ตอนที่ 2709 ความแตกต่างของความแข็งแกร่ง
“เป็นไปไม่ได้ !!!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!!”
“ฉันต้องฝันไปแน่ๆ !!!”
การตายอย่างกระทันหันของเรดเรนทำให้สมาชิกในทีมช่วยเหลือคนอื่นๆที่คิดจะโจมตีสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆตกตะลึง และบางคนถึงขั้นตัวแข็งค้างเป็นหิน อย่างไรก็ตามมันมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ภาพการตายของเรดเรนนั้นยังคงตราตรึงในใจของพวกเขา และพวกเขาจะไม่มีวันลืมฉากนี้ไปตลอดชีวิต
“นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?”
ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นที่เฝ้ามองจากระยะไกลเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังการ์เดี้ยนไนท์ที่ตายแล้วด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ครู่หนึ่งเขาสงสัยว่าเขากำลังหลอนด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันไม่ใช่ภาพหลอน เพราะในเวลานี้ออร่าที่น่ากลัวที่เรดเรนได้แผ่ออกมานั้นหายไปแล้ว และแม้แต่ออร่าแห่งชีวิตและความผันผวนของมานาที่การ์เดี้ยนไนท์ทำให้เกิดขึ้นมันก็ไม่มีอีกแล้ว เพียงแต่ว่าตัวเขานั้นไม่อยากจะยอมรับฉากตรงหน้าที่ได้เห็น ดังนั้นสมองของเขาจึงเลือกจะปฎิเสธความจริงตรงหน้า
ในเวลานี้ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนเพียงแค่คนเดียวที่มีความคิดและความรู้สึกแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทุกคนเองนั้นก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่หยานเทียนซิง
ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด !!!
นี่มันเป็นตัวตนที่แสดงถึงพลังในการต่อสู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แต่ตอนนี้มันกับมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้คนหนึ่งนอนตายอยู่บนพื้น ในขณะเดียวกันการต่อสู้ทั้งหมด ….
ไม่ !! นี่มันไม่ควรจะเรียกว่าการต่อสู้ด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเรดเรนประสบกับการโจมตีของซือเฟิงได้อย่างไร
“ปีศาจ ! เขาไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ! เขาต้องเป็นหนึ่งในปีศาจของ God domain ที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ !!!”
“ใช่ !! มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน !! มันไม่มีทางที่จะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่แบบนี้ระหว่างผู้เล่นได้แน่นอน !!!”
ผู้เล่นที่เฝ้าดูจากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาทีละคน ในขณะที่พวกเขามองไปยังซือเฟิง
“ใช่แล้ว !! ทุกคนต้องระวังตัว !! เขาต้องเป็นปีศาจแปลงร่างมาแน่นอน !! เขาไม่ใช่ผู้เล่นแล้ว !!”
“ไม่คิดเลยว่าจะมีปีศาจปรากฎตัวขึ้นในการทดสอบรอบคัดเลือกจริงๆ เราต้องรีบแจ้งวิหารเทพสงครามเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที !!!”
เหล่าผู้เล่นในทีมช่วยเหลือที่เตรียมจะกำหนดเป้าหมายไปยังสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกนั้นสูญเสียความเยือกเย็นไปในทันที เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดอุทานต่างๆของผู้ชม ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เริ่มคิดหาวิธีการติดต่อกับวิหารเทพสงครามเพื่อให้มาฆ่าซือเฟิงอย่างบ้าคลั่ง และมันก็มีเพียงแค่การยอมรับตรรกะนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาได้กลับเข้าไปสู่โลกที่พวกเขาจำได้
เพราะท้ายที่สุดตอนนี้แม้แต่ NPC ใน God domain ก็ยังทำตัวเหมือนกับมนุษย์จริงๆ ดังนั้นมันก็คงจะไม่แปลกเลยจะมีปีศาจแปลงร่างมาเป็นผู้เล่นเช่นกัน
“ปีศาจ ?” ซือเฟิงหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเขาได้เห็นท่าทีของฝ่ายตรงข้าม “ฉันดูเหมือนปีศาจในสายตาพวกคุณ อย่างไรก็ตามพวกคุณก็ดูเหมือนกับปีศาจในสายตาผู้เล่นทั่วไปไม่ใช่หรอ ?”
ท้ายที่สุดแล้ว God domain ก็ยังคงเป็นเกม ซึ่งตราบใดที่ผู้เล่นมีเลเวลกับขั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้รับอาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดที่เหมาะกับเลเวลและขั้นมา ค่าสถานะพื้นฐาน ร่างกายทางกายภาพ ปฎิกิริยาตอบสนอง และการควบคุมมานา รวมไปถึงอื่นๆอีกมากมายก็จะดีขึ้นเช่นกัน และนี่มันก็จะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างมาก ในความเป็นจริงแม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็สามารถจะได้รับความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดในปัจจุบัน
God domain นั้นช่างเป็นโลกที่ไร้เหตุผลจริงๆ !!!
หากการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่ซือเฟิงจะมาถึงขั้นสี่ เขาก็คงจะต้องพึ่งพากลอุบายเล็กน้อยเพื่อเอาชนะผู้เชี่ยวชาญแบบเรดเรน อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงขั้นสี่แล้ว เรดเรนก็ไม่ได้ต่างไปจากมดเลยต่อหน้าเขา
ใช่แล้ว !! ช่องว่างระหว่างขั้นสามและสี่นั้นมันยิ่งใหญ่มากๆ !!!
ในสายตาของคนอื่น ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดแบบเรดเรนนั้นคือตัวตนที่เหมือนกับเป็นอมตะและไม่มีใครสามารถเทียบได้ อย่างไรตามสำหรับซือเฟิงในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มันไม่ได้ต่างไปจากมดปลวกที่เขาจะบี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้เลย
ในความเป็นจริงการฆ่าเรดเรน ซือเฟิงนั้นใช้เพียงแค่สกิลดาบลม ขั้นสองเท่านั้น
ในขณะเดียวกันทุกคนในปัจจุบันต่างก็พูดไม่ออกกับคำถามเชิงเปรียบเทียบของซือเฟิง ซึ่งมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ซือเฟิงกล่าวจริงๆ ผู้เล่นทั่วไปนั้นไม่ได้มีค่าใดๆเลยในสายตาของพวกเขา และเมื่อพวกเขาทำการฆ่าผู้เล่นทั่วไปที่เป็นเป้าหมาย พวกเขาก็จะฆ่าผู้เล่นคนนั้นได้ก่อนที่ผู้เล่นคนนั้นจะรู้ตัวว่าถูกโจมตีซะอีก ซึ่งมันก็เหมือนกับที่ซือเฟิงทำกับเรดเรน
ในเวลานี้ทรีออทั่มซึ่งอาวุโสที่สุดในหมู่ผู้เล่นที่เหลือก็ก้าวออกมาข้างหน้า
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เรายอมรับความพ่ายแพ้ ฉันขอให้คุณปล่อยเราไปได้ไหม ?”
แม้ว่าทรีออทั่มจะไม่เข้าใจว่าซือเฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องละทิ้งการโจมตีสภาสิบแปดปีกในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ เพราะตอนนี้การรักษาชีวิตของพวกเขานั้นมีความสำคัญมากกว่า และท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ใช่ลูกน้องของมหาอำนาจทั้งสี่ แต่เป็นหุ้นส่วน
“คุณยอมรับความพ่ายแพ้ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของทรีออทั่ม อย่างไรก็ตามเขาก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ชายแก่คนนี้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
โทษจากการตายในการทดสอบรอบคัดเลือกนี้มันหนักมากๆ นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไป แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดอย่างทรีออ
ทั่มก็ยังจะนับว่าสูญเสียครั้งใหญ่เลย หากมาตายลงที่นี่
“ใช่” ทรีออทั่มพยักหน้า
สมาชิกทีมช่วยเหลือทั้งสี่ทีมก็ไม่มีคนใดที่คัดค้านการตัดสินใจของทรีออทั่มเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่สามารถจะจินตนาการได้อย่างแท้จริงเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเขาต่อสู้กับปีศาจแบบซือเฟิง
หลังจากมองไปยังฝูงชนรอบตัวทั้งหมดอย่างเงียบๆ ซือเฟิงก็พูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “ได้แน่นอน แต่คุณต้องมาเซ็นสัญญากับฉัน เมื่อคุณออกจากที่นี่ไปคุณแต่ละคนจะต้องฆ่าผู้เชี่ยวชาญห้าคนที่เป็นของมหาอำนาจที่หนุนหลังคุณ และผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจะต้องมีมาตราฐานการต่อสู้ที่เท่าเทียมกับตัวพวกคุณเอง”
ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่เหลือก็ส่งเสียงประท้วงทันที “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณจะไม่ไปไกลเกินไปหน่อยหรอ ?” แม่มดเอลฟ์ขมวดคิ้ว ขณะที่ความโกรธปรากฎขึ้นในดวงตาของเธอ “ถ้าเราทำตามที่คุณพูดจริงๆ คุณคิดว่ามหาอำนาจเหล่านั้นจะยอมปล่อยเราไปงั้นหรอ ?”
อย่างมากพวกเขาก็จะสูญเสียห้าเลเวล และถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่เกมเป็นเวลาห้าวันเท่านั้น หากพวกเขาตายลงที่นี่ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไปทำให้มหาอำนาจที่หนุนหลังพวกเขาไม่พอใจ เรื่องมันจะไม่จบลงแค่ห้าเลเวล กับถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่เกมเป็นเวลาห้าวันแน่นอน พวกเขานั้นมีแนวโน้มที่จะถูกไล่ล่าไปทั่ว God domain เพราะท้ายที่สุดหากมหาอำนาจเหล่านี้ไม่ยอมทำอะไรเลยเมื่อถูกพันธมิตรแทงข้างหลัง ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของพวกเขามันจะหม่นหมองได้
“ไปไกลเกินไป ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ จากที่ฉันเห็นพวกคุณพยายามจะผลักดันสภาสิบแปดปีก ถ้าสภาสิบแปดปีกเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด คุณยังจะคิดว่าเงื่อนไขนี้มันมากเกินไปหรือไม่ ?”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่เราจำเป็นจะต้องมาตั้งสมมุติฐานแบบนี้กันจริงๆงั้นหรอ ?” ทรีออทั่มอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจลึกๆออกมาและกล่าวเสริมว่า “ถ้าสภาสิบแปดปีกเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด เราจะไม่ยอมรับทำงานนี้ตั้งแต่เริ่มด้วยซ้ำ ดังนั้นสมมุติฐานของคุณมันใช้ไม่ได้นะ …”
“นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะไม่สามารถเทียบกับคุณได้ แต่ถ้าเป็นการต่อสู้จริงๆ คุณคิดว่าคุณจะสามารถจัดการพวกเราทั้งหมดได้โดยไม่เป็นอะไรงั้นหรอ ? ที่นี่อัตราการผลาญค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเราทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก คุณจะสามารถฆ่าคนได้กี่คนกัน ? และกลุ่มของคุณจะเหลือกี่คนกันเมื่อการต่อสู้จบลง ? ดังนั้นแทนที่จะมาทำลายซึ่งกันและกัน มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะมาจบเรื่องนี้ใน
แบบอื่นๆ”
ทรีออทั่มได้ระบุอย่างชัดเจนถึงสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ทั้งหมด รวมทั้งข้อดีและข้อเสียตามลำดับ ในขณะนี้นับประสาอะไรกับยู่หลาน เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส แม้แต่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำทีมของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ใช่ศัตรูตัวฉกาจซึ่งกันและกันมาแต่แรก และเพื่อให้แน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต มันจึงจะดีกว่าแน่นอนถ้าซือเฟิงจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของทุกคน ซือเฟิงได้ส่ายหัว
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณมีเจตนาจะทำลายล้างซึ่งกันและกันเลยงั้นหรอ ?” การแสดงออกของทรีออทั่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นท่าทีของซือเฟิง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของ God domain และรองหัวหน้าพันธมิตรนักผจญภัยมังกรไฟ มันก็แทบจะไม่น่าเชื่อแล้วที่เขาริเริ่มจะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ซือเฟิงกับยังไม่ยอมถอยสักก้าวบ้าง เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะบ้าขนาดนี้
ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นว่าซือเฟิงปฎิเสธที่จะถอย แม่มดเอลฟ์ก็ตะโกนว่า “แบล๊คเฟรม คุณไม่ควรจะไปไกลเกินไปนะ คุณควรจะรู้ว่าเราก็เป็นตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆที่หนุนหลังเราในครั้งนี้ด้วย ซึ่งหากคุณทำลายล้างทีมของเรา มหาอำนาจเหล่านี้ก็จะไม่ปล่อยให้คุณรอดไปแน่นอน และสภาสิบแปดปีกก็จะไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้ !!!”
“ที่คุณพูดมามันก็ถูก ….” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็เปลี่ยนสายตาไปมองแม่มดเอลฟ์ “อย่างไรก็ตามคุณพูดผิดไปเรื่องหนึ่ง ….”
“ผิด ?” คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้ทรีออทั่มและคนอื่นๆงงงวย พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าแม่มดเอลฟ์พูดอะไรผิดไป
ช่วงเวลาต่อมา ซือเฟิงก็ชัก Abyssal Blade ออกมาจากฝักทันที และความรุนแรงของออร่าที่เขาแผ่ออกมามันก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า พร้อมกันนั้นโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง มานาทั้งหมดในรัศมีหนึ่งพันหลาก็เริ่มเดือด และแม้แต่อากาศโดยรอบก็ยังสั่นสะท้าน
“ซึ่งนั่นก็คือ …. ความแตกต่างของความแข็งแกร่ง !!!”