ตอนที่ 2676 ศักยภาพสูงขึ้น
สำนักงานใหญ่หลักสภาสิบแปดปีก ห้องของซือเฟิง :
พร้อมกับการลอยตัวของอากาศที่เจอกับแรงดันสูง ฝาที่ปิดอยู่อย่างหนาแน่นของห้องเกมเคบินของซือเฟิงก็เปิดขึ้น ในขณะเดียวกันแถบไฟเตือนที่ขอบห้องเกมเคบินก็สว่างเป็นสีแดงเข้ม
“แน่นอนเลย ….”
เมื่อซือเฟิงออกมาจากห้องเกมเคบิน และเห็นอินเตอร์เฟซของห้องเกมเคบินแสดงคำเตือนทุกประเภทที่มี เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าการทำงานของสมองที่ผิดปกตินั้นมาพร้อมกับพลังที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าอัตราการบริโภคจะเพิ่มขึ้นถึงระดับนี้ ก่อนที่สงครามกับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะเริ่มขึ้น สารอาหารเหลวในห้องเกมเคบิน และสารอาหารสำรองยังคงเหลือที่ราวสามสิบเปอเซ็นต์ อย่างไรก็ตามตอนนี้ปริมาณสารอาหารเหลวพวกนี้แห้งไปแล้ว
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน ซือเฟิงได้ออกแบบห้องเกมเคบินของเขามาโดยเฉพาะด้วยการปรับแต่งพิเศษ ซึ่งมันแตกต่างจากห้องเกมเคบินมาตราฐานปกติ ห้องเกมเคบินของเขามีการเพิ่มช่องสารอาหารเหลวมาอีกยี่สิบขวด ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสารอาหารเหลวระดับ A และระบบนี้จะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อสารอาหารเหลวตามปกติไม่สามารถให้พลังงานได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทุกอย่างมันจะหมดลงแบบแห้งสนิทอย่างนี้ ….
ซือเฟิงไม่ได้คิดเรื่องนี้นานนัก เขาไม่รอช้าและรีบเดินไปยังตู้เย็นที่อยู่ใกล้ๆ และนำโพชั่นแห่งชีวิตที่เก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินออกมาดื่มทันที
ในระหว่างการต่อสู้ที่เมืองปีกสีเงิน เขาได้อาศัยแวร์ซายเพื่อฆ่า Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัว และเมื่อตราประทับวิญญาณของ Faux Saint Devourers เข้าสู่ตัวเขา จิตใจของเขาก็เข้าสู่สภาวะที่เหนือขึ้นไปอีก ครู่หนึ่งเขารู้สึกมีอำนาจทุกอย่าง ราวกับว่ากระบวนการคิดของเขาเปลี่ยนไปเป็นโอเวอร์ไดรฟ์
หากผู้เล่นคนอื่นเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะถือว่าเป็นจังหวะแห่งโชคอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามซือเฟิงซึ่งมีประสบการณ์ในการเล่นเกม God domain มานานกว่าทศวรรษนั้นเข้าใจถึงเงื่อนไขเบื้องต้นในการเพลิดเพลินไปกับโอกาสโดยบังเอิญอย่างชัดเจน ซึ่งนั่นก็คือมันต้องมีสารอาหารเหลว และพลังงานที่เพียงพอที่จะให้กับร่างกาย ซึ่งหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามเงื่อนไขนี้ เขาก็มีโอกาสจะตายได้เลย
หลังจากดื่มโพชั่นแห่งชีวิตเข้าไป อาการแสบร้อนเล็กน้อยและความเจ็บปวดในสมองของเขาก็เริ่มบรรเทาลง อย่างไรก็ตามในตอนนี้อัตราการฟื้นตัวของเขาก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดว่าโพชั่นแห่งชีวิตเพียงขวดเดียวจะไม่สามารถช่วยฟื้นฟูให้เขาได้ทั้งหมด โพชั่นแห่งชีวิตขวดเดียวนั้นแก้ไขได้แค่อันตรายที่จะเกิดกับร่างของเขาตอนนี้เท่านั้น และแม้ว่าตอนนี้เขาจะดูดี แต่ในความเป็นจริงทั้งร่างกาย และจิตใจของเขายังหิวโหยมากๆ
แน่นอนเลยว่าการมีสารอาหารเหลวระดับ S และโพชั่นแห่งชีวิตไม่เพียงพอนั้นมันมีปัญหาอย่างมาก ซือเฟิงถูขมับเขาด้วยความหงุดหงิด
แม้ว่าเขาจะแก้ไขปัญหาในปัจจุบันของเขาได้แล้ว แต่หากเขายังพัฒนาต่อไปในอัตรานี้ ภาระที่ร่างกายของเขาต้องแบกรับก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อรับมือกับภาระนี้ เขาจำเป็นจะต้องมีสารอาหารเหลวระดับ S และโพชั่นแห่งชีวิตมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สมาชิกของสภาสิบแปดปีกหลายคนจึงล้วนต้องการความช่วยเหลือจากสารอาหารเหลวระดับ S หรือแม้กระทั่งโพชั่นแห่งชีวิตเพื่อฟื้นฟูเช่นกัน หากสภาสิบแปดปีกไม่สามารถรับเอาโพชั่นและสารอาหารเหลวระดับนี้มาได้มากเพียงพอ กิลก็จะถูกจำกัดความเร็วในการพัฒนามากๆ และศักยภาพในการเติบโตของพวกเขาก็จะลดลง
สำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน เครดิตไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดสภาสิบแปดปีกมีการร่วมมือกันกับมหาอำนาจหลายกลุ่มแล้ว กิลสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญหรือทรัพยากรอื่นๆในเกมเป็นเครดิตกับมหาอำนาจเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้สภาสิบแปดปีกไม่ประสบปัญหาทางการเงินเลยในตอนนี้
อย่างไรก็ตามสารอาหารเหลวระดับ S และโพชั่นแห่งชีวิตนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เท่าที่ซือเฟิงรู้มันมีสารอาหารเหลวระดับ S จำนวนจำกัดมากที่โผล่ออกมาขายในแต่ละปี และบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็ได้ผูกขาดสารอาหารเหลวระดับ S เหล่านี้ไปมากกว่าแปดสิบเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งมันมีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่หลุดออกมาขายให้กับประชาชน นี่คือสาเหตุที่สารอาหารเหลวระดับ S ถูกขายในราคาที่แพงอย่างมาก และหาได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสถานการณ์นี้เท่าไหร่นัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว สารอาหารเหลวระดับ S ไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถในการฟื้นฟูพลัง มันยังสามารถช่วยรักษาความเยาว์วัยให้กับคนๆหนึ่งได้ในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งความเยาว์วัยมันก็นับว่ามีค่ามากๆ
สำหรับโพชั่นแห่งชีวิตที่เป็นสินค้าใหม่ของบริษัทกรีนก๊อดที่พึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่เพียงแต่มันจะมีคุณค่าทางสารอาหารสูงกว่าสารอาหารเหลวระดับ S มาก แต่มันยังหายากมากกว่าด้วย และความจริงที่ว่าซือเฟิงได้รับพวกมันมาจำนวนหนึ่งก่อนหน้านี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
ในช่วงเวลาที่ซือเฟิงกำลังปวดหัวกับทั้งสองเรื่องนี้ เสียงเคาะประตูห้องของเขาก็ดังขึ้น
“ผู้ฝึกสอนซือ พวกเขาอยู่ที่ห้องรับรองชั้นบนสุดแล้ว ….” เหลียงจิงพูดผ่านประตู
“โอเค ฉันจะรีบไปทันที ….” ซือเฟิงตอบ หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกไปพบกับเหลียงจิง และมุ่งหน้าไปที่ห้องรับรองชั้นบนสุดของอาคารทันที
….
ห้องรับรองชั้นบนสุด :
ปัจจุบันชายหนึ่งคน และหญิงสาวสองคนกำลังรออยู่ในห้องรับรองที่หรูหราที่มองเห็นเมืองเฟิงหลินมากกว่าครึ่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันผู้นำของกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโคลท์ชาโด้ว รองหัวหน้ากิลของไมโทโลจี้ ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถที่สุดของตระกูลฟาง ที่มีชื่อจริงว่าฟางฉีหาน
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ฟางฉีหานไม่ได้มาที่นี่ในฐานะตัวแทนของตระกูลฟาง เนื่องจากชายและหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอสองข้างนั้นไม่ใช่สมาชิกของตระกูลฟาง แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถบอกได้ผ่านรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆฟางฉีหานนั้นก็คือการ์เดี้ยนไนท์หญิง ไวท์เฟเธอร์
แม้ว่ารูปลักษณ์ของไวท์เฟเธอร์ในโลกจริงจะแตกต่างจากรูปลักษณ์ของเธอใน God domain ค่อนข้างมาก แต่ออร่าของเธอนั้นเหมือนกันทุกประการ และพูดกันตรงๆในโลกภายนอก ไวท์เฟเธอร์นั้นนั้นค่อนข้างจะมีความแข็งแกร่งในโลกจริงมากกว่าใน God domain ด้วยซ้ำ แม้ว่าออร่าของเธอจะยังไม่ถึงระดับสุดยอดปรมาจารย์ แต่มันก็ใกล้เคียงแล้ว ….
สำหรับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฟางฉีหาน มันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม๊ต ซึ่งเคยมาที่ศูนย์ฝึกฮีฟเว่นรัมเบิ้ลพร้อมกับฟางฉีหานมาก่อนแล้ว และดูจากออร่าของเขา เขาก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อซือเฟิงเข้ามาในห้อง สายตาของทั้งสามคนก็หันมาสบกับเขาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟางฉีหานที่มองไปที่ซือเฟิงราวกับกำลังประเมินสินค้ามากกว่าคน
“มิสฟางไม่ได้เจอกันนานเลย บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าคุณมีธุระอะไร ? ถึงมาตามหาฉันอย่างเร่งด่วนแบบนี้ ….” ซือเฟิงถามตรงเข้าประเด็น
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาแสดงความแข็งแกร่งในฐานะสุดยอดปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ และปราบปรามแม๊ต รวมทั้งตระกูลฟางแล้ว ไมโทโลจี้ก็ดูเหมือนจะละทิ้งความคิดในการปะทะกับสภาสิบแปดปีกในโลกแห่งความจริงไประยะหนึ่ง อย่าไรก็ตามเขาก็เข้าใจดีว่าช่วงเวลาแห่งความสงบสุขนี้หมายความว่าศัตรูของเขากำลังเตรียมการอย่างลับๆเพื่อโจมตีครั้งต่อไปอยู่
เพราะท้ายที่สุดแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญอย่างแม๊ตก็ยังเป็นได้แค่เพียงศิษย์ชั้นยอดของไมโทโลจี้เท่านั้น เขายังไม่ใช่พวกระดับสูงของกิลเลย ไม่งั้นแมตซ์ก็คงจะไม่ฟังคำสั่งของฟางฉีหานอย่างเชื่อฟัง
“ผู้ฝึกสอนซือ …. ไม่สิ ฉันคิดว่าฉันควรจะเรียกคุณว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมมากกว่าถูกไหม ?” ฟางฉีหานกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิง