ตอนที่ 2650 ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ภายในนี้นั้นมีจำนวนมหาศาล และก็โชคดีที่มันเป็นข้อมูลของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเท่านั้น ถ้ามันเป็นข้อมูลของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดกลางหรือเหนือกว่าขึ้นไป แม้จะมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอยู่ที่สูงสุดของขั้นสี่ก็ยังจะไม่สามารถอ่านมันได้แน่นอน
ซือเฟิงนั้นเริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง เมื่อเขาเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก
หากมองแค่พื้นผิว ความแตกต่างระหว่างป้อมปราทั่วไปกับป้อมปราการเคลื่อนที่อาจดูไม่ใหญ่มากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วหนึ่งนั้นอยู่กับที่ ขณะที่อีกหนึ่งนั้นเคลื่อนที่ได้ อย่างไรก็ตามจริงๆแล้วความแตกต่างมันมีมากกว่าเรื่องการเคลื่อนที่เพียงอย่างเดียว
ในการจะสร้างป้อมปราการทั่วไป วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นมีความสำคัญมากที่สุด ขณะที่เรื่องวงเวทย์เป็นเรื่องรอง สำหรับป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นมันตรงกันข้าม วงเวทย์นั้นมีความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นเป็นเรื่องรอง ป้อมปราการเคลื่อนที่อาจถูกระบุว่าเป็นป้อมปราการเวทย์มนต์ โดยสิ่งก่อสร้างทั้งสองระดับนั้นมีความซับซ้อนที่แตกต่างกันอย่างสิ้งเชิง
จากสิ่งที่ซือเฟิงสามารถจะเห็นได้ มันมีวงเวทย์ที่จำเป็นต่อการใช้สร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กหลายพันวงเลย ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่วงเวทย์ที่อ่อนแอที่สุดมันก็ยังอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นพื้นฐาน ดังนั้นนี่มันก็น่าจะทำให้หลายคนสามารถจินตนาการได้ว่าการก่อสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมีความซับซ้อนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากแบบแปลนที่ซือเฟิงได้รับมานั้นเป็นแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดกลาง ความซับซ้อนของมันจะน่ากลัวยิ่งกว่านี้ และมันก็น่าจะต้องประกอบไปด้วยวงเวทย์นับหมื่น และแค่คิดถึงตัวเลขนึ้มันก็ทำให้เขาใจสั่นแล้ว
สำหรับตอนนี้เมื่อซือเฟิงมองไปยังแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้น เขาก็ไม่รู้เขาเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นเป็นสิ่งที่มหาอำนาจมากมายนับไม่ถ้วนในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนปราถนาจะได้รับมัน ในความเป็นจริงมหาอำนาจต่างๆจะยอมแลกเมืองหลักขนาดใหญ่ของตัวเองกับป้อมปราการเคลื่อนที่เลยด้วยซ้ำ
แม้มันจะยากมากๆในการที่จะอัพเกรดเมืองกิลให้เป็นเมืองหลักขนาดใหญ่ได้ เพราะมันต้องใช้ทั้งเวลา ทรัพยากร และความพยายามอย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเสนอเมืองหลักขนาดใหญ่ไป มันก็ไม่เคยมีมหาอำนาจกลุ่มไหนที่มีป้อมปราการเคลื่อนที่จะยอมแลก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้นั้นถือเป็นเหมือนฐานทัพอากาศ แม้ว่าป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กจะไม่สามารถเทียบได้แม้แต่เมืองขั้นพื้นฐาน แต่ในสถานการณ์ที่อะเม้าท์บินได้ยังคงจัดว่าหายากมากๆแบบนี้ และมันมีเมืองกิลเพียงแค่ไม่กี่แห่งที่ถูกสร้างขึ้นในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนี้จะมีค่ามากกว่าเมืองหลักขนาดใหญ่อย่างน้อยสามเมืองเลย
ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มหาอำนาจใดๆก็ตามที่เป็นเจ้าของป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นล้วนตกเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจอื่นๆในการเข้ามาขอแบ่งหุ้นของป้อมปราการเสมอ ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญอิสระ และทีมนักผจญภัยชั้นยอดจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะยอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ตัวเองได้รับสิทในการเข้าสู่ป้อมปราการเคลื่อนที่ ขณะเดียวกันกิลชั้นสูงบางแห่งที่โชคดีพอจะได้รับป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้มาก็จะกลาบเป็นกึ่งมหาอำนาจได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นมันก็จะยังไม่มีมหาอำนาจใดๆที่ต้องการจะรุกรานพวกเขา
อย่างไรก็ตามแม้จะไม่ได้รับป้อมปราการเคลื่อนที่มาในตอนนี้ แต่ซือเฟิงก็ได้รับแบบแปลนมาซึ่งจะทำให้เขาสามารถสร้างมันได้หนึ่งป้อม ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางแล้ว เขาก็จะสามารถสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำหากทุกอย่างพร้อม ซึ่งสิ่งนี้มันก็จะช่วยให้ตำแหน่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain มั่นคงทันที มันจึงเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง
อย่างไรก็ตามหลังจากศึกษาแบบแปลนนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกปวดหัวมากๆ
แม้ว่าเขาจะมีแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก และรวมไปถึงทักษะที่จำเป็นในการสร้างมัน แต่ต้นทุนวัสดุที่จะต้องใช้สร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ มันก็ยังคงคิดเป็นจำนวนมหาศาลอยู่ดี
นอกจากเขาจะต้องจัดเตรียมวัสดุที่จำเป็นต่างๆสำหรับการสร้างวงเวทย์หลายพันวงแล้ว เขายังต้องเตรียมวัสดุที่เป็นส่วนโครงสร้างอีก และเพียงแค่จำนวนของวัสดุที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กต้องการนั้น มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆในปัจจุบันของ God domain หมดตัว
คริสตัลเวทย์มนต์แปดล้านชิ้น …
หินมานาสามหมื่นก้อน …
แร่มานาสองล้านชิ้น ….
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ทั่วไปในตลาด แต่จำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับการรวบรวมพวกมันนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่มหาอำนาจทั่วไปจะสามารถจ่ายได้เลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการจะสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กยังต้องการวัสดุที่มีค่าอื่นๆอย่างเช่น เหล็กเวทย์มนต์อีก
จากการประมาณการคร่าวๆของซือเฟิง การสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กจะต้องใช้เงินอย่างน้อยห้าสิบล้านเหรียญทอง
นับประสาอะไรกับมหาอำนาจทั่วไป แม้แต่ซุเปอร์กิลที่มีประวัติยาวนาน และมีประสบการณ์โชกโชนก็ยังจะต้องใช้เวลาอย่างมากเลยในการรวบรวมเงินให้ได้ขนาดนี้
มหาอำนาจทั่วไปจะจัดว่าโชคดีมากแล้ว หากพวกเขามีเงินกองทุนสภาพคล่องของกิลเก็บไว้ที่ราวสามถึงสี่ล้านเหรียญทอง ซึ่งพูดกันง่ายๆก็คือ แม้แต่มหาอำนาจทั่วไปสิบกลุ่มรวมกัน พวกเขาก็จะยังไม่สามารถรวบรวมเงินห้าสิบล้านเหรียญทองได้ในทันที เว้นแต่ว่าพวกเขาจะขายทรัพย์สินบางส่วนของตัวเองออกไป อย่างไรก็ตามการทำเช่นนี้มันก็จะคล้ายกับการวางเกวียนไว้หน้าม้า ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะสามารถสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กได้เสร็จ กิลของพวกเขาก็จะล้มละลายไปก่อนแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดคือเหรียญก็ไม่ใช่ปัญหาหลักด้วย เพราะท้ายที่สุดเหรียญเป็นรูปแบบสกุลเงินพื้นฐานที่สุดใน God domain อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปสำหรับ คริสตัลเวทย์มนต์ หินมานา และแร่มานา …. นอกเหนือจากการเป็นสกุลเงินที่หายากแล้ว พวกมันยังเป็นไอเทมที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต ความจริงข้อนี้ก็จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นความยากลำบากนการจะรวบรวมวัสดุเหล่านี้มาให้ครบนั้น มันยากกว่าการรวบรวมเงินห้าสิบล้านเหรียญทองซะอีก
เนื่องจากต้นทุนวัสดุขั้นต่ำในการสร้างเพียงอย่างเดียวมันก็อยู่ที่ราวห้าสิบล้านเหรียญทองแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของฉันที่มีป้อมปราการแบบนี้ล้วนปฎิเสธจะแลกป้อมปราการเคลื่อนที่กับเมืองหลักขนาดใหญ่ของกิล ถ้ามันขึ้นอยู่กับฉัน ฉันเองก็จะไม่แลกเช่นกัน ซือเฟิงคิดพลางยิ้มอย่างขมขื่น
มูลค่าของเมืองหลักขนาดใหญ่ของกิลนั้นมันมากกว่าห้าสิบล้านเหรียญทองแน่นอน อย่างไรก็ตามห้าสิบล้านเหรียญทองนี้กับเป็นเพียงค่าวัสุของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเท่านั้น นอกจากนี้ หากจะให้ได้ราคานี้ มันก็ยังจะต้องอยู่ภายใต้สภาวะตลาดที่เหมาะสมด้วย
คริสตัลเวทย์มนต์ แร่มานา และหินมานา นั้นล้วนมีอุปทานน้อย แต่มีความต้องการสูงมากใน God domain และเพียงแค่การจะรวบรวมให้ได้จำนวนที่จำเป็นเพื่อใช้ในการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันก็จะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนในตลาด และทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นแน่นอน เพราะในท้ายที่สุดแล้วจำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับการรวบรวมวัสดุพวกนี้จะมากกว่าห้าสิบล้านเหรียญทองอยู่แล้ว และเผลอๆอาจถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญทองเลย
หลังจากพิจารณาถึงต้นทุน และเวลาโดยรวมทั้งหมดแล้ว ผู้ที่เป็นเจ้าของป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นจะจัดว่าขาดทุนแน่นอน หากขายป้อมปราการเคลื่อนที่ของตัวเองได้ในราคาต่ำกว่าสองร้อยล้านเหรียญทอง
และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก มันทำให้การจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์ และหินมานาในปริมาณที่ต้องการสำหรับเรื่องนี้นั้นเป็นไปได้ง่ายๆเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการรวบรวมแร่มานาให้ครบสองล้านชิ้นนั้นต่างหากคือปัญหาหลัก
ด้วยความช่วยเหลือจากมือแห่งปราชญ์ เขาจะสามารถเปลี่ยนคริสตัลเวทย์มนต์ให้กลายเป็นหินมานาได้อย่างง่ายดาย และโดยรวมแล้ว เขาก็จะต้องการคริสตัลเวทย์มนต์สำหรับเรื่องนี้แค่ราวเก้าล้านห้าแสนชิ้นเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยสำหรับสภาสิบแปดปีกตอนนี้ เนื่องจากกิลมีรายได้เป็นคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากผ่านป้อมปราการแสงดาว เมืองป่าหิน และประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปสำหรับแร่มานา
มองดูแบบพื้นผิวนั้น แร่มานาอาจมีราคาถูกกว่าคริสตัลเวทย์มนต์ และโดยปกติผู้เล่นทั่วไปนั้นก็แทบจะไม่ได้ใช้แร่มานาเลย มันมีเพียงแต่มหาอำนาจต่างๆเท่านั้นที่จะใช้แร่นี้เพื่อก่อสร้างบางสิ่งบ้าง
อย่างไรก็ตามอัตราการผลิตแร่มานานั้นก็ยังคงต่ำกว่าคริสตัลเวทย์มนต์มาก เนื่องจากแร่มานาจะเกิดขึ้นมาได้เฉพาะในบริเวณสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นเท่านั้น นอกจากนี้มหาอำนาจต่างๆก็ยังถือว่าแร่มานานั้นเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ และก็จะไม่ขายมันเลยเว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ โดยความยากในการรวบรวมแร่มานาสองล้านชิ้นให้ครบนั้น มันยากกว่าการรวบรวมคริสตัลเวทย์มนต์ให้ครบเก้าล้านห้าแสนชิ้นซะอีก
แม้ว่าในปัจจุบันสภาสิบแปดปีกจะเป็นพันธมิตรกับหอการค้าอาซู และยังสามารถหาแหล่งบางส่วนได้จากศาลาลับ แต่การซื้อแร่มานาจำนวนมากแบบนี้จะไปดึงดูดความสนใจของมหาอำนาจต่างๆแน่นอน ซึ่งหากมหาอำนาจเหล่านี้เริ่มการแทรกแซง การรวบรวมแร่มานาของพวกเขามันก็จะทำได้ยากขึ้นไปอีกมาก ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเข้ายึดเส้นเลือดแร่เกรด 2 ไม่ก็ 3 เพิ่มเติมหน่อยแล้ว
หากเขาพยายามซื้อแร่มานาในจำนวนมหาศาลจนผิดปกติ เพียงแค่ต้องรับกับราคาเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น มันก็จะมีปัญหามากแล้ว
ปัจจุบันเนื่องจากจำนวนสมาชิกกิลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวันของสภาสิบแปดปีกนั้น รายจ่ายประจำวันของกิลจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้กิลยังต้องการเงินทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของกองอัศวิน เมืองภายใต้ปกครองของกิล และสนามบินด้วย
ตอนนี้นับประสาอะไรกับการจัดซื้อแร่มานาสองล้านชิ้น สภาสิบแปดปีกไม่มีเงินทุนที่จำเป็นในการจะจัดซื้อแร่มานาห้าแสนชิ้นด้วยซ้ำ อีกทั้งเมื่อสมาชิกของกิลเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ กิลก็จะต้องลงทุนทั้งเงินและทรัพยากรอีกจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือพวกเขา โดยรวมแล้วสภาสิบแปดปีกนั้นขาดเงินทุนอย่างมากในตอนนี้
ดังนั้นวิธีเดียวที่ซือเฟิงสามารถจะทำได้ตอนนี้เพื่อจัดหาแร่มานาก็คือการที่เขาจะต้องเข้ายึดเส้นเลือดแร่เกรด 3 หรือสูงกว่าให้ได้ เพราะวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้รับแร่มานาในระยะยาว แต่เขายังจะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงการแทกรแซงจากมหาอำนาจต่างๆอีกด้วย
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังไตร่ตรองว่าเขาจะไปหาเส้นเลือดแร่ดังกล่าวได้อย่างไร อยู่ๆเขาก็ได้รับคำขอติดต่อสื่อสารจากอควาโรสเข้ามา
“หัวหน้ากิลมีเรื่องเกิดขึ้นที่อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น !!!” อควาโรสรายงานอย่างตื่นตระหนก
“มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ ? มันคืออะไรกัน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย
เนื่องจากแพ๊คเสริมใหม่กลียุคของเทพปีศาจที่ถูกเปิดขึ้นใน God domain นั้น มันจึงทำให้ God domain ทั้งหมดตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และมันก็มีสงครามกิลที่รุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน และอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็จัดเป็นอาณาจักรใหญ่ มันคงแปลกถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น … ไม่มีอีกแล้ว …”