ตอนที่ 2677 เปิดเผยอัตลักษณ์
เมื่อฟางฉีหานพูดจบ ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วห้อง
“แบล๊คเฟรม ?”
“เขาคือแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?”
แม๊ตและไวท์เฟเธอร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างของฟางฉีหานอ้าปากค้าง และมองไปยังซือ
เฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ถึงเวลานี้ไม่มีใครในหมู่มหาอำนาจที่ไม่รู้จักชื่อของแบล๊คเฟรม ในความเป็นจริงชื่อนี้เป็นที่หวาดกลัวในหมู่พวกเขาด้วยซ้ำ
เพราะท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งส่วนบุคคลของแบล๊คเฟรมนั้นมันจัดว่าน่ากลัวเกินไป เขาพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองในการพัฒนาสภาสิบแปดปีกให้มาถึงระดับปัจจุบันได้ ซึ่งนี่มันนับเป็นความสำเร็จที่ได้กลายเป็นหนึ่งในตำนานของทวีปด้านตะวันออกไปแล้ว และมันก็ทำให้เขาเป็นตัวตนที่ผู้เล่นนับไม่ถ้วนล้วนชื่นชมและบูชา
อย่างไรก็ตามตัวตนของแบล๊คเฟรมนั้นลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของแบล๊คเฟรมในโลกแห่งความจริง มหาอำนาจและผู้เล่นหลายคนต่างสงสัยว่าแบล๊คเฟรมมีต้นกำเนิดที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และหลายคนก็กระทั่งคิดว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขานั้นลึกลับ รวมทั้งน่ากลัวยิ่งกว่า บางคนถึงกับเชื่อว่าแม้ว่าตัวตนของแบล๊คเฟรมที่อยู่ในเกมจะดูมีอายุราวสามสิบห้า แต่ตัวจริงของเขาน่าจะมีอายุมากกว่านั้นสิบถึงยี่สิบปี เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นสามารถจะปรับรูปลักษณ์ของตนได้ เมื่อสร้างตัวละครใน God domain และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ภายในเกมคนๆหนึ่งจะดูเด็กกว่าอายุจริงราวสิบถึงยี่สิบปี
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางฉีหานกับบอกว่าซือเฟิง คนตรงหน้าของพวกเขาซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆเท่านั้น คือหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม ที่เป็นตัวตนระดับตำนาน นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ
ในขณะเดียวกัน เมื่อเหลียงจิงที่ยืนอยู่ข้างของซือเฟิงได้ยินคำพูดของฟางฉีหาน เธอก็อดไม่ได้ที่จะตัวแข็งเกร็งขึ้นมา ตัวตนที่แท้จริงของซือเฟิงนั้นจัดเป็นความลับสุดยอดของสภาสิบแปดปีกเลย ซึ่งมันมีแต่พวกผู้บริหารระดับสูงของกิลเท่านั้นที่รู้ และเธอก็ได้รู้ถึงความลับนี้เพียงเพราะความรับผิดชอบเธอทำให้เธอต้องรู้เรื่องนี้
สภาสิบแปดปีกสามารถพัฒนาไปสู่สถานะปัจจุบันได้ อันเนื่องมาจากความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังตัวตนของแบล๊คเฟรม และมหาอำนาจหลายกลุ่มก็เดาว่าแบล๊คเฟรมมีผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง ไม่งั้นเขาคงจะไม่มีพลังมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆก็ไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของแบล๊คเฟรมได้เลย และนี่มันก็ทำให้พวกเขายังไม่กล้าจะดำเนินการใดๆกับสภาสิบแปดปีกอย่างเต็มที่
แต่ตอนนี้ฟางฉีหานได้ค้นพบตัวตนของซือเฟิง ในฐานะแบล๊คเฟรมแล้ว ดังนั้นผลที่ตามมาที่สภาสิบแปดปีกต้องเผชิญจะยากที่จะจินตนาการเลย
อย่างไรก็ตามเหลียงจิงก็ได้เลือกจะระงับความต้องการที่จะหักล้างคำพูดของฟางฉีหานเอาไว้ เธอรู้อย่างชัดเจนว่าถ้าเธอแสดงอาการตื่นตระหนก หรือโต้แย้งใดๆตอนนี้ มันก็จะเป็นเพียงแต่การยืนยันคำพูดของฟางฉีหานว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้น ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือนิ่งเงียบ และปล่อยให้ซือเฟิงจัดการกับปัญหา
ขณะที่แม๊ตและไวท์เฟเธอร์จ้องมองมายังเขา ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ถูกต้องมิสฟาง คุณกล่าวได้ถูกต้อง ฉันคือหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
เมื่อได้ยินคำยอมรับของซือเฟิง ทั้งแม๊ตและไวท์เฟเธอร์ต่างก็จ้องตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ และความตกตะลึงกับช๊อคครั้งใหญ่ก็เข้าท่วมท้นหัวใจของพวกเขา พวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าการคาดเดาของฟางฉีหานจะถูกต้องจริงๆ
เหลียงจิงนั้นอดไม่ได้ที่จะมีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ เธอไม่นึกเลยว่าซือเฟิงจะยอมรับตรงๆแบบนี้ นี่มันบ้าชัดๆ
“นี่คุณจะไม่พยายามหักล้างคำพูดของฉันจริงๆงั้นหรอ ?” ฟางฉีหานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการตอบสนองของซือเฟิง
ในความคิดของเธออัตลักษณ์ของแบล๊คเฟรมนั้นมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาของสภาสิบแปดปีก เพราะนอกเหนือจากสถานการณ์ใน God domain แล้ว แค่มหาอำนาจต่างๆกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จับตาดูสภาสิบแปดปีกอยู่ในโลกแห่งความจริง มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้กิลตกอยู่ในปัญหาร้ายแรงได้ เพราะท้ายที่สุดเมื่อตัวตนของแบล๊คเฟรมถูกเปิดเผยออกมา มหาอำนาจ และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆจะไม่กลัวสภาสิบแปดปีกอีกต่อไป
“ฉันคิดว่าแม้ว่าฉันจะพยายามหักล้างคำพูดของคุณ แต่มันก็คงไม่มีผลอะไร จู่ๆฉันก็ติดอยู่ในห้องเกมเคบิน และขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไปหลายวัน ในเมื่อคุณตรวจสอบสถานการณ์ภายในสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงหลีกเลี่ยงความสงสัยได้ยากอยู่แล้ว ….” ซือเฟิงกล่าว
นับตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่เขาวงกตเชิงพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่แห่งความโกลาหลแห่งเวลา ตัวตนของเขาในฐานะแบล๊คเฟรมมันก็ถูกเปิดเผยออกมานานแล้ว เพราะท้ายที่สุดสภาสิบแปดปีกมีหลายเรื่องในโลกแห่งความจริงที่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติ และรับรองจากซือเฟิง และพูดให้แม่นขึ้นก็คือในสถานการณ์นี้นั้น ฝ่ายบริหารของสภาสิบแปดปีกได้ขาดเอกภาพในการทำงานและออกคำสั่ง เพราะซือเฟิง และแบล๊คเฟรมนั้นไม่อยู่ ดังนั้นมันจึงง่ายมากเลยที่คนอื่นจะสงสัยตัวตนของเขาในสถานการณ์เช่นนี้
“เป็นไปตามคาดหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณสามารถเดาได้ในทันทีว่าทำไมฉันถึงสงสัยว่าคุณคือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมตัวจริง …” ฟางฉีหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันนี้ขึ้น ฉันคงยืนยันตัวตนของคุณในฐานะแบล๊คเฟรมได้ยากมาก เพราะท้ายที่สุดใครจะคิดกันละว่าชายหนุ่มนิรนามที่พึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้ และไม่เคยได้รับการฝึกมาตราฐานของมหาอำนาจเลยจะเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญสามสิบอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ….”
ใน God domain ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่จะสามารถติดสามสิบอันดับแรกของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดได้นั้นล้วนมาจากมหาอำนาจต่างๆ หรือไม่งั้นก็เป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่ในโลกเกมเสมือนจริงมานานนับสิบปีแล้ว สำหรับผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ที่กำลังฉายแววขึ้นมาใน God domain แม้ว่าความสามารถของพวกเขาจะเป็นหนึ่งในเหตุผลนั้น แต่เหตุหลักจริงๆพวกเขามีผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง ไม่งั้นพวกเขาจะไปหาทรัพยากรจำนวนมาก หรือพื้นที่ฝึกที่เหมาะสมเพื่อให้ตัวเองเติบโตขึ้นได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตามแล้วซือเฟิงล่ะ ?
แม้ว่าเขาจะอายุน้อย และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆเลย แต่เขาก็สามารถไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญสามสิบอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ได้ อันที่จริงตอนนี้เขาน่าจะเข้าไปอยู่ในสิบอันดับแรกแล้วด้วยซ้ำ ใครจะเชื่อเรื่องนี้ล่ะ ?
แม๊ตและไวท์เฟเธอร์ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก เมื่อพวกเขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์นี้
หากไม่ใช้เพราะพวกเขามีความไว้วางใจอย่างมากต่อฟางฉีหาน และพอจะรู้จักบุคลิกของฟางฉีหาน พวกเขาก็จะไม่เชื่อเลยว่าซือเฟิงคือแบล๊คเฟรม โดยเฉพาะกับไวท์เฟเธอร์ที่เคยเห็นความแข็งแกร่งของแบล๊คเฟรมมาก่อน
หลังจากได้ดูการต่อสู้ของแบล๊คเฟรมแล้ว ไวท์เฟเธอร์ก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่ผู้เล่นเกมเสมือนจริงที่เป็นมือโปรธรรมดาแน่นอน เพราะความดุร้าย เด็ดขาด และเด็ดเดี่ยวที่เขาแสดงออกมาในการกระทำของเขา ตลอดไปจนถึงประสบการณ์ในการต่อสู้ที่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอย่างมากมายนั้น มันเป็นสิ่งที่แม้แต่เธอ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในไมโทโลจี้มานานกว่าสิบปีก็ยังไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอกับได้รู้ว่านักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลับที่ไม่ได้ดังมากนักเป็นเจ้าของตัวละครแบล๊คเฟรม ….
“มิสฟาง คุณคงไม่ได้แค่มาที่นี่เพื่อเรื่องเล็กน้อยของฉันหรอกนะ ?” ซือเฟิงถามอย่างใจเย็น ขณะที่เขามองไปยังฟางฉีหานที่มีความตื่นเต้นเล็กน้อยปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เรื่องเล็กน้อย ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณรู้ไหมว่าสภาสิบแปดปีกจะประสบกับปัญหามากแค่ไหน ถ้ามหาอำนาจต่างๆรู้ถึงตัวตนของคุณ ….” ไวท์เฟเธอร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนซือเฟิง เมื่อได้เห็นท่าทีเฉยชาของเขา “แม้ว่าไมโทโลจี้จะไม่ทำอะไรเลย แต่ตราบใดที่เราเปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป มหาอำนาจต่างๆก็จะเข้ามากลืนกินสภาสิบแปดปีกจนหมดสิ้นแน่นอน !!!”
หากมหาอำนาจต่างๆได้รู้ถึงตัวตนของแบล๊คเฟรมแล้ว พวกเขาจะไม่หยุดอยู่แค่การก่อกวนสภาสิบแปดปีกเฉยๆแน่ แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
“เฟเธอร์พอได้แล้ว ฉันมาที่นี่เพราะเรื่องใหญ่กว่านั้น ….” ฟางฉีหานกล่าวปรามไวท์เฟเธอร์ ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองซือเฟิงและกล่าวต่อว่า “เนื่องจากคุณมีความตรงไปตรงมา ฉันก็จะขอเข้าประเด็นตรงๆเลยหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ในตอนนี้ฉันคิดว่าฉันไม่ใช่แค่คนเดียวที่รู้ถึงตัวตนของคุณ และฉันเชื่อว่ามันก็คงอีกไม่นานก่อนที่ข้อมูลนี้จะแพร่กระจายไปยังมหาอำนาจอื่นๆเช่นกัน และเมื่อเป็นเช่นนั้น ฉันก็แน่ใจว่าคุณรู้ดีว่ามีอนาคตแบบไหนรอสภาสิบแปดปีกอยู่ …”
“คุณกำลังพยายามจะพูดอะไร ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้มที่ก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของเขา
“เมืองป่าหิน และวิธีการฝึกที่จะทำให้เข้าถึงขอบเขตจิตวิญญาณได้ !!!” ฟางฉีหานกล่าว “ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกยอมมอบทั้งสองสิ่งนี้มา สภาสิบแปดปีกก็จะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นไมโทโลจี้ก็จะทำการจัดหาสารอาหารเหลวระดับ S และโพชั่นแห่งชีวิตจำนวนหนึ่งให้กับสภาสิบแปดปีกด้วย ฉันเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกกำลังต้องการอย่างเร่งด่วนถูกไหม ?”