการกับแบล๊คเฟรมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย …” การ์เดี้ยนไนท์หญิงกล่าวอย่างเป็นห่วง ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิงที่ยืนอยู่ข้างประตูเทเลพอร์ต “เมื่อมีเขาอยู่รอบๆ เราคงยากที่จะได้เปรียบ”
“ผ่อนคลายน่า รองผู้บัญชาการได้เตรียมไพ่ใบหนึ่งไว้ให้เราแล้วสำหรับปฎิบัติกาารในครั้งนี้ …!!!” แซนด์สตอร์มกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบเจ็มสโตนหลากสีขึ้นมาจากกระเป๋าของเขา “นี่เจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสาม ซึ่งรองผู้บัญชาการได้รับมาจากศาลเจ้าเทพปีศาจ หากเราสวมใส่มันลงไปในอาวุธระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยหรือเหนือกว่าขึ้นไป เราสามารถที่จะสังเวยอาวุธและเจ็มสโตนนี้ไปพร้อมกัน เพื่อให้เราได้รับพลังในมาตราฐานของขั้นสี่มาเป็นช่วงสั้นๆได้ และไอเทมชิ้นนี้ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใดๆในดินแดนลับโบราณ และรองผู้บัญชาการก็ได้ให้ไอเทมชิ้นนี้กับฉันมาห้าชิ้นเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ตราบใดที่พวกเราห้าคนใช้เจ็มสโตนนี้ พวกเราก็จะมีผู้เล่นขั้นสี่ห้าคนอยู่ฝั่งพวกเรา และเมื่อรวมถึง HP กับพลังป้องกันที่เราจะได้รับจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง เราน่าจะสามารถตรึงแบล๊คเฟรมไว้ได้ด้วยพวกเราสามคน ขณะที่อีกสองคนที่เหลือก็ให้แยกไปจัดการกับสมาชิกในทีมของแบล๊คเฟรมคนอื่นๆ และเมื่อเราทำสำเร็จ ความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาทำมาก็จะไร้ค่าไปทันที !!!”
“ในเมื่อคุณมีสมบัติแบบนี้ ทำไมถึงไม่เอามันออกมาก่อนหน้านี้ล่ะ ?” การ์เดี้ยนไนท์หญิงบ่นขณะที่กลอกตามองไปยังแซนด์สตอร์ม
ก่อนหน้านี้รองผู้บัญชาการของพวกเขาได้มอบหมายให้พวกเขาทำลายแผนการของไวโอเล็ทซอร์ด และฆ่าซือเฟิงหากเป็นไปได้ และด้วยเจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสามนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าซือเฟิงได้ แต่การทำลายแผนการของไวโอเล็ทซอร์ดก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นที่ตายในดินแดนลับโบราณนั้นจำเป็นจะต้องรอหนึ่งวันเต็มจึงจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้ และหากพวกเขาสามารถฆ่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกกับไวโอเล็ทซอร์ดที่นี่ได้จำนวนมาก ทั้งสองกิลก็จะเสียเวลาของวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุไปหนึ่งวัน ซึ่งมันก็จะช่วยลดโอกาสในการที่ทั้งสองกิลจะเคลียร์โหมดฮีโร่ได้ลงไปมาก และหากพวกเขาสามารถขัดขวางการเปิดประตูการทดสอบโหมดฮีโร่ได้ตั้งแต่เนิ่นๆตอนนี้ พวกเขาก็จะสามารถทำลายแผนการของไวโอเล็ทซอร์ดได้อย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ รับไปหนึ่งชิ้นสำหรับแต่ละคน” แซนด์สตอร์มกล่าว ขณะที่เขาแจกจ่ายเจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสามให้กับระดับหัวหน้าอีกสี่คน จากนั้นเขาก็มองไปที่ซือเฟิงและพูดว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำให้แบล๊คเฟรมรู้ว่าการยั่วยุไมโทโลจี้นั้นมันโง่แค่ไหน !!!”