ตอนที่ 2640 ปราบปรามลิชโบราณ
ลมหายใจมังกร !!!
เครื่องหมายการค้าของเผ่ามังกรอย่างลมหายใจมังกรนั้นมันทำให้มังกรสามารถจะรวบรวมพลังทั้งหมดไปไว้ในจุดเดียว และขับเคลื่อนมันได้ ซึ่งการโจมตีที่เกิดขึ้นจะมีพลังมากเกินกว่าที่มีงกรจะสามารถแสดงออกมาได้ตามปกติ ลมหายใจมังกรนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้มังกรถูกระบุว่าแทบจะเป็นอมตะในหมู่ขั้นเดียวกัน และลมหายใจมังกรขั้นห้านั้นก็สามารถจะทำลายเมืองทั้งเมืองได้เลย พลังทำลายล้างของลมหายใจมังกรนั้นมีมากกว่าสกิลต้องห้ามหรือคำสาปในขั้นเดียวกันมาก
หลังจากที่ซือเฟิงทำการใช้ลมหายใจมังกรไป ลำแสงสีขาวก็พุ่งออกจากปากเขาในร่างมังกรไปปะทะเข้ากับคำสาปขั้นสี่อย่างดอกบัวแห่งการทำลายล้าง
ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …
เมื่อการโจมตีของทั้งสองปะทะกัน พื้นที่รอบๆจุดปะทะนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และมันก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสีดำสนิท คลื่นกระแทกอันทรงพลังที่เกิดจากผลของการปะทะกันนั้นมันชัดเจน แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปกว่าหนึ่งพันหลา
เมื่อการปะทะจบลง ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้
“อะไรกัน ?! เขาสามารถป้องกันมันได้งั้นหรอ ?!”
“นั่นคือคำสาปขั้นสี่เลยนะที่เรากำลังเราพูดถึง !! แม้แต่มังกรขั้นสามที่แท้จริงก็ไม่น่าจะสามารถหยุดมันได้ !! แล้วเขาทำได้ยังไงกัน ?!”
คริมสันสตาร์และผู้เล่นนักเวทย์คนอื่นๆในทีมนั้นรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันไป เมื่อพวกเขาเห็นซือเฟิงรับมือกับคำสาปขั้นสี่และทำให้มันหายไปได้
คำสาปขั้นสี่ที่โซล๊อคใช้เมื่อครู่นั้นมันเทียบได้กับเวทย์ขั้นห้าเลย ในขณะเดียวกันเวทย์ขั้นห้านั้นก็มีพลังมากพอที่จะทำลายวงเวทย์และบาเรียป้องกันของเมืองขนาดใหญ่ของ NPC ได้สบายๆ นี่ก็ไม่ต้องพูดถึงกับการทำลายล้างทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสองร้อยคนเลย ….
เมื่อพวกเขาเห็นโซล๊อคร่ายคำสาปขั้นสี่ พวกเขาก็คิดว่าการต่อสู้นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว และพวกเขาจะต้องตายแน่นอน ไม่มีใครคิดเลยว่าซือเฟิงจะสามารถหยุดการโจมตีที่น่ากลัวนี้ได้ และทำให้ทุกคนยังรอดชีวิตอยู่ ความสามารถและพลังของเขานั้นมันช่างเหนือมนุษย์อย่างแท้จริง
ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันสามารถป้องกันมันได้ !!! ไม่งั้นเมื่อครู่ทั้งทีมได้ถูกทำลายล้างจริงๆแน่นอน ซือเฟิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเขาเห็นว่าคำสาปขั้นสี่ได้หายไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้ปรับปรุงความเข้าใจของตัวเองเกี่ยวกับขอบเขตที่แท้จริง และสามารถผสานรวมมันเข้ากับเทคนิคขั้นสูงได้ เขาก็คงจะไม่สามารถยกระดับพลังของลมหายใจมังกรได้ และมันก็จะทำให้ทั้งทีมถูกทำลายล้างลงแน่นอน
อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงและคนอื่นๆจะทันได้หายใจได้ทั่วท้อง โซล๊อคก็เริ่มร่ายเวทย์อีกครั้ง และวงเวทย์ขนาดมหึมาที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็ปรากฎขึ้นมาอีก
“เป็นไปได้ยังไง ?!”
“นี่มันเรื่องโกหกใช่ไหม ?! มันยังใช้คำสาปขั้นสี่ได้อีกครั้งได้ยังไง ?!”
ใบหน้าของทุกคนนั้นซีดลงทันที เมื่อพวกเขาเห็นลิชโบราณกำลังจะใช้คำสาปขั้นสี่อีกครั้ง
บอสส่วนใหญ่ใน God domain นั้นจะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงแบบ AOE ที่สามารถใช้ทำลายล้างทั้งทีมได้เพียงแค่การเคลื่อนไหวเดียว และเมื่อมันใช้มาแล้ว มันก็จะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้ลิชโบราณตรงหน้าพวกเขาพึ่งจะใช้คำสาปขั้นสี่ไป และมันก็กำลังจะใช้อีกครั้ง ซึ่งนี่มันได้ทำลายความเข้าใจที่ผ่านมาของพวกเขาเกี่ยวกับ God domain ไปทั้งหมดเลย
มันไม่ได้รอ แม้แต่ให้มานาโดยรอบฟื้นตัวเลยงั้นหรอ ?
ในขณะนี้นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังประหลาดใจกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
เขาไม่ได้แปลกใจเรื่องที่โซล๊อคจะสามารถใช้คำสาปขั้นสี่ได้อีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดลิชโบราณนั้นเป็นบอสที่เน้นไปทางด้านเวทย์มนต์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามโซล๊อคนั้นพึ่งจะใช้คำสาปขั้นสี่ไป ดังนั้นมานาโดยรอบบริเวณนี้มันจึงเบาบางมากๆ และถ้าโซล๊อคใช้คำสาปขั้นสี่ในตอนนี้ พลังของคำสาปก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก โดยโซ
ล๊อคนั้นควรจะรอให้มานาโดยรอบฟื้นตัวซะก่อน ก่อนที่จะใช้คำสาปแบบนี้อีกครั้ง แต่มันกลับไม่ทำเช่นนั้น ซึ่งแม้แต่ซือเฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับสถานการณ์ที่พัฒนาไปล่าสุดนี้
“มันจบแล้ว …. ความเร็วในการร่ายของมันเร็วเกินไป เราไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้คำสาปขั้นสามเพื่อป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ !!!” คริมสันสตาร์รู้สึกสิ้นหวัง เมื่อเธอเห็นวงเวทย์ขนาดมหึมาที่ซ้อนทับกันสามชั้นปรากฎขึ้นตรงหน้าเธออีกครั้ง เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ซือเฟิงทำลายหอคอยมานาทั้งสี่แห่งไปได้ และป้องกันคำสาปขั้นสี่ของลิชโบราณไว้ได้หนึ่งครั้ง สถานการณ์จะยังคงพัฒนามาถึงจุดนี้
แถมในตอนนี้ เมื่อซือเฟิงใช้ลมหายใจมังกรไปแล้ว มันจึงยังอยู่ในคูลดาวน์ และเขาจะไม่สามารถใช้มันได้อีกเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแน่นอน นอกจากนี้เขาก็ยังอยู่ห่างจากโซล๊อคมากเกินไป และแม้ว่าเขาจะต้องการ แต่เขาก็ไม่สามารถจะขัดจังหวะการร่ายเวทย์ของโซล๊อคได้ ในขณะเดียวกันหากจะให้ใครบางคนใช้คำสาปขั้นสามเพื่อป้องกันทั้งทีม มันก็ต้องใช้เวลาก่อตัวขึ้นราวสามถึงสี่วินาที ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะป้องกันการโจมตีครั้งที่สองจากโซล๊อคได้เลย
ในขณะที่โซล๊อคกำลังจะร่ายเวทย์บทสุดท้ายในคำสาปของมัน จู่ๆก็มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นต่อหน้าของโซล๊อค และร่างนั้นก็ใช้ดาบใหญ่ฟันลงไปที่มัน
ในช่วงเวลาต่อมา ทุกคนก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นดาบใหญ่ถูกฟันลงไปที่กระโหลกของโซล๊อค ซึ่งการโจมตีนี้ไม่เพียงแต่จะขัดขวางการร่ายเวทย์ของโซล๊อค แต่มันยังทำให้โซล๊อคได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนถูกบังคับให้ต้องถอยออกไปอีกสองก้าวด้วย และความเสียหายมากกว่าสี่ล้านก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของบอส
“เสวี่ยเหวินโหรว ?!”
“นี่ความแข็งแกร่งของเธอสูงแค่ไหนกันเนี่ย ?!”
สมาชิกของหอการค้าอาซูและไวโอเล็ทซอร์ดนั้นต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นถึงตัวตนของผู้ที่โจมตีลิชโบราณ พวกเขาไม่คิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เชี่ยวชาญอีกคนที่สามารถจะต่อกรกับลิชโบราณได้
แม้ว่าลิชโบราณจะเป็นมอนสเตอร์ที่เน้นไปในด้านเวทย์มนต์ แต่ค่าสถานะพื้นฐานที่มันมีอยู่ก็ยังคงจัดว่าเหนือกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป ซึ่งหากไม่มีความแข็งแกร่งที่มากกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป การจะโจมตีลิชโบราณ และบังคับให้มันต้องถอยกลับไปแบบนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกันหลังจากเสวี่ยเหวินโหรวทำการขัดจังหวะโซล๊อคได้ ซือเฟิงก็รีบบินเข้าไปประชิดตัวลิชโบราณและเริ่มโจมตีมันทันที เขาไม่ไดให้โอกาสลิชโบราณในการร่ายคำสาปขั้นสี่อีกต่อไป
“ดี !! โอกาสมาถึงแล้ว !! ทุกคนบุกเข้าไป !!” ไวน์ไฟเตอร์ตะโกนอย่างตื่นเต้น เมื่อเขาเห็นลิชโบราณถูกตรึงไว้
ตอนนี้หอคอยมานาทั้งสี่แห่งนั้นก็ถูกทำลายลงไปแล้ว ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาสามารถป้องกันไม่ให้ลิชโบราณใช้คำสาปขั้นสี่ได้อีก และต่อสู้ในระยะประชิดของมัน พวกเขาก็มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่บอสที่เน้นไปในด้านเวทย์มนต์กลัวมากที่สุดก็คือ การต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาสามารถดึงโซล๊อคเข้ามาสู่การต่อสู้ระยะประชิดได้ ภัยคุกคามของมันก็จะลดลงไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
เมื่อเป็นดังนี้สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ด และหอการค้าอาซูก็พุ่งเข้าใส่บอส ราวกับพึ่งได้รับพลังเสริมที่สดใหม่มา ….
โดยผู้ที่รับหน้าที่เป็นหัวหอกนั่นก็คือ ไวน์ไฟเตอร์ คริมสันสตาร์ ซินฟูลเฟรม ต้วนฮันซาน โซริทารี่ฟรอสต์ หยานเซี่ยวเฉียน และโฟลตติ้งไลท์ พวกเขานั้นทำการเจาะทะลุแนวป้องกันของมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆตัวลิชโบราณ เพื่อเปิดทางให้ทุกคนผ่านเข้าไปได้
อย่างไรก็ตามยิ่งทีมขึ้นไปบนแท่นบูชาสูงขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งพบกับมอนสเตอร์ในการทดสอบมากขึ้นเท่านั้น เป็นผลให้การรุกของทีมค่อนๆช้าลง
“แม่งเอ้ย !!! มันมีพวกไทรออลขั้นสูงมาเกินไป !!! ในอัตรานี้เราจะถูกฆ่าก่อนที่เราจะได้มีโอกาสเข้าถึงตัวบอสด้วยซ้ำ !!!” โฟลตติ้งไลท์อดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งออกมา ในขณะที่เขากำลังรับมือกับไทรออลขั้นสูงที่เป็นแกรนลอร์ดสามตัวพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้เขายังคงมีความเหนือกว่าคู่ต่อสู้ของเขา ในตอนที่เขารับมือกับไทรออลขั้นสูงสองตัวพร้อมกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้ เมื่อพวกเขาก้าวขึ้นบันไดของแท่นบูชาไปสูงขึ้น จำนวนไทรออลขั้นสูงที่พวกเขาพบเจอมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น โดยตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของไทรออลขั้นสูงพร้อมกันสามตัวนั้น เขาก็แทบจะไม่มีโอกาสตอบโต้เลย และเขาก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น โดยที่ HP ของเขานั้นก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้มันทำให้ต้องการ การสนับสนุนจากฮีลเลอร์แล้วเพื่อให้ตัวเองยังรอดชีวิตอยู่
ในขณะที่ทุกคนกำลังดิ้นรนและต่อสู้กับมอนสเตอร์ในการทดสอบนั้น HP ของพวกเขาก็ลดลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งพาเหล่าฮีลเลอร์ของทีมอย่างสมบูรณ์เพื่อช่วยให้ HP ของพวกเขาอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
“เราไม่สามารถจะลากการต่อสู้นี้ออกไปได้ !!! ไวโอเล็ตกับวอร์นเดอร์ทั้งสองคนไปเปิดเส้นทางเดี๋ยวนี้ !!! ส่วนคนอื่นๆให้ตามทั้งสองไปติดๆ !!! ฉันจะรั้งท้ายขบวนให้ !!!” อควาโรสออกคำสั่ง เมื่อเธอเห็นว่าทั้งทีมถูกล้อมไว้หมดแล้ว
“ตามสองคนนั้นงั้นหรอ ?”
สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดและหอการค้าอาซูในปัจจุบันนั้นสับสนกับคำสั่งของอควาโรสมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยานเซี่ยวเฉียนที่แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย เมืออควาโรสออกคำสั่ง
หากไม่นับไวโอเล็ตคลาวด์ที่ตอนนี้สามารถจะรับมือกับไทรออลขั้นสูงสามตัวพร้อมกันได้สบายๆนั้น ด้านของไซเร้นวอร์นเดอร์เท่าที่เธอเห็นมันก็จัดว่าตึงมือมากๆในตอนที่ไซเร้นวอร์นเดอร์ต้องรับมือกับไทรออลขั้นสูงสามตัว ในความเป็นจริงต้องบอกว่าหยานเซี่ยวเฉียนนั้นทำได้ดีกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยซ้ำ แต่อควาโรสกับต้องการจะให้ไซเร้นวอร์นเดอร์เป็นผู้นำในการตีฝ่าลงล้อมเนี่ยนะ ?
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะสามารถคัดค้านคำสั่งแปลกๆของอควาโรสได้ ไวโอเล็ตคลาวด์และไซเร้นวอร์นเดอร์ต่างก็พยักหน้า และพุ่งเข้าหาฝูงมอนสเตอร์จำนวนมากทันที
“นี่พวกเขากำลังจะทำอะไรกัน ? พวกเขาไปอยู่นอกขอบเขตการดูแลของฮีลเลอร์แล้วนะ !!!” คริมสันสตาร์นั้นสงสัยว่าไวโอเล็ทคลาวด์และไซเร้นวอร์นเดอร์บ้าไปแล้ว เมื่อเธอเห็นทั้งสองพุ่งเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์ในการทดสอบ
แม้ว่าไวโอเล็ทคลาวด์และไซเร้นวอร์นเดอร์จะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่ค่อนข้างสูง และมีพลังในการต่อสู้ที่ค่อนข้างพิเศษ แต่พวกเขาก็จะยังคงได้รับความเสียหายอย่างมาก หากพวกเขาต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ในการทดสอบมากเกินไปในคราวเดียว และหากพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากฮีลเลอร์ พวกเขาก็ไม่น่าจะสามารถทนได้นานนัก และแม้ว่าไวโอเล็ทคลาวด์จะเป็นเครอลิค แต่ตอนนี้เธอก็ต้องมุ่งเน้นไปที่การโจมตีและป้องกัน ดังนั้นเธอจึงจะไม่มีเวลามาร่ายเวทย์ฮีลตัวเองแน่นอน
อย่างไรก็ตามทันทีที่คริมสันสตาร์พูดจบ ดาบเวทย์มนต์ก็เริ่มปรากฎขึ้นรอบๆผู้หญิงทั้งสองคน
Void Blade!
Shadow Rage!
ทั้งสองได้เรียกดาบเวทย์มนต์รวมกันออกมามากกว่าสามร้อยเล่ม ยิ่งไปกว่านั้นดาบเวทย์มนต์ทุกเล่มยังมีพลังมหาศาลมากๆจนทำให้พื้นที่รอบตัวของพวกเขาสั่นสะท้าน ซึ่งพลังของดาบเวทย์มนต์ทุกเล่มนี้นั้นอยู่ในมาตราฐานของขั้นสี่แน่นอน
“ไป !!”
ไวโอเล็ตคลาวด์และไซเร้นวอร์นเดอร์ตะโกนพร้อมกันด้วยเสียงต่ำๆ และเปิดการโจมตีเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์ โดยทั้งสองสาวทำให้มอนสเตอร์ค่อยๆล้มลงไปทีละตัว และภายในเวลาไม่นาน มันก็ไม่มีมอนสเตอร์ตัวใดอยู่ในรัศมีสี่สิบหลารอบทั้งคู่เลย ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์ตัวใดที่พยายามจะเข้ามาใกล้ในระยะนั้นก็จะถูกขับไล่ไปทันที