ตอนที่ 2702 ความเงียบสงัด
“แปลกแยก ?”
ชั่วขณะหนึ่ง ซือเฟิงล้มเหลวในการที่จะทำเข้าใจคำพูดของเหลียงจิง
ในฐานะผู้ช่วยของเขา เหลียงจิงไม่เพียงแค่จะคอยดูแลกิจการในสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก แต่โดยปกติเธอยังช่วยอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวทำงานด้านต่างๆใน God domain ด้วย ดังนั้นเธอจึงติดต่อกับรองหัวหน้ากิลทั้งสองอยู่บ่อยครั้ง อันที่จริงเหลียงจิงน่าจะคุ้นเคยกับเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสมากกว่าพวกเขาด้วย
เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสนั้นไม่ได้อยู่ที่กิลแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร มันก็ไม่มีเหตุผลเลยที่เหลียงจิงจะบอกว่าทั้งสองให้ความรู้สึกแปลกแยก
“เธอหมายถึงนิสัยใจคอของพวกเขาเปลี่ยนไปใช่ไหม ?” ซือเฟิงถามหลังจากครุ่นคิด นิสัยใจคอของคนๆหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการพัฒนาความรู้และสภาพจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพัฒนาขีดจำกัดการทำงานของสมอง ซึ่งซือเฟิงนั้นเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องนี้
“ไม่ใช่ …” เหลียงจิงส่ายหัว ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอึดอัด “พวกเขาให้ความรู้สึก … แบบนั้นน่ะ … แบบที่เหมือนกับคนแปลกหน้าสวมหน้ากาก …”
“สวมหน้ากา ?” คำพูดของเหลียงจิงทำให้ซือเฟิงประหลาดใจ “เธอแน่ใจใช่ไหม ?”
“อืม แน่ใจมาก !!!” เหลียงจิงกล่าวอย่างจริงจัง
“โอเค” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ให้เรื่องนี้มันจบลงที่นี่ก่อน เธอแค่ปฎิบัติกับพวกเขาเหมือนกับที่เธอเคยทำนั่นแหละ”
“หัวหน้ากิล นี่รองหัวหน้ากิลทั้งสองโอเคไหม ?” เหลียงจิงถามอย่างเป็นห่วง
ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ และถ้าเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสมีปัญหาจริงๆ สภาสิบแปดปีกก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดรองหัวหน้ากิลทั้งสองนั้นต้องรับผิดชอบในกิจกรรมประจำวันส่วนใหญ่
ของกิล ในขณะที่ส่วนใหญ่ซือเฟิงจะคอยควบคุมพวกเขาจากด้านหลังเท่านั้น
“ฉันยังไม่แน่ใจ ….” ซือเฟิงส่ายหัว “แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หลังจากที่ฉันได้พบพวกเขาด้วยตนเอง”
เขาวงกตเชิงพื้นที่นั้นเป็นสิ่งที่พิเศษมากใน God domain มันมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสจะได้พบกับเขาวงกตเชิงพื้นที่ เมื่อทำการเดินทางผ่านเส้นทางเทเลพอร์ตแบบนี้ และมันก็มีผู้เล่นจำนวนน้อยลงไปอีกมากที่จะได้พบกับพื้นที่ลึกลับ หลังจากออกจากเขาวงกตเชิงพื้นที่
ซึ่งพื้นที่ลึกลับนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หลายคนพูดว่ามันคือจุดบกพร่องในเกม
ผู้เล่นทุกคนที่จบลงด้วยการเข้าไปในพื้นที่ลึกลับจะถูกส่งไปยังโลกที่พิเศษมาก และมันก็ไม่มีใครรู้ว่าโลกนั้นเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ๆคือมันมีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในโลกนั้น
การฆ่าฟัน !!!
คนๆหนึ่งที่เข้าไปในโลกนั้นจะถูกตามล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด !!!
หรือต้องตามล่าคนอื่นแบบไม่รู้จบ !!!
หรือไม่ก็ต้องต่อสู้ในสนามรบที่ไม่มีที่สิ้นสุด !!!
มันราวกับว่าชิ้นส่วนของความทรงจำนับไม่ถ้วนใน God domain ถูกรวบรวมไว้ในโลกที่พิเศษนี้
แม้ว่าผู้เล่นจะถูกฆ่าในโลกใบนี้ แต่พวกเขาก็จะนังไม่ตายอย่างแท้จริง พวกเขาจะเพียงแค่เปลี่ยนผ่านจากความฝันหนึ่งไปสู่อีกความฝันหนึ่งเท่านั้นหลังจากที่พวกเขาตายไป และวงจรนี้มันก็จะวนซ้ำไม่รู้จบ ยิ่งไปกว่านั้นความเจ็บปวดที่ผู้เล่นรู้สึกได้จากโลกนี้มันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันแนวคิดเรื่องเวลาในโลกนี้ก็ถูกมองว่าเหมือนกับภาพเบลอ
ช่วงเวลาที่ผู้เล่นได้สัมผัสกับโลกนี้เป็นเพียงสิ่งที่จิตใจของพวกเขารับรู้โดยไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกายที่แท้จริงของพวกเขา ดังนั้นแม้ว่าผู้เล่นอาจจะใช้เวลาไปหนึ่งถึงห้าปีในโลกที่พิเศษนี้ แต่มันอาจจะผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมง หรือหลายวันในโลกแห่งความจริงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเวลานั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการดำรงอยู่ เพราะท้ายที่สุดกาลเวลาอาจทำให้ทุกอย่างเสื่อมโทรมไปได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์
ถ้าเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสออกจากโลกพิเศษนี้ มันจะต้องมีเวลาที่ผ่านไปแล้วจำนวนมากสำหรับพวกเขาจนแม้แต่ความทรงจำบางอย่างของพวกเขาก็ยังต้องพร่าเลือน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเปลี่ยนไป
สิ่งเดียวที่ซือเฟิงไม่รู้ก็คือ อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวใช้เวลาไปกี่ปีกันในโลกนั้น
ในขณะเดียวกันตามสถิติจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ยิ่งใช้เวลาอยู่ในโลกพิเศษนี้นานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีอิทธิพลต่อความคิดของคนๆหนึ่งมากเท่านั้น
สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก ห้องประชุมชั้นบนสุด :
ขณะนี้พวกผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าทีมแกนหลักของสภาสิบแปดปีกล้วนมานั่งกันอยู่ครบทั้งหมดแล้วในห้องประชุมที่สวยงามแห่งนี้ ในบรรดาคนเหล่านี้ แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสิบหก ขั้นสาม ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือไวโอเล็ตคลาวด์ และไฟเออร์แดนซ์ ซึ่งทั้งสองได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีช่องว่างสำคัญระหว่างพวกเขากับซือเฟิงที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้า
ไฟเออร์แดนซ์นั้นได้เปลี่ยนชุดเกราะเก่าของเธอ และแทนที่มันด้วยชุดเกราะหนังสีแดงเข้มแล้ว และหากมองตามรูปแบบเวทย์มนต์ที่ถูกแกะสลักไว้บนชุดเกราะของเธอ มันก็จะสามารถบอกได้เลยว่าชุดเกราะที่เธอสวมใส่นั้นเป็นเซ็ท ยิ่งไปกว่านั้นมันยังให้เอฟเฟคเรืองแสงที่เป็นเอกลักษณ์ของไอเทมระดับอีปิค และตอนนี้ไฟเออร์แดนซ์ก็ยังมัดผมด้วยริบบิ้นที่คล้ายกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ริบบินนี้ทำให้เธอให้ความรู้สึกดุร้ายอย่างที่ไม่อาจพรรณนาได้ราวกับว่าเธอเป็นจักรพรรดินีแห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน
ดูเหมือนว่าไฟเออร์แดนซ์จะเก็บเกี่ยวได้อย่างมากจริงๆจากเขาวงกตเชิงพื้นที่ ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่เขาสังเกตไฟเออร์แดนซ์ทั้งตัว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดจริงๆก็คือ กริชที่ห้อยอยู่ข้างเอวเธอ
กริชนี้ไม่เพียงแต่จะปลดปล่อยความรู้สึกที่เป็นปรปักษ์ออกมาเล็กน้อย แต่มันยังทำให้มานาที่อยู่รอบๆเดือดอีกด้วย หากกริชเล่มนี้ไม่ได้รับความเสียหายมาก่อน เขาก็นึกไม่ออกเลยว่ามันจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างไร
แม้แต่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานก็ยังจะต้องดูซีดเซียวไปเลย เมื่อเทียบกับกริชเล่มนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงกวาดตามองไปยังอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวซึ่งนั่งอยู่ทั้งสองด้านของโต๊ะประชุม เขาก็รู้สึกตกตะลึงมากๆ
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ? เมื่อเห็นทั้งสองสาว มันทำให้ซือเฟิงพูดไม่ออกเลย
หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เหลียงจิงพูด เขาก็เตรียมใจรับสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเขาได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาก็ได้ตระหนักว่าสถานการณ์ของทั้งสองนั้นมันเกินความคาดหมายสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เขาคิดได้ไปไกลมาก
อาวุธและอุปกรณ์ของเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสนั้นยังคงเหมือนกับตอนที่พวกเขาออกจากทวีปด้านตะวันตก และแม้แต่เลเวลของพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด อย่างไรก็ตามตอนนี้ความรู้สึกที่ทั้งสองแผ่ออกมานั้นมันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เสวี่ยเหวินโหรวในอดีตนั้น แม้จะดูเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชา แต่เธอก็ยังเข้ากับคนง่าย ในทางกลับกันอควาโรสก็เป็นผู้หญิงที่ร่าเริงและกล้าแสดงออก ในขณะที่ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายไปด้วยสติปัญญาและความทะเยอทะยานเสมอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งสองคนไม่สามารถถูกมองได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป พวกเขาทั้งสองไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกซึ่งมันราวกับว่าพวกเขาเป็นพืช หรือต้นไม้ พวกเขาไม่ได้มีความสุขหรือเศร้า แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะสื่อสารกับคนอื่นๆรอบตัวอยู่ แต่เสียงของพวกเขาก็ไม่ได้ผันแปรไปตามอารมณ์ใดๆ
สิ่งเดียวที่ซือเฟิงสัมผัสได้จากทั้งสองนั้นคือความเงียบสงัด และแม้ว่าความเงียบสงัดของทั้งสองคนนี้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยก็ตาม
ในกรณีของเสวี่ยเหวินโหรว ความเงียบสงัดของเธอนั้นคล้ายกับกองกระดูกที่กองสูงอยู่ในสนามรบ ส่วนในกรณีของอควาโรสความเงียบสงัดของเธอนั้นเหมือนกับเปลวเทียนในความมืดที่แบกทั้งความหวังและความตายเอาไว้
นอกจากนี้ซือเฟิงแล้ว ทุกคนในห้องก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะว่าอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรวยังเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำของพวกเขา พวกเขาก็คงจะหนีจากที่นี่ไปทันที
“หัวหน้ากิล มันมีอะไรเกิดขึ้นกับรองหัวหน้ากิลทั้งสองคนรึปล่าว ?” ยู่หลานกระซิบถามซือเฟิง
ความเปลี่ยนแปลงของเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสอาจไม่สำคัญสำหรับผู้เล่นที่ไม่คุ้นเคยกับพวกเขา แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยนั้นความเปลี่ยนแปลงนี้มันน่ากลัวและน่าขนลุกมาก
“เมื่อพิจารณาจากสภาพของพวกเขาตอนนี้ มันก็ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน” ซือเฟิงตอบโดยไม่ได้คิดจะปกปิดความจริง เพราะท้ายที่สุดสิ่งนี้มันชัดเจนมากสำหรับทุกคนในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆในห้องประชุมกำลังกระซิบพูดคุยกันถึงความเปลี่ยนแปลงของอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรว ซือเฟิงก็ได้หันสายตาไปมองทั้งสองคน
“พวกเธออยู่ในโลกนั้นนานแค่ไหนกัน ?” ซือเฟิงถามพวกเขาผ่านการกระซิบ