Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2675

ตอนที่ 2675 การเปลี่ยนแปลงของเวลาในทวีปด้านตะวันออก

หลังจากไวท์เฟเธอร์พูดจบ บรรยากาศที่หนักหน่วงภายในห้องประชุมก็ยิ่งหนักขึ้น ครู่หนึ่ง มันรู้สึกราวกับว่าเวลาในห้องนั้นได้หยุดลง ขณะที่ทั้งห้องเงียบลงอย่างสุดจะพรรณนา

“พวกเขาแพ้ ? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งหมดถูกฆ่า ? เป็นไปได้ยังไง ?!”

หลังจากที่โคลท์ชาโด้วหายตกตะลึง เธอก็รู้สึกว่าไวท์เฟเธอร์กำลังล้อเล่นกับเธอ ไม่งั้นมันก็จะต้องมีข้อผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งในข้อมูลที่รายงานมาแน่นอน

กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญล้มเหลวในการเข้าทำลายเมืองปีกสีเงิน มันก็จัดว่าเป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่อมากแล้ว

อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอกับได้รับแจ้งมาว่าไม่เพียงแต่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจะประสบกับความพ่ายแพ้ แต่สภาสิบแปดปีกยังสามารถทำลายล้างพวกเขาได้ทั้งหมดด้วย เธอนั้นจะเชื่อมากกว่านี้ด้วยซ้ำ หากเป็นข่าวที่สภาสิบแปดปีกทำลายมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งในทันที แต่กับเรื่องนี้มันดูไร้สาระมาก ….

เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันมีกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint มากกว่าสี่ล้านตัวที่เดินทางไปโจมตีเมืองปีกสีเงิน ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในกองทัพก็ยังเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Faux Saint Saboteurs ซึ่งแม้แต่ทีมหกคนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังต้องใช้เวลาประมาณสิบนาทีเพื่อฆ่าพวกมันสักตัว

แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดจะหยุดนิ่ง และปล่อยให้ผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินระดมโจมตีพวกมันได้อย่างอิสระ แต่มันก็ยังคงจะต้องใช้เวลานานมากกว่าที่ผู้เล่นจะทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ลงได้ทั้งหมด

ในขณะเดียวกัน เวลามันก็ผ่านมาอย่างมากที่สุดสองชั่วโมงเท่านั้น นับตั้งแต่ที่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เข้าประชิดเมืองปีกสีเงิน แล้วสภาสิบแปดปีกจะทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ลงในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้ได้ยังไง ?

นอกเหนือจากมอนสเตอร์ Faux Saint ที่เป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ในกองทัพยังประกอบไปด้วย Faux Saint Destroyers ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดมากกว่าหนึ่งแสนตัวที่จะหนีจากการต่อสู้ทันที เมื่อ HP ของพวกมันลดลงจนถึงระดับหนึ่ง และด้วยจำนวนของ Faux Saint Destroyers ที่กระจายตัวกันหลบหนี ผู้เล่นในเมืองปีกสีเงินก็ไม่ควรจะสามารถตามล่าและฆ่าได้ครบทุกตัว แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากกว่านี้อีกสิบเท่าก็ตาม

อย่างไรก็ตามไวท์เฟเธอร์ และตัวแทนต่างๆในปัจจุบันต่างก็เผยรอยยิ้มอันขมขื่นที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยตัวเองออกมา เมื่อได้ยินคำถามของโคลท์ชาโด้ว

พวกเขาทุกคนล้วนปราถนาอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่ลูกน้องของพวกเขาจะส่งมาจะผิด หรือเป็นเท็จ อย่างไรก็ตามรายงานที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ได้มีเพียงแต่คำพูดเท่านั้น แต่มันยังมีรูปภาพและวีดีโอประกอบมาอีกมากมายด้วย ในความเป็นจริงรายงานนี้มันละเอียดมากจนพวกเขาอดสงสัยไม่ได้เลยว่าพวกเขากำลังฝันอยู่

โดยปกติในข้อความที่ถูกส่งต่อมาอย่างเร่งด่วน ลูกน้องของพวกเขาจะส่งข้อความพร้อมกับข้อมูลมาเพียงไม่กี่ย่อหน้าเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ลูกน้องของพวกเขากับทำตัวเหมือนกับเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็งที่พึ่งเริ่มงานใหม่ๆ และแค่วีดีโอที่ส่งมามันก็มีจำนวนมากกว่าหนึ่งโหลแล้ว และมันมีแม้แต่ข้อความบรรยายประกอบใต้วีดีโอแต่ละวีดีโอด้วย ซึ่งมันราวกับว่าลูกน้องของพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงทำมาละเอียดแบบนี้

ในการจะตอบคำถามของโคลท์ชาโด้ว ไวท์เฟเธอร์ไม่ได้เลือกที่จะเสียเวลาอธิบายโดยเปล่าประโยชน์ เธอได้เลือกจะส่งข้อมูลทั้งหมดที่ลูกน้องของเธอส่งมาให้โคลท์ชาโด้วดูทันที

เมื่อโคลท์ชาโด้วดูทั้งหมดเรียบร้อย เธอก็เงียบลงและเต็มไปด้วยความตกตะลึง ปฎิกิริยาของเธอนั้นไม่ได้แตกต่างจากไวท์เฟเธอร์และคนอื่นๆมากนักเลย

วงเวทย์ป้องกันของเมืองที่มีพลังป้องกันน่ากลัวมากๆ !!!

องครักษ์ส่วนตัวมากกว่าสามร้อยคนที่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ !!!

ผู้พิทักษ์เมืองที่เป็น NPC ขั้นสี่สามารถทำให้ Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัวบาดเจ็บสาหัสได้ในการโจมตีเดียว !!!

องครักษ์ส่วนตัว ขั้นสี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าพันคนเคลื่อนไหวไม่ได้ และฆ่าพวกเขาในทันที !!!
ข้อมูลแต่ละชิ้นนั้นมันดูเกินจริง และแทบไม่น่าเชื่อเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะโคลท์ชาโด้วมั่นใจว่ามือแห่งนักบุญมีเป้าหมายที่จะทำลายล้างสภาสิบแปดปีก และรู้ว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นเดินทัพไปเพื่อโจมตีเมืองปีกสีเงินจริงๆ เธอคงจะคิดว่ามือแห่งนักบุญนั้นร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเพื่อเล่นตลกกับเธอ

….

ในขณะเดียวกันนอกเหนือจากมหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมในการพูดคุย และหารือเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้แล้ว มหาอำนาจต่างๆทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออกก็ตกอยู่ในความโกลาหลเช่นกัน

“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!”

“มหัศจรรย์มาก !!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแบล๊คเฟรมถึงไม่สนใจภัยคุกคามจากเธ้าซั่นอาย และเลือกจะฆ่าเขาทันทีไม่ว่าเขาจะขู่อะไร ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ ใครจะสามารถทำลายเมืองปีกสีเงินได้กัน ?”

“องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ? ดูเหมือนว่าเวลาจะเปลี่ยนไปอีกแล้วในทวีปด้านตะวันออก”

….

มหาอำนาจต่างๆของ God domain ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะล้มเหลวในการทำลายเมืองปีกสีเงิน และประสบความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถแบบนี้ อย่างไรก็ตามแทนที่จะตกตะลึงที่สุดกับความพ่ายแพ้ของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint สิ่งที่สร้างความตกตะลึงมากที่สุดให้กับมหาอำนาจต่างๆก็คือ ความแข็งแกร่งของ NPC ขั้นสี่ ที่ผ่านมาพวกเขาตัดสินความแข็งแกร่งของ NPC ขั้นสี่ผิดไปมาก

ก่อนหน้านี้แม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัว NPC ขั้นสี่ แต่มันก็อยู่แค่ในระดับเดียวกันกับความหวาดกลัวต่อมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่แข็งแกร่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตามปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญขั้นสามใน God domain กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจำนวนของสกิลกับเวทย์มนต์ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้เรียนรู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน แถมจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังเข้าใกล้กับมาตราฐานขั้นสี่จึงไม่ได้หายากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ในความเป็นจริง การฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเริ่มจะกลายเป็นเรื่องปกติใน God domain แล้ว

ดังนั้นมันจึงไม่มีใครรู้สึกหวาดกลัวต่อ NPC ขั้นสี่มากเท่าเดิมอีกต่อไป และพวกเขาก็คิดว่า NPC ขั้นสี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษอีกต่อไป และโดยส่วนใหญ่แล้ว NPC ขั้นสี่ก็น่าจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็น่าจะมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ขนาดเล็กได้ แต่ไม่น่าส่งผลกระทบมากมายในสงครามขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ดูการแสดงของเคร็ก มิดแลนด์ และแวร์ซายแล้ว มหาอำนาจต่างๆก็ตระหนักได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาเข้าใจผิดไปอย่างมาก

นับประสาอะไรกับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงภาพรวมของสงครามขนาดใหญ่ มันต้องพูดว่าทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสี่นั้นจะไม่ต่างจากมดปลวกเลยต่อหน้า NPC ขั้นสี่ เพราะพวกเขาแทบจะสามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านี้มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกต่างรู้สึกดีใจมากที่พวกเขาเริ่มมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสภาสิบแปดปีก ในความเป็นจริงจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่พวกเขามีนั้นเพิ่มมากขึ้นจนองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามส่วนใหญ่ก็ยังหยุดพวกเขาไม่ได้ นี่เป็นสาเหตุที่มหาอำนาจต่างๆเริ่มวางแผนโจมตีเมืองป่าหินอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการแสดงของเคร็ก มิดแลนด์ และแวร์ซายแล้ว มหาอำนาจต่างๆก็ตระหนักว่าความคิดของพวกเขานั้นมันน่าหัวเราะ

เหล่าผู้บัญชาการ และพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกหายตัวไป ? สภาสิบแปดปีกไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกต่อไป ? สภาสิบแปดปีกเพียงแค่อาศัยบารมีเก่าเพื่อความอยู่รอด ? มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่มหาอำนาจต่างๆจะกลืนกินสภาสิบแปดปีกจนหมดสิ้น ? มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ ทุกข้อสันนิษฐานล้วนผิดไปไกล

….

ในขณะเดียวกันภายในโลกแห่งความมืด ความปั่นป่วนก็แผ่ขยายไปทั่วเช่นกัน เนื่องจากความพ่ายแพ้ของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint

“มหัศจรรย์มากๆ !!! หลังจากเจอกับเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่แบบนี้ มหาอำนาจในโลกแห่งความมืดที่แอบดำเนินการอย่างลับๆจะต้องคิดใหม่หลายครั้ง หากจะทำอะไร !!!” บลูเรนโบว์กำหมัดของเธอด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอได้อ่านรายงานของลูกน้องของเธอ

ก่อนหน้านี้แม้ว่าดาร์ครัปโซดี้จะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากความร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก แต่แรงกดดันที่มหาอำนาจต่างๆกระทำต่อดาร์ครัปโซดี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เป็นผลให้การป้องกันประตูเทเลพอร์ตฝั่งโลกแห่งความมืดนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อให้เรื่องแย่ลง เวิร์ลโดมิเนชั่นได้เพิ่มขอบเขตการปฎิบัติการอย่างกว้างขวางขึ้นมาอีกครั้ง แถมพวกเขายังใช้วิธีที่ไม่มีใครรู้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสมาชิกของตัวเองอย่างรวดเร็ว แถมเวิร์ลโดมิเนชั่นยังแอบเป็นพันธมิตรลับๆกับมหาอำนาจหลายกลุ่มในโลกแห่งความมืดเพื่อทำการซุ่มโจมตีดาร์ครัปโซดี้อย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งมันสร้างความเสียหายให้กับดาร์ครัปโซดี้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่อิทธิพลของดาร์ครัปโซดี้ในโลกแห่งความมืดจะไม่เพิ่มขึ้น แต่มันยังลดลงมากในแต่ละวัน

เมื่อเร็วๆนี้ข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับการล่มสลายของสภาสิบแปดปีกในที่สุดก็ส่งผลกระทบต่อความคิดเห็นส่วนหนึ่งของพวกระดับสูงของดาร์ครัปโซดี้ และมันก็ทำให้กิลเริ่มแตกแยกกัน เพราะคนบางกลุ่มเริ่มคิดว่าการที่ดาร์ครัปโซดี้เป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกมันไม่คุ้มค่าอีกต่อไป และให้กิลหันกลับมายืนข้างเวิร์ลโดมิเนชั่นแทน

อย่างไรก็ตามด้วยการปรากฎตัวของ NPC ขั้นสี่สองคนของสภาสิบแปดปีก ตอนนี้ใครกันจะกล้าต่อต้านการเป็นพันธมิตรกันของสภาสิบแปดปีกกับดาร์ครัปโซดี้ …

….

ในช่วงเวลาที่พันธมิตรต่างๆของสภาสิบแปดปีกกำลังชื่นชมยินดี สงครามที่เมืองปีกสีเงินก็ได้มาถึงช่วงสุดท้ายเช่นกัน หลังจากทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เรียบร้อย สมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายพันคนก็กำลังช่วยเช็คและนับผลงานของผู้เล่นอิสระหลายคนที่มีส่วนร่วมในสงคราม

แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะไม่ได้ดรอปไอเทมใดๆ แต่พวกมันก็มอบ EXP ให้กับผู้เล่นจำนวนมากซึ่งมากกว่ามอนสเตอร์ในเลเวลและขั้นเดียวกันสามหรือสี่เท่า นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้เล่นหลายคนยังคงเลือกจะปฎิบัติการในดินแดนของมอนสเตอร์ Faux Saint แทนที่จะมุ่งหน้าไปที่สถานที่ที่ปลอดภัยกว่า

การปฎิบัติการภายในอาณาเขตของมอนสเตอร์ Faux Saint อาจจะเป็นอันตรายมาก แต่ด้วยค่า EXP ที่มอนสเตอร์พวกนี้มอบให้ ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นจากการล่าในแผนที่ปกติสองถึงสามเท่า

หลังจากที่เมืองปีกสีเงินทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ได้สำเร็จ โดยที่ไม่มีใครตาย EXP ที่ทุกคนได้รับก็พุ่งทะลุเพดานมากๆ สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้มีเลเวลเพิ่มขึ้นกันคนละอย่างน้อยหนึ่งเลเวล ขณะที่สมาชิกที่มีเลเวลต่ำบางส่วนได้รับสองถึงสามเลเวลด้วยจากสงครามครั้งนี้ ความเร็วในการเก็บเลเวลของทุกคนนั้นมันเร็วจนน่ากลัวมากๆ

ในขณะเดียวกันชัยชนะของเมืองปีกสีเงินก็ได้ชักนำให้ผู้เล่นและทีมนักผจญภัยที่ปฎิบัติงานในเมืองกิลอื่นๆที่ถูกก่อตั้งขึ้นในจักรวรรดิออร์คล้วนเดินทางมายังเมืองปีกสีเงิน โดยที่ทุกคนล้วนต้องการจะมาพัฒนาที่เมืองนี้ ในความเป็นจริง มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกด้วยเช่นกัน สถานการณ์นี้ทำให้เมลานโครอิคสไมล์และยู่หลานมีความสุขมากๆ

ปัจจุบันสิ่งที่สภาสิบแปดปีกขาดมากที่สุดก็คือ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม เนื่องจากสภาสิบแปดปีกยังคงไม่มีสมาชิกกองกำลังหลัก และความจริงที่ว่าดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่าส่วนใหญ่มีข้อกำหนดขั้นต่ำอยู่ที่ขั้นสาม สภาสิบแปดปีกจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะรวบรวมวัสดุ อาวุธ และอุปกรณ์ ที่จำเป็นต่อกิลของพวกเขา

ในขณะที่ผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินกำลังเฉลิมฉลองกับชัยชนะของพวกเขา ซือเฟิงก็เดินทางกลับไปที่สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก เขาวางแผนที่จะล๊อคเอ้าท์ออกจากเกม และไปพักผ่อนบ้าง

ก่อนหน้านี้เนื่องจากเขาได้ฆ่า Faux Saint Devourers ไปอีกแปดตัว เขาจึงได้รับตราประทับวิญญาณมาอีกแปดดวง แม้ว่าตราประทับวิญญาณเหล่านี้จะไม่มีวงเวทย์วิญญาณเหมือนกับตราดวงก่อน แต่มันก็ทำให้สมองของเขาสดชื่น และกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมพิเศษ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติของเขาอย่างแน่นอน เพราะได้ออนไลน์อยู่ในเกมติดกันมามากกว่าสิบวันแล้ว เขาจำเป็นจะต้องออกจากเกมไปเพื่อพักผ่อนและตรวจสอบร่างกาย

ในขณะที่รอให้กระบวนการล๊อคเอ้าท์สามสิบวินาทีเสร็จสมบูรณ์ ยู่หลานก็ได้โทรเข้ามาหาซือเฟิง

“หัวหน้ากิล ฟางฉีหานจากไมโทโลจี้ได้มาที่สำนักงานใหญ่หลักของเราอย่างกระทันหัน และคนของเราไม่สามารถห้ามเธอกับผู้ติดตามของเธอไม่ให้เข้ามาในอาคารได้เลย ขณะนี้พวกเขาอยู่ที่ล๊อบบี้หลัก และเธอบอกว่าเธอต้องการคุยกับคุณ เธอบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับอนาคตของสภาสิบแปดปีก คุณต้องการพบกับเธอไหม ?” ยู่หลานถามอย่างกังวล

“หื้ม ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของยู่หลาน เขายิ้มและกล่าวต่อว่า “นี่น่าสนใจ ให้ใครสักคนพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองชั้นบนสุด ฉันจะรีบตรงไปที่นั่นทันที”

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset