ตอนที่ 2679 การอัพเกรดที่บ้าคลั่ง
จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :
หลังจากที่สภาสิบแปดปีกได้รับชัยชนะเหนือกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ผู้เล่นอิสระก็เริ่มแห่กันเข้ามาที่เมืองปีกสีเงินจากทั่วทั้งจักรวรรดิออร์ค และตอนนี้สมาชิกของมหาอำนาจหลายกลุ่มก็เริ่มมองสถานการณ์ของเมืองปีกสีเงินดีขึ้นแล้ว ซึ่งมันเป็นผลให้เมืองปีกสีเงินกลับมาชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่ผู้เล่นกำลังเข้ามาในเมืองปีกสีเงิน มันก็มีทีมของผู้เล่นยี่สิบคนที่กำลังเดินเข้ามาในเมืองอย่างเป็นระเบียบเช่นกัน ซึ่งผู้เล่นที่เห็นทีมๆนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“อะไรกัน ?! แม้แต่พวกเขาก็เลือกจะมาพัฒนาตัวเองในเมืองปีกสีเงินงั้นหรอ ?!”
สมาชิกทุกคนในทีมของผู้เล่นยี่สิบคนนี้ล้วนเป็นผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าหรือ
มากกว่าทั้งหมด และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในทีมทั้งหมดของพวกเขาก็ล้วนสวมใส่อุปกรณ์ที่เปล่งประกายมากๆ และแม้แต่อุปกรณ์ที่อ่อนแอที่สุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ก็ยังอยู่ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขณะที่ทั้งสองคนที่เดินนำอยู่หัวแถวของทีมนั้นก็สวมใส่อุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยอยู่จำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งนี่มันนับเป็นภาพที่หาดูได้ยากมากๆ แม้แต่ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเลเวล และอุปกรณ์ของผู้เล่นเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างแท้จริงคือตัวตนของพวกเขา
นี่เป็นเพราะทีมนี้นั้นเป็นของฟรอสต์ฮีฟเว่น ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่มีต้นกำเนิดมาจากโลกโฟรเซ่น ซึ่งได้รวมอาณาจักรข้างเคียงหลายแห่งเข้าด้วยกัน และความแข็งแกร่งของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นก็ติดอยู่ในสิบอันดับแรกของมหาอำนานหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงที่สุด เนื่องจากฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นสามารถจะเข้าถึงสายเลือดมรดกพิเศษของโลกโฟรเซ่นได้ ดังนั้นมันจึงมีผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ต้องการจะเข้าร่วมกิลของพวกเขา แต่น่าเสียดายที่เงื่อนไขในการรับสมัครนั้นมันเข้มงวดอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นผลให้ผู้สมัครส่วนใหญ่ถูกตัดสิทธิ์
แต่ตอนนี้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่น ซึ่งไม่ได้มีฐานปฎิบัติการ หรือมีปฎิบัติการใดๆอยู่ในจักรวรรดิออร์คกับมุ่งหน้ามาที่เมืองปีกสีเงิน นี่จะไม่ทำให้ทุกคนตกตะลึงได้อย่างไร ?
แม้ว่าผู้เล่นโดยรอบจะพูดคุยกันค่อนข้างเสียงดังเกี่ยวกับสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่น แต่เหล่าสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นที่ถูกพูดถึงก็ไม่ได้สนใจผู้เล่นที่อยู่รอบๆ พวกเขาค่อยๆเดินไปตามถนนสายหลักของเมืองปีกสีเงิน ในขณะที่สังเกตสภาพแวดล้อมของเมืองปีกสีเงินไปด้วย
“นี่คือเมืองปีกสีเงินงั้นหรอ ?” ซัมมอนเนอร์หญิงที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำ และมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบหก พึมพำหลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบของเธอ ก่อนที่เธอจะแสดงความคิดเห็นอย่างใจเย็นมากๆว่า “แม้ว่าการป้องกันของเมืองจะค่อนข้างดี แต่มันก็ยังจัดว่าด้อยกว่าเมืองกิลหลายเมืองของพันธมิตรเรานะ แถมพูดกันตรงๆการป้องกันเมืองนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเหล่าองครักษ์ส่วนตัวเป็นหลักด้วย”
“เมืองนี้นั้นค่อนข้างจะยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยที่สุดเมืองก็สามารถหยุดการโจมตีของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การคัดเลือกเข้าร่วมเป็นพันธมิตรมาก” เคิร์สแมนเซอร์หญิง ซึ่งมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบหก กล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่นให้กับคำพูดเพื่อนร่วมทางของเธอ
กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เป็นสิ่งที่แม้แต่เมือง NPC ทั่วไปก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งได้ นับประสาอะไรกับบรรดาเมืองกิล ดังนั้นการที่เมืองปีกสีเงินสามารถจะเอาชนะกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ได้สำเร็จมันจึงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่เมืองของกิลทุกเมืองที่จะมีเครื่องมือพิเศษจากโลกโฟรเซ่นไว้ให้ใช้งานสำหรับเรื่องนี้
“แม้ว่าองครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้จะแข็งแกร่งมากๆ แต่มอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรต่างๆมากกว่าหนึ่งโหล ซึ่งนี่รวมไปถึงจักรวรรดิมังกรดำ และจักรวรรดิรัตติกาลด้วย ซึ่งด้วยอัตราการเติบโตนี้ของพวกมัน ฉันกลัวว่ามันจะมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่ ปรากฎขึ้นเป็นจำนวนมากในอีกไม่กี่วัน และในเวลานั้นองครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ก็จะมีปัญหาในการจัดการกับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint สำหรับความคิดริเริ่มในการจะตามล่ามอนสเตอร์พวกนี้ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ….” ซัมมอนเนอร์หญิงในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวพลางส่ายหัว “ยิ่งไปกว่านั้นจุดประสงค์หลักในการมาที่ของเราก็คือการมาสังเกตว่า สภาสิบแปดปีกมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมกับเราในการจัดการกับมอนสเตอร์ Faux Saint ไหม เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับสมัคร หรือยึดเมืองสักหน่อย ….”
เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะพูดยังไง องครักษ์ส่วนตัวนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือภายนอกเท่านั้น เหตุผลแรกนั้นก็คือการที่องครักษ์ที่ทรงพลังนั้นมันหายากอย่างไม่น่าเชื่อ และเหตุผลที่สองคือความยากในการคืนชีพองครักษ์ส่วนตัวที่ตายไป
ปัจจุบันเมืองปีกสีเงินอาจมีผู้เล่นจำนวนมาก แต่ประชากรผู้เล่นขั้นสามของเมืองนั้นก็มีต่ำมาก
“ฉันเดาว่าคุณพูดถูกนะ สภาสิบแปดปีกอาจจะดูเหมือนเฟื่องฟูมากในตอนนี้ แต่จริงๆแล้วกิลก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมมากด้วย กิลนั้นไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้มือแห่งนักบุญได้ทำความร่วมมือกับมหาอำนาจมากมายแล้ว แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะไม่ดำเนินการใดๆต่อสภาสิบแปดปีกแล้ว แต่มือแห่งนักบุญก็ได้ทำความร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆในเรื่องที่ว่าพวกเขาจะจัดหาเครื่องมือที่จะช่วยให้มหาอำนาจต่างๆสามารถพัฒนาตัวเองในดินแดน Faux Saint ได้ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน มหาอำนาจต่างๆจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปราบปรามสมาชิกของสภาสิบแปดปีก ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้ในเรื่องนี้ ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะสามารถหาทางเจาะเข้าเมืองจนได้ และท้ายที่สุดไม่ว่าจะมีองครักษ์ส่วนตัวมากเท่าไหร่ มันก็จะไร้ประโยชน์ ….” เคิร์สแมนเซอร์หญิงกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากครุ่นคิด เพราะท้ายที่สุดนี่มันหมายถึงสภาสิบแปดปีกสามารถทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น ไม่ใช่ตอบโต้ ซึ่งมันก็แปลว่ากิลจะขาดคุณสมบัติในการเข้าร่วมพันธมิตรนี้ของพวกเขา
ในขณะที่ซัมมอนเนอร์หญิง เลเวลหนึ่งร้อยสิบหก และเคิร์สแมนเซอร์หญิงเลเวลหนึ่งร้อยสิบหกจากฟรอสต์ฮีฟเว่นกำลังพูดคุยกัน เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของพวกเขา
….
ระบบ : เมืองปีกสีเงินจะได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน คุณจะถูกเทเลพอร์ตออกจากเมืองภายในสามสิบวินาที
….
“มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“เมืองได้รับการอัพเกรดงั้นหรอ ?”
การแจ้งเตือนของระบบในครั้งนี้นั้น มันทำให้ผู้เล่นทุกคนในเมืองปีกสีเงินตกตะลึง และจิตใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความงุนงงพักหนึ่ง ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่ข้อความที่แจ้งเตือนมา สำหรับสมาชิกของสภาสิบแปดปีก พวกเขาได้เปิดเผยสีหน้าที่มีความสุขออกมา
ในฐานะเมืองขั้นสูง เมืองปีกสีเงินนั้นสามารถที่จะขับไล่การโจมตีของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้เมื่อเมืองปีกสีเงินได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน มันก็จะเป็นความท้าทายที่มากขึ้นมากสำหรับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่จะทำลายเมืองลงให้ได้
ก่อนที่ทุกคนจะได้ทันตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างถูกต้อง ผู้เล่นทุกคนในเมืองปีกสีเงินก็ได้ถูกเทเลพอร์ตออกจากเมือง และในเวลาเดียวกันวงเวทย์ก็เข้าปกคลุมเมืองทั้งหมด
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” ซัมมอนเนอร์หญิงในชุดเสื้อคลุมสีดำจากฟรอสต์ฮีฟเว่น อุทานออกมาด้วยตกตะลึง เมื่อเธอได้เห็นวงเวทย์ที่เข้าปกคลุมเมือง “นอกเหนือจากความเจริญรุ่งเรืองแล้ว เมืองปีกสีเงินน่าจะต้องการให้จำนวนผู้เล่นที่ถึงข้อกำหนดด้วยนี่ถึงจะสามารถอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานได้ ซึ่งมันก็น่าจะต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งเดือนกว่าจะอัพเกรดได้ แล้วเมืองมาอัพเกรดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!”
ในปัจจุบันนี้มหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนมีข้อมูลดีว่าต้องทำแบบไหนบ้าง เมืองถึงจะสามารถอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานได้ ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ฟรอสต์ฮีฟเว่น สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นทุกคนนั้นล้วนดูออกว่าเมืองปีกสีเงินผ่านข้อกำหนดในเรื่องความปลอดภัยในการจะอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานแล้ว แต่จำนวนผู้เล่นนั้นยังไม่เพียงพอ ซึ่งสภาสิบแปดปีกก็จะต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยเพื่อบรรลุเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับสามารถอัพเกรดเมืองได้เลย ซึ่งในขณะนี้นอกเหนือจากสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นแล้ว สมาชิกของมหาอำนาจอื่นๆที่ปฎิบัติการอยู่ในเมืองปีกสีเงินอย่างลับๆก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
เมืองกิลขนาดใหญ่แห่งที่สาม !!!
มหาอำนาจบางกลุ่มยังมีเมืองกิลขนาดใหญ่ไม่ถึงสามแห่งด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับมีถึงสาม แถมหนึ่งในนั้นยังมีเมืองที่เป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์อย่างเมืองปีกสีเงินด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว มอนสเตอร์ Faux Saint ได้ขยายขอบเขตอิทธิพลของตัวมันเองเข้าไปยังอาณาจักรและจักรวรรดิใกล้เคียงนับโหลแล้ว และเนื่องจากการมาถึงของมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้แผนที่ท้องถิ่นจำนวนมากจึงถูกเปลี่ยนเป็นแผนที่เลเวลสูง ซึ่งมันทำให้อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆจะต้องออกเควสมากมายเพื่อเรื่องนี้ในอนาคต และหลายคนก็จะสามารถบอกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของเรื่องเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนในอนาคต
อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่จักรวรรดิออร์คนี้มีพรหมแดนติดกับประเทศต่างๆมากมาย ดังนั้นมันจึงสามารถใช้เป็นด่านกันชนได้ และการพัฒนาของเมืองกิลที่นี่ในอนาคตจะยอดเยี่ยมมากแน่นอน
ในขณะเดียวกันไม่นานหลังจากที่เหล่าผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินถูกเทเลพอร์ตออกมาจากเมือง ข่าวการอัพเกรดของเมืองปีกสีเงินก็ถูกแพร่กระจายออกไปราวกับไฟป่า และมันก็ไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดความโกลาหลไปหมด