ตอนที่ 2695 การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันใน God domain
“แม่งเอ้ย !!! ผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์นั่นหนีไปได้แล้ว !!!”
“เราจบสิ้นแล้ว !!! เราจะทำยังไงกันดี ? เราจะอธิบายเรื่องนี้กับท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไงกัน ?”
ความโกรธและความตื่นตระหนกเข้าปกคลุมไปทั่วตัวของมังกรดำเด็กทั้งหมด ขณะที่พวกมันเฝ้าดูซือเฟิงออกจากดินแดนนี้ไปผ่านกระแสน้ำวนที่มืดมิด ตอนนี้พวกมันทั้งหมดเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ แถมเสียงของพวกมันยังสั่นด้วยเวลาที่พูด
“แผนเดิมของเราพังไปแล้ว ตอนนี้มรดกได้ถูกขโมยไปแล้ว ท่านผู้ยิ่งใหญ่จะผิดหวังแน่นอนเมื่อเขาได้รู้เรื่องนี้ ณ จุดนี้สิ่งที่เราทำได้คือกระจัดกระจายและหนีกันไป ไม่งั้นพวกเราไม่รอดแน่”
“นั่นคือทางเลือกเดียวของเราในตอนนี้จริงๆ หวังว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่จะมุ่งเน้นความโกรธและความผิดหวังของเขาไปที่ไอ้ผู้ได้รับพรจากสวรรค์นั่น เพราะถ้าเป็นแบบนั้นโอกาสในอยู่รอดของเราก็อาจจะมากขึ้นเล็กน้อย !!!”
หลังจากที่มังกรดำเด็กที่เป็นผู้นำพูดขึ้น ทั้งสามก็พูดคุยกันและบรรลุข้อตกลงได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกมันก็รีบกระพือปีกของพวกมันบินหนีไป ตอนนี้หัวใจของพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธซือเฟิงมากจริงๆ ขณะที่พวกมันกำลังหนี ในขณะเดียวกันพวกมันก็ยังรู้สึกยินดีเล็กๆกับความโชคร้ายที่รอผู้ขโมยมรดกไปอยู่
….
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของกระแสน้ำวนที่มืดมิด ซือเฟิงก็ไม่ได้ตระหนักถึงการพูดคุยกันของมังกรดำเด็กทั้งสามตัวเลย และหลังจากทัศนวิสัยของเขามืดลงชั่วขณะ เขาก็พบว่าตัวเองได้กลับมาอยู่ในห้องหลักในชั้นใต้ดินของสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกในเมืองปีกสีเงินแล้ว
“ฉันทำได้ !!!”
“ขั้นสี่ !! ฉันกลายเป็นขั้นสี่แล้วจริงๆ !!!”
ตอนนี้ซือเฟิงเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นมากๆอย่างอธิบายไม่ถูก ในขณะที่เขาสังเกตเห็นมานาที่กลายเป็นของเหลวพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาจากรอบด้าน โดยมานาเหล่านี้ได้เข้าไปเติมเต็มมานาในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังช่วยซ่อมแซมจิตวิญญาณบางส่วนของเขาด้วย
ในที่สุดเขาก็บรรลุเป้าหมายที่เขาไม่สามารถไปถึงได้ในชีวิตที่แล้วของเขา ….
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมาถึงขั้นสี่ของอาชีพเบลดเซ้นต์ ซึ่งเป็นอาชีพลับจากมรดกขั้นสูงสุดด้วย ในแง่ของคุณสมบัติและสกิลพื้นฐานที่อาชีพเบลดเซ้นต์มอบให้นั้น มันแข็งแกร่งอาชีพขั้นสี่ทั่วไปอย่างก้าวกระโดด
ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในตัวตนที่ทรงพลังที่แท้จริงใน God domain แล้ว แม้แต่ในหมู่ NPC ก็ตาม และแม้แต่อาณาจักรของ NPC ต่างๆก็ยังจะต้องปฎิบัติกับเขาด้วยความเคารพ
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของเขา เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขาอีกครั้ง
….
ประกาศจากระบบหลักของ God domain : God domain จะได้รับการอัพเดทครั้งใหญ่ ในขณะเดียวกันแพ๊คเสริมใหม่ “การกลับมาของฮีโร่” จะถูกเปิดใช้งาน โดยผู้เล่นทุกคนจะต้องล๊อคเอ้าท์ออกจากระบบภายในสามสิบนาที และระยะเวลาโดยประมาณในการอัพเดทคือหนึ่งวันตามธรรมชาติ
….
ประกาศจากระบบนั้นดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน และทุกคนใน God domain ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ซือเฟิง
อัพเดทครั้งใหญ่ ?! เป็นไปได้ยังไง ?!
ซือเฟิงมองไปที่ประกาศของระบบที่ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขาด้วยความสับสน และแม้ว่าเขาจะอ่านซ้ำหลายครั้ง แต่มันก็ยังคงมีความไม่เข้าใจและความสับสนเต็มไปหมดในดวงตาของเขา
มันมีการอัพเดทหลายครั้งมากมายใน God domain อย่างไรก็ตามในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น God domain มันมีการอัพเดทครั้งใหญ่แค่สองครั้งเท่านั้นในเวลามากกว่าสิบปีที่เขาเล่นเกมๆนี้ ….
การอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจาก God domain เปิดตัวเป็นทางการมาสามปี
ในตอนนั้นมันมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่จำนวนมากแล้ว และผู้เล่นขั้นสามก็จัดว่าหาได้ทั่วไป ขณะที่ผู้เล่นบางคนเริ่มพยายามท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นห้าแล้วด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ God domain เปิดตัวอย่างเป็นทางการมานานแค่ไหนกัน ?
การอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกของ God domain นั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดสำหรับซือเฟิง เพราะการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นได้เขย่าโลกทั้งใบ โดยมันเปลี่ยน God domain ให้กลายเป็นเกมและความบันเทิงเพียงหนึ่งเดียวในโลก
หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกนั้น God domain ได้กลายเป็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่เกมเสมือนจริงที่ทุกคนคิดว่ามันเคยเป็นอีกต่อไป God domain ได้กลายเป็นอะไรที่ขึ้นเหนือจินตนาการของทุกคนมากๆ
ผู้เล่นนั้นจะไม่ใช่ผู้เล่นอีกต่อไป แต่เป็นกลุ่มหน่วยงานพิเศษใน God domain
ไม่ว่าจะเป็น NPC หรือมอนสเตอร์ของ God domain ทั้งคู่ต่างก็จะขึ้นมามีตัวตนอยู่จริงหลังการอัพเดท โดยจะมีชีวิตและบุคลิกภาพเป็นของตัวเอง และทั้งสองอย่างนี้ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและแข็งแกร่งขึ้นดังเช่น ผู้เล่นจริงๆ ….
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ God domain กลายเป็นโลกที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันจะไม่ใช่แค่เกมเสมือนจริงอีกต่อไป แต่มันจะเป็นการดำรงอยู่ที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกแห่งความจริงแทน
….
ในขณะนี้ซือเฟิงไม่ใช่แค่คนเดียวที่งงงวยกับการมาถึงของการอัพเดทครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ผู้เล่นหลายคนรวมทั้งพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนมีปฎิกิริยาแบบเดียวกับซือเฟิงเช่นกัน
“การอัพเดทครั้งใหญ่ ? และจะต้องใช้เวลาหนึ่งวันตามธรรมชาติ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“อึก !! ฉันยังไปไม่ถึงขั้นสามด้วยซ้ำ แต่ระบบกับดำเนินการอัพเดทครั้งใหญ่แล้ว ?! นี่ระบบจะเล่นฉันให้ตายเลยรึไง ?!”
….
ชั่วครู่หนึ่งผู้เล่นใน God domain ต่างส่งเสียงบ่นอย่างโกรธเคืองออกมาเกี่ยวกับการอัพเดทครั้งใหญ่อย่างกระทันหันของ God domain
ระยะเวลาการอัพเดทครั้งใหญ่หนึ่งวันตามธรรมชาติแบบกระทันหันนั้นมันทำให้ทุกคไม่ทันได้เตรียมตัวใดๆเลย และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเวลาว่างที่ไม่คาดคิดนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ณ จุดนี้ God domain ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขาไปนานแล้ว และการเข้าสู่ God domain ทุกวันมันก็กลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว
การอัพเดทระบบก่อนหน้านี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นในโลกแห่งความจริง ขณะที่ตอนนี้มันกับใช้เวลาถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง นี่มันบ้าชัดๆ !!!
ใครก็ตามที่เข้าสู่ God domain และเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นที่เล่นมาตั้งแต่ระยะแรกของเกมจะรู้ดีว่าความยากในการเก็บเลเวล และฆ่ามอนสเตอร์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการอัพเดทของระบบ และข้อกำหนดสำหรับเทคนิคของผู้เล่นก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นการอัพเดทครั้งใหญ่จึงจัดเป็นฝันร้ายสำหรับผู้เล่นที่ยังไปไม่ถึงขั้นสามอย่างไม่ต้องสงสัย
แถมการมาถึงของการอัพเดทครั้งใหญ่นี้ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับมหาอำนาจต่างๆใน God domain แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วการอัพเดทครั้งนี้จะลดจำนวนผู้เล่นที่สามารถเข้าถึงขั้นสามได้โดยการเพิ่มความยากเข้ามา อีกทั้งนี่ยังไม่ได้พูดถึงทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดูแลผู้เชี่ยวชาญที่กิลจะต้องใช้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทางกลับกันสิ่งนี้จะทำให้แผนการพัฒนาในปัจจุบันของพวกเขาพิการ และพวกเขาก็จะเริ่มวางแผนใหม่ตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ตามในขณะที่มหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมเกมมาตั้งแต่ระยะแรกๆรู้สึกโกรธรวมทั้งไม่พอใจกับการอัพเดทครั้งใหญ่นี้ แต่มันก็ยังมีคนบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่น และบริษัทใหม่ๆที่พึ่งจะเข้าร่วม God domain นั้นเต็มไปด้วยความยินดีมากๆ
ความยากในการเก็บเลเวลและรับทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สถานะที่เป็นอยู่ใน God domain ปัจจุบันไม่เสถียรอย่างไม่ต้องสงสัย และหากผู้มาใหม่เข้าใจโอกาสนี้ พวกเขาก็อาจจะขึ้นไปแทนที่พวกหน้าเก่าๆประสบการณ์สูงใน God domain ได้
ตอนนี้บรรยากาศท่ามกลางมหาอำนาจต่างๆนั้นตึงเครียดเป็นพิเศษ เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้การแย่งชิงทรัพยากรทั้งในโลกจริงและ God domain มันก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกมาก ซึ่งนี่มันก็จะลดจำนวนทรัพยากรสำหรับสมาชิกทั่วไปของกิล และผู้ที่มีศักยภาพต่ำลงไปอย่างมาก ในทางกลับกันสิ่งนี้มันก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผู้เล่นในกิลหลายคนออกจากกิลเพื่อไปหาผู้ที่ให้ทรัพยากรพวกเขาได้มากกว่า
….
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆของ God domain กำลังหัวหมุนกับเรื่องไม่คาดคิดเหล่านี้ เหลียงจิงก็ติดต่อซือเฟิงเข้ามา
“หัวหน้ากิลมหาอำนาจต่างๆกำลังเริ่มทำการซื้อเหรียญและทรัพยากรจำนวนมาก เราควรจะเริ่มซื้อด้วยไหม ?” เหลียงจิงถามอย่างกังวล
“นั่นไม่จำเป็น ….” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเหลียงจิง “มหาอำนาจเหล่านั้นคือผู้ที่ขัดขวางไม่ให้เราได้รับเงินทุนอยู่เสมอไม่ใช่หรอ ? ตอนนี้เราจะทำการเทขายเหรียญทั้งหมดที่เราได้รับจากเมืองสีเงินด้วย ให้พวกเขาซื้อไปให้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาต้องการเลย !!!”
“หัวหน้ากิล ?” คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้เหลียงจิงตกตะลึง ตอนนี้จิตใจของเธอไม่สามารถเข้าใจถึงความตั้งใจของเขาได้เลย
ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆล้วนกำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อซื้อเหรียญและทรัพยากร แต่ซือเฟิงกับต้องการให้สภาสิบแปดปีกขายเหรียญจำนวนมาก ซึ่งเมื่อการอัพเดทครั้งใหญ่สิ้นสุดลง นี่มันอาจจะทำให้เงินทุนของสภาสิบแปดปีกในเกมขาดสภาพคล่องได้เลย
“แค่ทำมันไปเถอะน่า …” ซือเฟิงกล่าวออกคำสั่งย้ำด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆเพิ่มเติม
จากการอัพเดทของระบบในครั้งที่ผ่านๆมานั้น การซื้อเหรียญและทรัพยากรจำนวนมากนับเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามการอัพเดทในครั้งนี้ซึ่งเป็นการอัพเดทครั้งใหญ่จะแตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะไม่เพียงแต่ทรัพยากรจะไม่ได้หายากมากขึ้น แต่การได้รับทรัพยากรหลายอย่างยังจะกลายเป็นเรื่องง่ายแทน และแม้แต่การเก็บเลเวลก็จะทำได้ง่ายขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อมีข้อดีให้กับผู้เล่นแล้ว การอัพเดทครั้งใหญ่ก็ย่อมมีข้อเสียด้วยเช่นกัน
หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายใน ข้อกำหนดในการอัพเกรดของผู้เล่นจะเข้มงวดขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับมานาที่มันต้องใช้ความเข้าใจและการควบคุมมากขึ้นเพื่อจะได้จัดการกับมานาได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาทั้งหมดจึงล้วนอยู่ในขั้นปรมาจารย์นักเวทย์กันเป็นอย่างน้อย
“โอ้ใช่แล้ว … เมื่อทุกคนออฟไลน์กันไปแล้วให้เมลานโครอิคสไมล์ และคนอื่นๆมาพบฉันที่ห้องประชุมด้วย ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกเขา” ซือเฟิงกล่าว
เขาไม่ได้รับเพียงแค่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับมานาระหว่างการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ แต่เขายังได้รับเศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จักที่สามารถขับไล่มานาโดยรอบบริเวณให้ออกไปมาด้วย
ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้เห็นเศษชิ้นส่วนโลหะแบบนี้ และตราบเท่าที่ไอเทมชิ้นนี้ไม่ได้รับความเสียหายเกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ พวกเขาก็น่าจะสามารถปรับแต่ง และสร้างมันขึ้นมาเป็นอาวุธกับอุปกรณ์ใหม่ๆได้
เอฟเฟคการขับไล่มานานั้นนับเปนประโยชน์สำหรับผู้เล่น เพราะท้ายที่สุดมานาคือทุกสิ่งทุกอย่างใน God domain มันจะไม่มีชีวิตใดดำรงอยู่ได้หากปราศจากมานา และโดยธรรมชาติแล้วมอนสเตอร์ก็ไม่สามารถจะอยู่รอดได้นานเช่นกัน เมื่อปราศจากมานา
หากเขาสามารถสร้างอาวุธและอุปกรณ์ขึ้นมาใหม่ได้จากเศษชิ้นส่วนโลหะนี้ เขาก็น่าจะมีทุนมากเพียงพอที่จะต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆได้ เพราะไอเทมแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากๆเมื่อเขาสำรวจดินแดนต้องห้ามที่อันตรายเพื่อรับทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการพิชิตเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของคนในกิล
ใน God domain ดินแดนต้องห้ามเลเวลสูงส่วนใหญ่นั้นล้วนมีทรัพยากรที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงขั้นสี่ได้ง่ายขึ้น และสำหรับซือเฟิงแม้ว่าเขาจะมาถึงขั้นสี่แล้ว แต่หากเขาออกสำรวจดินแดนแบบนี้คนเดียวมันก็จะจัดว่าอันตรายมากๆ และเขาก็จะยังคงต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด …. โดยในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นมหาอำนาจต่างๆมักจะจัดทีมผู้เล่นขั้นสี่ไปสำรวจดินแดนเหล่านี้ เพราะการไปคนเดียวนั้นมันแทบจะไม่ต่างจากการไปฆ่าตัวตายเลย
“โอเค ฉันจะติดต่อพวกเขาทันที …” เหลียงกล่าวก่อนจะวางสายไป
….
โลกโฟรเซ่น เมืองฟรอสต์ฮีฟเว่น สำนักงานใหญ่หลักของฟรอสต์ฮีฟเว่น :
เนื่องจากการอัพเดทของระบบอย่างกระทันหันของ God domain ฟรอสต์ฮีฟเว่นจึงได้รีบเรียกประชุมด่วนเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเกม และปัจจุบันมันก็มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งโหลนั่งอยู่ในห้องประชุมที่สวยงาม
ซึ่งคนเหล่านี้ทุกคนนั้นล้วนเป็นคนที่สามารถจะเขย่าโลกแห่งความจริงได้ทุกย่างก้าว อย่างไรก็ตามในขณะนี้คนเหล่านี้มีสีหน้าประหม่า ขณะที่พวกเขามองไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หน้าห้อง
ชายวัยกลางคนๆนี้นั้นดูเป็นมิตรมาก และออร่าที่เขาแผ่ออกมามันก็ดูเหมือนกับสายลมที่อ่อนโยนในฤดูใบไม้ผลิ อย่างไรก็ตามมันไม่มีผู้เล่นคนใดที่กล้าจะไม่แสดงความเคารพเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“งั้นฉันก็ขอปิดการประชุมวันนี้เลยแล้วกัน …” ชายวัยกลางคนกล่าวปิดการประชุม จากนั้นเขาก็หันไปจ้องมองมู่ฉิน และเด็กสาวตัวเล็กๆที่อยู่ข้างเธอพลางพูดว่า “มู่ฉิน เครุย ทั้งสองคนอยู่รอก่อน …”
“รับทราบ !!!”
ราวกับว่าพวกเขาได้รับนิรโทษกรรม ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องนั้นรีบเดินออกจากห้องไปทันที โดยทิ้งให้ชายวัยกลางคน มู่ฉิน กับเครุยซึ่งเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆนั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่
“ลุงหง ลุงมีข่าวดีอะไรจะบอกพวกเรางั้นหรอ ?” มู่ฉินถามแซว เมื่อเธอมองไปยังชายวัยกลางคนที่มีท่าทีเคร่งเครียด
“ยัยตัวเล็ก เธอยังจะมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกนะ …. นี่เธอคิดว่าเธอจะสามารถซ่อนความจริงจากทุกคนเรื่องที่เธอเชิญสภาสิบแปดปีกมาเข้าร่วมปฎิบัติการลับของเราได้หรอ ?” ชายวัยกลางคนกล่าวพลางขมวดคิ้ว ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าโอกาสนี้มันหายากแค่ไหน และนี่จะเป็นการรวมตัวกันของเหล่ายักษ์ใหญ่ ซึ่งแม้แต่มหาอำนาจบางกลุ่มก็ยังทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้นในการจะเข้าร่วม และพูดกันตรงๆนี่มันก็เป็นโอกาสสำหรับฟรอสต์ฮีฟเว่นที่จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain แต่เธอกับเชิญบุคคลภายนอกที่เป็นแค่กึ่งมหาอำนาจเข้าร่วมเนี่ยนะ ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่ฉินก็หันไปเครุยที่อยู่ข้างๆเธอโดยอัตโนมัติ และในการตอบสนองเครุยก็ยิ้มอย่างขี้เล่น และกล่าวออกมาว่า “ถ้าฉันเป็นคนบอก แล้วยังไงล่ะ ?”
มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจออกมา เมื่อได้รู้ถึงพฤติกรรมของน้อวสาวคนเล็กของเธอ
“ลุงหง แต่ลุงก็ไม่ควรจะดูถูกความแข็งแกร่งของพวกเขานะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบล๊คเฟรม” มู่ฉินกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ
“เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ? เขาก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ในสายตาของคนทั่วไปเท่านั้นแหละ …” ชายวัยกลางคนที่มู่ฉินเรียกว่าลุงหงกล่าวพลางส่ายหัว “เธอก็น่าจะรู้นี่ว่าเราติดต่อกับคนประเภทไหน โดยคนเหล่านี้ก็ล้วนมีความสามารถอย่างแท้จริง แถมพวกเขายังมีศักยภาพที่น่ากลัวและมีสายเลือดพิเศษ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย ผู้เชี่ยวชาญที่ติดสิบอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดตามการจัดอันดับของศาลาลับนั้นมันก็เป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น”
“ลุงหงพูดถูก การเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ไม่ได้มีอะไรเลยนะสำหรับคนเหล่านั้น …” เครุยกล่าวพลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“อย่างไรก็ตามแบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งมากๆ เขาสามารถที่จะต่อสู้กับ Faux Saint Devourers ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่แบบตัวต่อตัวได้ และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังหลักได้ในตอนนี้ แต่เขาก็น่าจะยังสามารถให้การสนับสนุนจากข้างสนามได้” มู่ฉินอธิบาย
“หื้ม ? เขาสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยงั้นหรอ ?” ลุงหงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับข้อมูลนี้ “ดูเหมือนว่าคนๆนี้จะแข็งแกร่งจริงๆ”
“ฮึ่ม !!! มันมีอะไรน่าทึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน เท่าที่ฉันสืบมาเขาก็ใช้พลังดิบในการต่อสู้กับ Faux Saint Devourers นี่นา ลูกน้องของฉันจำนวนหนึ่งก็สามารถทำได้นะ ….” เครุยพูดอย่างไม่เห็นด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของเครุย มู่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของเด็กสาว ก่อนที่เธอจะอธิบายต่อว่า “ลุงหง แต่คนๆนั้นมีโดเมนมานาด้วย เขาจะสามารถช่วยเราในเรื่องสำคัญๆได้แน่นอน”
“เขามีโดเมนมานางั้นหรอ ?” การเปิดเผยนี้ของมู่ฉินทำให้ลุงหงสนใจ “นี่มันจะช่วยเราได้แน่นอน อย่างไรก็ตามฉันกลัวว่าแค่นี้มันจะยังคงไม่เพียงพอ เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าความแข็งแกร่งของแต่ละคนมีจำกัด และปฎิบัติการครั้งนี้ก็จำเป็นจะต้องใช้ความแข็งแกร่งคนหลายคนประสานกัน ดังนั้นฉันจึงจะต้องไปตรวจสอบถึงความแข็งแกร่งของสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆเป็นการส่วนตัวก่อน ก่อนที่จะอนุมัติเรื่องนี้”
“ลุงจะไปตรวจสอบเป็นการส่วนตัวงั้นหรอ ?” มู่ฉินอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ตัวตนของลุงหงนั้นค่อนข้างจะพิเศษ ซึ่งแม้แต่หัวหน้ากิลของซุเปอร์กิล และตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆก็ยังต้องปฎิบัติกับเขาด้วยความเคารพ ซึ่งหากข่าวที่ว่าเขาไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกแพร่ออกไป มันก็จะสร้างความฮือฮาไปทั่วแน่นอน
“แน่นอน” ลุงหงกล่าวยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ปฎิบัติการครั้งนี้มีความสำคัญสูงสุดสุด เราไม่สามารถจะประมาทได้”
“แต่เวลานั้นใกล้จะหมดแล้วนะ การอัพเดทของระบบครั้งนี้มันใช้เวลาหนึ่งวัน หากเราไม่รีบกลับเข้าเกมและดำเนินการเรื่องต่างๆต่อ ฉันกลัวว่าเราอาจจะล้าหลังมหาอำนาจอื่นๆในบางเรื่อง” มู่ฉินกล่าวคัดค้าน
“ไม่ต้องเป็นห่วง การไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกจะใช้เวลาไม่นานหรอก” ลุงหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อลุงตัดสินใจแบบนี้แล้ว ก็ปล่อยเรื่องการตรวจสอบสภาสิบแปดปีกไว้ให้เป็นหน้าที่ฉันแล้วกัน …” เครุยรีบกล่าวแนะนำ “สภาสิบแปดปีกนั้นเป็นเพียงกิลขนาดใหญ่ท้องถิ่นเท่านั้น หากพวกเขาได้เข้าร่วมในปฎิบัติการครั้งนี้ พวกเขาจะต้องทำตัวหยิ่งผยองแน่นอน นอกจากนี้เมื่อเห็นว่าพี่สาวมู่ฉินชื่นชมความแข็งแกร่งของคนๆนั้นมาก ฉันก็คิดจะนำเทียนเฉิงจากสิบดาบของฟรอสต์ฮีฟเว่นไปด้วยสักหน่อย”
“ซึ่งนี่มันก็จะช่วยให้เราสามารถทดสอบได้ว่าแบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งอย่างที่พี่สาวมู่ฉินบอกไหม และนี่มันก็ยังจะทำให้เราสามารถแสดงให้สภาสิบแปดปีกเห็นได้ด้วยว่ามันไม่ใช่ก็ตามมั่วๆที่จะสามารถเข้าร่วมปฎิบัติการลับของฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะผ่านการทดสอบไปได้ แต่เรื่องนี้มันก็น่าจะทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาควรจะทำตัวอย่างไรในระหว่างปฎิบัติการ”
มู่ฉินพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดน้องสาวของเธอ
เหล่าสิบดาบนั้นเป็นอัจฉริยะที่บริษัทโบลเดอร์ได้เลี้ยงดูขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีและทรัพยากรทั้งหมดที่พวกเขามี ซึ่งทุกคนนั้นล้วนเป็นสัตว์ประหลาดในหมู่สัตว์ประหลาด แถมพวกเขายังเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของปฎิบัติการลับที่กำลังจะมาถึงนี้ด้วย
การทดสอบสภาสิบแปดปีกโดยใช้หนึ่งในสิบดาบมันก็ออกจะเกินไปหน่อย ….
“มู่ฉิน เธอคิดว่าไง ?” ลุงหงถาม
“ฉันไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ” มู่ฉินกล่าวเห็นด้วย หลังจากครุ่นคิด
ในความเห็นของเธอ ซือเฟิงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆในการรับมือกับเทียนเฉิง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา
“ตามนั้น แต่หากความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกมีไม่มากพอ เธอจะต้องกลับไปแก้ไขข้อตกลงที่เธอทำกับพวกเขาด้วย ….” ลุงหงกล่าวพลางพยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้ว” มู่ฉินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
แม้ว่าเธอจะเป็นทายาทของบริษัทโบลเดอร์ แต่เธอก็ไม่สามารถจะต่อต้านการตัดสินใจของลุงหงได้
“พี่สาว ฉันค่อนข้างคาดหวังในคำพูดของพี่นะ !!!”
เครุยกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะล๊อคเอ้าท์ออกจากระบบไป
หวังว่าการแสดงของเขาจะไม่ทำให้ลุงหงผิดหวังนะ มู่ฉินแอบภาวนาอยู่ข้างในใจ หลังจากเห็นเครุยจากไป เธอต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากในการเชิญสภาสิบแปดปีกมาในครั้งนี้ และหากเธอยกเลิกสัญญา เธอก็จะต้องเสียค่ายกเลิกจำนวนมาก ….
….
ในขณะเดียวกันในห้องประชุมชั้นบนสุดที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงซึ่งพึ่งล๊อคเอ้าท์ออกมาก็ได้ทำการจัดเรียงข้อมูลของเศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จักที่เขาได้รับมาอยู่ ในขณะที่เขาได้ยินเสียงเคาะประตู ต่อจากนั้นประตูห้องประชุมก็เปิดออกอย่างช้าๆ และเสียงหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “หัวหน้ากิล พวกเขามากันแล้ว”