ตอนที่ 2654 สภาสิบแปดปีกที่คร่ำครึ
เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง โซลิดวินด์และคนอื่นๆก็มองมายังซือเฟิงแบบแปลกๆ
“นี่ฉันเข้าใจอะไรผิดไปในบางสิ่งรึปล่าว ?” ซือเฟิงถามด้วยความงงงวย เมื่อเห็นปฎิกิริยาของคนเหล่านี้
ข้อมูลที่อควาโรสรายงานเขามานั้นมันไม่น่าจะใช่เรื่องเท็จ นอกจากนี้ต้วนฮันซานก็ยังได้กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นเองด้วย แม้ว่าอควาโรสจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมา แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ตัวตนอย่างหอการค้าอาซูจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาเช่นกัน
“คุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอก …” โซลิดวินด์กล่าวพลางส่ายหัว “เพียงแต่ว่าการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นมันเกิดขึ้นไปเมื่อเก้าวันก่อน ….”
“เก้าวันก่อน ?!”
ซือเฟิงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของโซลิดวินด์ ชั่วครู่หนึ่ง เขาสงสัยว่าเธอพยายามหลอกล่อเขาด้วยซ้ำ
ตามข้อมูลที่สภาสิบแดปีกได้รับมานั้น อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นได้ล่มสลายไปเมื่อหนึ่งวันก่อน แม้ว่าข้อมูลจะมีข้อผิดพลาด แต่ช่องว่างของเวลาก็ไม่ควรมากขนาดนี้
“อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นล่มสลายไปเมื่อเก้าวันก่อนจริงๆ และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว God domain ทั้งหมดในเวลานั้น ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆที่อยู่ในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นอยู่ในสภาพน่าสังเวชมากๆ” ชิลวอริเออร์ขั้นสามที่ยืนอยู่ข้างโซลิดวินด์กล่าวอธิบายยืนยันอีกเสียง พลางพยักหน้า “หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆหลายกลุ่มของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็ได้รวมตัวกันปล้นทรัพยากรจากประเทศใกล้เคียง สถานการณ์นั้นมันรุนแรงมากๆจนทำให้เกิดสงครามขนาดใหญ่สองครั้งที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นหลายล้านคน ผลที่ตามมาคือมันทำให้กิลจำนวนมากล่มสลายไป โดยในหมู่กิลเหล่านี้มีกิลชั้นรองอยู่จำนวนหนึ่งด้วยซ้ำ นี่มันทำให้มหาอำนาจต่างๆในประเทศใกล้เคียงต่างพากันตื่นตระหนกมากๆ”
“ใช่แล้ว และสามวันที่ผ่านมามอนสเตอร์ที่โผล่ขึ้นมาในอาณาจักกรเพอเพิ้ลธอร์นก็เริ่มบุกเข้าสู่อาณาจักรสตาร์มูน ซึ่งก็โชคดีที่อาณาจักรสตาร์มูนนั้นไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น NPC ขั้นสาม หรือสูงกว่าขึ้นไปทั้งหมดของพวกเขายังคงอยู่ในสถานะพร้อมต่อสู้ แต่ถึงกระนั้นอาณาจักรสตาร์มูนก็ยังสูญเสียดินแดนไปเกือบครึ่งหนึ่งในเวลาครึ่งวัน ซึ่งพื้นที่ที่อาณาจักรสูญเสียไป มันก็ได้กลายเป็นรังของมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ !!!” โซลิดวินด์อธิบาย เมื่อเธอเห็นความสงสัยบนใบหน้าของซือเฟิง
แม้จะได้ยินคำอธิบายที่จริงใจของโซลิดวินด์ แต่ซือเฟิงก็ยังคงไม่มั่นใจว่านี่เป็นเรื่องจริง
อย่างไรก็ตามมันไม่มีเหตุผลเลยที่โซลิดวินด์จะโกหกคนแปลกหน้าแบบเขา ยิ่งไปกว่านั้นการแดงออกของทุกคนก็ดูเป็นธรรมชาติมากๆ มันไม่ได้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแกล้งทำเลย
แถมถ้าคนเหล่านี้คิดจะล้อเล่นหรือหลอกล่อเขาเขาก็น่าจะรู้สึกได้นานแล้ว ….
เพราะท้ายที่สุดแล้วในหมู่พวกเขานั้นยังไม่มีใครมาถึงขอบเขตอนันต์ด้วยซ้ำ และการจะหลีกเลี่ยงการรับรู้ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนแบบตัวเขาเองให้ได้นั้น มันจะเป็นเรื่องยากมากๆ หลังจากไปถึงขอบเขตอนันต์แล้วเท่านั้น ผู้เล่นจึงจะสามารถควบคุมท่าทีของร่างกายได้ เมื่อพวกเขาโกหก
ถ้าโซลิดวินด์และคนอื่นๆกำลังโกหกอย่างแท้จริง นั่นมันก็จะต้องหมายความว่าทีมของพวกเขาทั้งสองร้อยคนนี้ล้วนประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ทั้งหมด ซึ่งแม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับก็ยังไม่น่าจะมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์มากขนาดนี้ได้ในระยะนี้ของเกม
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากขึ้น เมื่อเขาทำการประมวลผลเหตุการณ์ทั้งหมดในสมอง เขาใช้เวลาอยู่ในเขาวงกตเชิงพื้นที่เพียงเจ็ดหรือแปดชั่วโมงเท่านั้น แต่ตอนนี้ความจริงคือเขาเสียเวลาไปเก้าวันโดยไม่รู้ตัวแล้วงั้นหรอ ?
ทันทีที่ซือเฟิงได้รับข่าวการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น เขาก็รีบตัดสินใจกลับมายังทวีปด้านตะวันออกโดยไม่ลังเล และเขาก็ไม่ได้ล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมกลางคันด้วยซ้ำ นอกจากนี้เขายังไม่ได้หลับหรือพักใดๆเลยด้วยซ้ำ แต่เวลามันกับผ่านไปเก้าวันแล้วเนี่ยนะ ?!
เจ็ดหรือแปดชั่วโมงกลายเป็นเก้าวันไปได้ยังไง ?! ทันใดนั้นซือเฟิงก็นึกถึงความเป็นไปได้ และใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นี่ฉันเข้าไปสู่พื้นที่แห่งความโกลาหลของเวลางั้นหรอ ?
โดยปกติคนเรานั้นจะสามารถใช้เวลาอยู่ใน God domain ได้สี่สิบแปดชั่วโมง ซึ่งมันจะเท่ากับในโลกจริงหนึ่งวัน อย่างไรก็ตามมันก็มีสถานที่พิเศษบางแห่งใน God domain ที่เวลาจะไหลไปเร็วกว่าปกติมาก และการอยู่ในนั่นเพียงครึ่งวันก็หมายถึงเวลาผ่านไปทั้งเดือนในโลกภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นตลอดทั้งเดือนนี้ ผู้เล่นก็จะไม่สามารถถูกปลุกหรือขัดจังหวะได้ เพราะพวกเขาจะมีสิทเข้าสู่สภาวะโคม่า หรือสมองได้รับความเสียหายได้ หากพวกเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาเอง
โชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยใน God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง เขาก็เคยได้ยินเพียงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์นี้เท่านั้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้เขาจะได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ในความเป็นจริงมันก็มีความเป็นไปได้ด้วยที่อควาโรสและคนอื่นๆจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเช่นกัน
“โอ้ใช่แล้ว รองผู้บัญชาการวินด์ แล้วคุณรู้ไหมว่ามหาอำนาจต่างๆของอาณาจักรสตาร์มูนรับมือกับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างไร ?” ซือเฟิงถาม หลังจากที่เขาเริ่มจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว
อะไรที่มันจบไปแล้วก็คือจบไปแล้ว เวลาที่เขาเสียไปนั้นเขาไม่มีทางจะได้มันกลับคืนมา แต่โชคดีที่อาณาจักรสตาร์มูนนั้นถูกยึดครองไปเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งด้วยสถานะของสภาสิบแปดปีกในฐานะกิลอันดับหนึ่งของอาณาจักรสตาร์มูน และการสนับสนุนของเมืองป่าหิน สภาสิบแปดปีกก็ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วนอกเหนือจากแกนหลักทของสภาสิบแปดปีกบางส่วนที่ซือเฟิงพาเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกนั้น พวกแกนหลักส่วนใหญ่ของกิลก็ยังอยู่ในอาณาจักรสตาร์มูนเช่น เมลานโครอิคสไมล์ ยู่หลาน และคนอื่นๆอีกมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไปนาน ในตอนนี้เขาจึงจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรสตาร์มูนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด
“สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากนัก …” โซลิดวินด์กล่าวตอบ “แต่เดิมมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้นั้นส่งผลกระทบต่ออาณาจักรสตาร์มูนมาก อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างกองกำลังหลักบางส่วนของสภาสิบแปดปีก กิลอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรสตาร์มูนกลับไม่ปรากฎตัวออกมา แม้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็ตาม …. แต่โชคดีที่พันธมิตรบางกลุ่มของสภาสิบแปดปีกที่ปฎิบัติการในเมืองป่าหินออกมาช่วยต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ มันจึงทำให้สภาสิบแปดปีกยังพอจะรักษาสถานการณ์ในอาณาจักรสตาร์มูนไว้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มั่นคงนักก็ตาม ….”
“อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเฉยเมยแบบนี้ของสภาสิบแปดปีก มหาอำนาจกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่ามือแห่งนักบุญก็ได้ปรากฎตัวขึ้นมาในอาณาจักรสตาร์มูน ซึ่งมือแห่งนักบุญนั้นได้ทำการเข้าปล้นทรัพยากรมากมายในพื้นที่ที่ถูกยึดครองจากมอนสเตอร์ Faux Saint จนทำให้ตัวเองพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว แถมพวกเขายังสร้างเมืองกิลขึ้นอีกมาย และพวกเขาก็ยังสามารถเข้ายึดครองหนึ่งในป้อมปราการของจักรวรรดิออร์คได้ พูดง่ายๆก็คือมือแห่งนักบุญนั้นได้สร้างเขตปลอดภัยขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถพัฒนาได้อย่างปลอดภัย ในขณะเดียวกันมือแห่งนักบุญก็กำลังเข้ากลืนกินดินแดนของกิลชั้นรอง และชั้นสามของอาณาจักรสตาร์มูนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันกระตุ้นให้เกิดสงครามไปทั่วอาณาจักร”
“ยิ่งไปกว่านั้นมหาอำนาจต่างๆ และรวมไปถึงแบล๊ควอเตอร์ก็ยังมีท่าทีกลัวมือแห่งนักบุญอย่างมาก ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้มือแห่งนักบุญก็ได้เข้ายึดหนึ่งในเมืองหลักของกิลพันธมิตรดวงดาวไปแล้ว ตอนนี้อิทธิพลของมือแห่งนักบุญในอาณาจักรสตาร์มูนเริ่มจะมีมากกว่าสภาสิบแปดปีกแล้ว ฉันคิดว่ามันคงอีกไม่นานแน่นอนก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวจัดการกับสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรสตาร์มูน และท้ายที่สุดแล้ว สภาสิบแปดปีกก็น่าจะถูกกลืนหายไปในเปลวไฟแห่งคราม”
หลังจากโซลิดวินด์กล่าวจบ ทุกคนในปัจจุบันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่
พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นผู้เล่นของอาณาจักรสตาร์มูน และพวกเขาก็พัฒนาตัวเองอยู่ที่นี่มาเป็นหลักนับตั้งแต่เข้าสู่ God domain และในตอนนี้แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะคุกคามการดำรงอยู่ของอาณาจักรสตาร์มูน แต่มหาอำนาจต่างๆของอาณาจักรนั้นกับไม่เลือกจะรวมตัวกันเพื่อต่อกรกับภัยคุกคามนี้ เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง พวกเขาบางกลุ่มกับเริ่มต่อสู้กันเองด้วยซ้ำ และเมื่อเป็นแบบนี้ อาณาจักรสตาร์มูนจะสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ Faux Saint ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆทุกวันได้ยังไง ?
มอนสเตอร์ Faux Saint ในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ตัวแรกๆที่เข้าโจมตีอาณาจักรสตาร์มูนไปแล้ว
ในตอนแรกมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ เป็นเพียงลอร์ดบอส เลเวลหนึ่งร้อย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่คนเดียว หรือแม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสองก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้มอนสเตอร์ Faux Saint กับเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่ว่า แม้แต่พวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่
ทุกคนต่างคาดเดากันไว้แล้วว่าอีกไม่นาน มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายจะปรากฎตัวขึ้นแน่ และเมื่อตอนนั้นมาถึง อาณาจักรสตาร์มูนก็คงจะถึงจุดจบแน่นอน
มือแห่งนักบุญ ? เรื่องนี้มันน่าสนใจจริงๆ
แม้จะนึกถึงความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แต่ซือเฟิงก็ไม่สามารถนึกถึงมหาอำนาจใดๆที่มีชื่อว่า มือแห่งนักบุญ ออกเลย อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่ามือแห่งนักบุญสามารถพุ่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในอาณาจักรสตาร์มูน หลังจากการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นเพียงไม่นาน และกิลกระทั่งสามารถสร้างเขตปลอดภัยขนาดใหญ่ กับเข้ายึดหนึ่งในป้อมปราการของจักรวรรดิออรฺคได้ มันก็เห็นได้ชัดเลยว่ากิลมีรากฐานที่ไม่ธรรมดาเลย ….
“เพื่อน เรากำลังจะพาขบวนสินค้านี้ไปที่เมืองปีกสีเงิน คุณสนใจจะมากับเราไหม ?ปัจจุบันเมืองปีกสีเงินนั้นมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ และหุ่นกลผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังมากมายคอยปกป้อง ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลอดภัยเพียงไม่กี่แห่งของจักรวรรดิออร์ค รวมถึงมันยังเป็นศูนย์กลางการค้าของจักรวรรดิออร์ค ผู้บัญชาการของเรานั้นค่อนข้างจะมีอิทธิพลในเมืองปีกสีเงิน หากคุณต้องการจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ คุณจะทำได้ง่ายขึ้นเมื่อไปที่นั่น …” ชิลวอริเออร์ขั้นสามกล่าวแนะนำ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง
“เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็คงต้องขอรบกวนด้วย …” ซือเฟิงกล่าวและขอบคุณชิลวอริเออร์สำหรับคำเชิญ
ปัจจุบันเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน นอกจากนี้เขาก็ยังไม่รู้ทางที่จะกลับไปยังอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นมันจึงจะดีกว่ามากถ้าเขาจะเดินทางไปที่เมืองปีกสีเงินพร้อมกับคนเหล่านี้ แล้วค่อยคิดหาหนทางต่อไป
เมื่อชิลวอริเออร์ได้ยินซือเฟิงยอมรับคำเชิญของเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็ถามอย่างสงสัยว่า “โอ้ใช่แล้ว แล้วจะให้เราเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ ?”