ตอนที่ 2740 เส้นทางจิต
ซือเฟิงนั้นรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของมู่ฉิน และคำเตือนของเครุย ในความเป็นจริงเขามีความเข้าใจบางส่วนที่ดีกว่ามู่ฉิน และเครุยด้วยซ้ำว่า Upper Zone นั้นพิเศษและแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับโลกภายนอก
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา นอกเหนือจากมหาอำนาจต่างๆของ God domain แล้ว ผู้เชี่ยวชาญคนใดก็ตามที่ประสบความสำเร็จในการไปถึงขั้นห้าได้ล้วนปราถนาที่จะเข้าสู่ Upper Zone ให้ได้ด้วยเหตุผลบางประการ และความปราถนาของพวกเขาก็อาจพูดได้ว่ามันเป็นความบ้าคลั่ง ซึ่งความบ้าคลั่งแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่มู่ฉินกับเครุยจะเข้าใจได้เลย
ในตอนนั้นผู้คนเหล่านั้นเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้เข้าสู่ Upper Zone แถมเรื่องที่คนๆหนึ่งจะสามารถยืดอายุขัยของตัวเองออกไปได้ด้วยการอาศัยใน Upper Zone นั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจมากๆด้วย ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็ยังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ได้มา อย่างไรก็ตามในตอนนั้นซือเฟิงสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าพวกนี้ไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อจะยืดอายุขัยของพวกเขา แต่มันเหมือนกับว่ามันมีบางอย่างใน Upper Zone ที่สามารถจะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้
โดยในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเรื่องนี้เองที่มันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าจำนวนมาก และผู้เชี่ยวชาญขั้นหกบางส่วนของ God domain หายไปอย่างกระทันหัน โดยไม่มีใครทราบชะตากรรมของพวกเขา
หนึ่งในคนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในบรรดาผู้ที่หายตัวไปก็คือ ไวโอเล็ทคลาวด์
ในฐานะที่เป็นเครอลิคขั้นหก ขอบเขตพระเจ้า ไวโอเล็ทคลาวด์เป็นตัวตนที่แม้แต่ซุเปอร์กิลต่างๆก็ยังปวดหัวมากๆในการจะหาวิธีรับมือ ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเพื่อที่จะเข้าสู่ Upper Zone ไวโอเล็ทคลาวด์ได้เลือกจะทำข้อตกลงที่ค่อนข้างรุน
แรงกับซุเปอร์กิล และหลังจากเธอทำตามข้อตกลงได้สำเร็จ เธอก็ได้เข้าสู่ Upper Zone
อย่างไรก็ตามเธอก็หายตัวไปจาก God domain เลย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ….
ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่ได้มีข้อโต้แย้งกับคำพูดของมู่ฉิน รวมไปถึงคำเตือนของเครุยเลย และตอนนี้ซือเฟิงก็อยากจะรู้มากๆว่าสรุปแล้ว Upper Zone มันคืออะไรกันแน่
เมื่อซือเฟิงมาถึงบริเวณทางเข้าของทางเดินที่มืดมิด มันก็มีคนหลายสิบคนต่อแถวเรียงกันอยู่แล้ว โดยคนเหล่านี้ถูกแบ่งแยกเพศอย่างเท่าเทียมกัน และไม่มีใครที่อายุเกินยี่สิบปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดนั้นมีอายุเพียงสิบหกปี ในขณะเดียวกันแม้จะมีสาวงามอย่างมู่ฉิน และเครุยมาถึง แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจทั้งสองคนเลย แต่พวกเขากับดูจะสนใจซือเฟิงซึ่งสวมชุดกีฬาสบายๆมากกว่า
“มีผู้มาใหม่อีกคนแล้ว ….”
“ตัดสินจากรูปลักษณ์ของเขา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เตรียมตัวใดๆมาเลย แน่นอนว่าเขาต้องเป็นไอ้เวรอีกหนึ่งคนที่ใช้เส้นสายเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาที่นี่แน่นอน !!!”
“ชู่ … อย่าให้เขาได้ยินคุณพูด เราไม่สามารถจะทำให้คนเช่นนี้ขุ่นเคืองได้”
เมื่อซือเฟิงได้ยินบทสนทนาของเด็กชาย และเด็กหญิงวัยรุ่นด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของเขา เขาก็ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความงุนงง ในขณะเดียวกันเครุยซึ่งยืนอยู่ข้างซือเฟิงก็เกือบจะหัวเราะออกมา เมื่อได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของเขา แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างสนุกสนานออกมาอยู่ดี
“คุณไม่จำเป็นจะต้องสนใจพวกเขาหรอก” มู่ฉินกล่าวขณะที่มองไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่น “พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประเมินเพื่อการเข้าสู่ Upper Zone น่ะ”
“การประเมินเพื่อเข้าสู่ Upper Zone ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เท่าที่เขารู้วิธีเดียวที่เชื่อถือได้สำหรับบุคคลภายนอกที่ไม่มีเส้นสายในการเข้าสู่ Upper Zone ก็คือ การถูกรับสมัครเข้าบริษัทกรีนก๊อดในฐานะผู้มีความสามารถ
“อืมมม มันไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณคิดไว้หรอก Upper Zone นั้นไม่ได้จำกัดไว้แค่เฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเท่านั้น” มู่ฉินอธิบาย “Upper Zone ยังเป็นที่ที่บริษัทกรีน
ก๊อดใช้บ่มเพาะผู้มีความสามารถภายในของตนด้วย โดยเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ผ่านการทดสอบเบื้องต้นของบริษัทกรีนก๊อดมาแล้ว และตราบใดที่พวกเขาผ่านการประเมินนี้ พวกเขาก็จะได้เข้าสู่ Upper Zone”
“อย่างไรก็ตามการประเมินนี้มีให้กับผู้มีความสามารถที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดผู้มีความสามารถพิเศษในวัยนี้จะยังสามารถนำไปฝึกได้อีกไกล และสามารถเข้าออกโลกภายนอกกับที่นี่ได้แบบไม่น่าห่วง สำหรับเนื้อหาของการประเมินนั้นก็เพียงแค่ผ่านทางนี้เข้าไปและเข้าสู่ Upper Zone”
“ผ่านทางนี้เข้าไปงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามด้วยความสับสน ขณะที่เขาชี้ไปที่อุโมค์ที่มืดมิดข้างหน้า
“ถูกต้อง อุโมงค์ทางนี้มันมีชื่อเล่นที่เรียกกันว่าเส้นทางจิต โดยมันจะทำหน้าที่ทดสอบอารมณ์ และความแข็งแกร่งทางจิตของคนที่เข้าไป และโดยปกติเส้นทางจิตจะปิดอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่มีผลกระทบสำคัญอะไรมากนักต่อผู้คน อย่างไรก็ตามเมื่อเส้นทางจิตถูกเปิดใช้แล้ว มันจะเพียงสามถึงห้าคนเท่านั้นที่จะผ่านมันไปได้ทุกปี และมันก็จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในบรรดาผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบของบริษัทกรีนก๊อดที่จะผ่านมันไปได้จริงๆ” มู่ฉินกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตามตราบใดที่คนๆหนึ่งผ่านการทดสอบ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับการฝึกอบรมพิเศษจากบริษัทกกรีนก๊อด แต่พวกเขายังจะได้รับรางวัลใหญ่ด้วย”
เครุยพยักหน้าให้กับคำพูดของมู่ฉิน จากนั้นมู่ฉินก็พูดกับซือเฟิงอย่างภาคภูมิใจต่อว่า “ฉันผ่านเส้นทางจิตนี้เมื่อปีที่แล้ว ส่วนน้องสาวของฉันนั้นเก่งกาจกว่าฉันมาก เธอผ่านมันได้ในตอนที่เธออายุสิบห้าปี และตอนนั้นเธอก็ทำให้พวกคนที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนตกตะลึงมากๆ” ในขณะที่มู่ฉินกำลังให้คำอธิบายเรื่องต่างๆแก่ซือเฟิง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากทางเดิน โดยชายคนนี้สวมเสื้อยืดรัดรูปที่เผยให้เห็นกล้ามของเขาอย่างชัดเจน และร่างกายของเขานั้นก็สง่างามกับเต็มไปด้วยพลังเหมือนกับเสือชีต้าห์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะยังดูหนุ่ม แต่กลิ่นอายของเขาก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาผ่านชีวิตมามากมายแล้ว และเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้อายุน้อยอย่างที่เห็น
เมื่อสังเกตเห็นการมาถึงของชายคนนี้ กลุ่มเด็กวัยรุ่น มู่ฉิน และเครุยก็ตัวเริ่มเกร็ง
“หื้ม ? ผู้มาใหม่อีกคนงั้นหรอ ?” ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิง
“หัวหน้างานลั่ว คุณเข้าใจผิดแล้ว เขามาอยู่ที่นี่เพื่อลงทะเบียน เขาไม่ใช่ผู้มาเข้ารับการประเมิน” มู่ฉินอธิบาย
“โอ้ หงซินหยวนให้ช่องเข้าสู่ Upper Zone แก่เขางั้นหรอ ?” ทันใดนั้นร่องรอยแห่งความเกลียดชังก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงเป็นครั้งที่สอง “ช่างเป็นเด็กที่โชคดีจริงๆ อย่างไรก็ตามบริษัทกรีนก๊อดกำลังทำการประเมินอยู่ในตอนนี้ หากคุณต้องการจะเข้าไป คุณจะต้องไปกับเด็กเหล่านี้ ฉันไม่มีเวลามาปิดเส้นทางจิตให้คุณอีกแล้ว”
มู่ฉินขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับเลยที่ลั่วหานปิง และหงซินหยวน นั้นเป็นคู่แข่งกันใน Upper Zone อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดเลยว่าลั่วหานปิงจะใช้โอกาสนี้ตอบโต้หงซินหยวนอย่างเปิดเผย
มันจำเป็นที่จะต้องนัดหมายเพื่อลงทะเบียนกับ Upper Zone และโดยปกติการรอการนัดหมายเพื่อลงทะเบียนหลายเดือนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คราวนี้มันต้องขอบคุณคอนเนคชั่นที่หงซินหยวนมีที่ทำให้ซือเฟิงสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้อย่างรวดเร็วแบบนี้
อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ได้ลงทะเบียนในวันนี้ เขาจะต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะมีโอกาสอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ Upper Zone ก็จะไม่สามารถอยู่อาศัยใน Upper Zone ได้
“หัวหน้างานลั่ว เขาเป็นคนที่มีช่องเข้าสู่ Upper Zone มาตั้งแต่แรกแล้วนะ !!! เขามีสิทที่จะเข้าไปยัง Upper Zone ได้อย่างอิสระ !!!” มู่ฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ
“ฉันไม่เคยบอกซะหน่อยว่าฉันจะหยุดไม่ให้เขาเข้าไป ….” ลั่วหานปิงยิ้มเยาะ “เขาเข้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ถ้าเข้าไม่ได้ตอนนี้ พรุ่งนี้ก็เข้าได้”
ทันทีที่ลั่วหานปิงพูดจบ กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่อยู่ใกล้ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่แล้ว ทางเดินนี้มันเปิดตลอดเวลา เนื่องจากเขามีช่องและสิทในการจะเข้าสู่ Upper Zone อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถจะเข้ามาเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการไม่ใช่หรอ ?”
“หัวหน้างานลั่วพูดถูก ถ้าเขาเข้าวันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้เขาก็ยังมาได้ ทำไมเขาจะต้องมาแข่งกับผู้มาใหม่แบบเรา …”
เหล่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนี้ดูถูก และเริ่มค่อนแคะซือเฟิงโดยสัญชาตญาณ เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขานั้นต้องผ่านความยากลำบากมามากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ แถมพวกเขาก็ยังจะต้องผ่านเส้นทางจิตให้ได้เพื่อจะเข้าสู่ Upper Zone พวกเขานั้นแตกต่างจากคนอย่างซือเฟิงอย่าวสิ้นเชิงที่สามารถเข้าไปที่ Upper Zone ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย
เครุยนั้นอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหัวหน้างานลั่วหานปิงผู้นี้ด้วยความไม่พอใจเช่นกัน จากนั้นเธอก็กระซิบบอกกับมู่ฉินว่า “พี่สาว ทำไมเราไม่กลับมากันวันอื่นล่ะ ? ไอ้หมอนี่จะไม่ยอมให้เราเข้าไปวันนี้แน่ ….”
ลั่วหานปิงนั้นเป็นหนึ่งในหัวหน้างานของ Upper Zone ที่มีอำนาจอยู่ใน Upper Zone มากกว่าหงซินหยวนอยู่นิดหน่อย และแม้ว่าพวกเขาจะรายงานเรื่องนี้ยังลุงของพวกเขา แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วการกระทำของลั่วหานปิงมันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะ ถ้าคุณไม่ต้องการจะเข้าไปก็อย่ามาขวางทาง” ลั่วหานปิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “การประเมินผู้มาใหม่ในครั้งนี้มันมีความสำคัญมากๆ และหากเกิดความล่าช้า แม้แต่หงซินหยวนก็จะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้ !!!”
“คุณ ….”
อย่างไรก็ตามในขณะที่มู่ฉินต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงที่ฟังดูสงบก็ดังมาเข้าหูของทุกคน “หัวหน้างานลั่ว งั้นเราสามารถเข้าไปได้ด้วยการตรงเข้าไปตามทางนี้เลยใช่ไหม ?”
เจ้าของเสียงนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือเฟิงที่เงียบมาตลอดเวลาก่อนหน้านี้
“ซือเฟิง ?”
มู่ฉินจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความตกตะลึง เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงคิดจะท้าทายเส้นทางจิตจริงๆ
นับประสาอะไรกับมู่ฉิน แม้แต่ลั่วหานปิงและคนอื่นๆก็ยังประหลาดใจกับเรื่องนี้
“ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะค่อนข้างกล้าหาญมากจริงๆนะ” ลั่วหานปิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงและหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ก็ตามที่คุณว่านั่นแหละ และคุณก็สามารถจะเข้าไปได้เลย อย่างไรก็ตามคุณไม่ใช่พวกหน้าใหม่ที่มาเข้ารับการประเมิน แม้ว่าคุณจะหมดสติไปข้างใน แต่มันก็จะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้นะ และถ้าคุณอยู่ข้างในนานเกิน มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสักสองถึงสามเดือน”
“อย่าทำให้ตัวเองยุ่งยากเลยซือเฟิง เส้นทางจิตนั้นมันมีขีดจำกัดของมันอยู่ และมันก็จะมีความยากขึ้นหลายเท่าสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี นี่คือสาเหตุที่บริษัทกรีนก๊อดกำหนดขีดจำกัดอายุของการประเมินไว้ต่ำกว่ายี่สิบปี” มู่ฉินรีบกล่าวอย่างรีบร้อน ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้ แต่บริษัทกรีนก๊อดเคยอนุญาติให้ผู้ที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี แต่อายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปีเข้าร่วมการประเมินด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครในกลุ่มอายุนี้ที่ผ่านการประเมินไปได้เลย เป็นผลให้บริษัทกรีนก๊อดนั้นลดการประเมินลงเหลือแค่สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น
ในขณะเดียวกันลั่วหานปิงนั้นก็รู้ถึงจุดนี้เช่นกัน เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะทำแบบนี้ เพราะเขามั่นใจว่าซือเฟิงจะไม่สามารถเข้าสู่ Upper Zone ได้ในวันนี้แน่นอน
“ผ่อนคลายน่า หากไม่ไหวจริงๆฉันจะรีบยอมแพ้ และเดินกลับมา ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจพลางหัวเราะเบาๆ
การได้ทดสอบความแข็งแกร่งทางจิตใจถือเป็นโอกาสที่สามารถเจอได้โดยบังเอิญใน God domain เพราะท้ายที่สุดเควสเลื่อนขั้น ตั้งแต่ขั้นสี่หรือสูงกว่าขึ้นไปมีข้อกำหนดความต้องการที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเรื่องความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่น
ในขณะเดียวกันหลังจากที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงมาถึงขั้นสี่แล้ว เขาก็ประสบกับปัญหาคอขวด และไม่สามารถจะก้าวต่อไปได้
เมื่อมีโอกาสเช่นนี้เข้ามา เขาจึงจำเป็นจะต้องลองดู
หลังจากพูดจบซือเฟิงก็เดินตรงเข้าไปในทางเดินที่เปิดเส้นทางจิตไว้ทันที โดยทิ้งให้มู่ฉินและเครุยยังคงยืนตกตะลึงอยู่ด้านหลัง
“เอาล่ะ พวกผู้มาใหม่ก็รีบเข้าไปด้วยเลย !!! จำไว้ว่าพวกคุณมีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น !!!”
เมื่อปรับอารมณ์ของตัวเองได้จากท่าทีของซือเฟิง ลั่วหานปิงก็ออกคำสั่งให้พวกผู้มาใหม่เริ่มทยอยเดินเข้าไปเช่นกัน
“พี่สาว เราจะทำยังไงกันดี ?” เครุยรู้สึกพูดไม่ออกอย่างมากจริงๆกับสถานการณ์นี้
เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะกล้าหาญมากขนาดนี้ เมื่อเธอบอกให้ซือเฟิงระวังเรื่องการเข้าสู่ Upper Zone ประเด็นหลักๆคือเธอต้องการจะให้เขาระวังเรื่องเส้นทางจิตนี่แหละ เนื่องจากเขาอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เพราะเส้นทางจิตมันอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บจนถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสองถึงสามเดือนตามที่ลั่วหานปิงกล่าวได้ง่ายๆเลย
“เส้นทางจิตมันอันตรายเกินไปสำหรับฉัน” มู่ฉินกล่าวอย่างกังวล หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอก็พูดว่า “เธอควรรีบตามเขาไป หากดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทนได้ก็ให้รีบพาเขากลับมาทันที”
“ฮ่าาา …. ช่างเป็นชายผู้ชื่นชอบการพาตัวเองเข้าสู่ปัญหาซะจริง !!! นี่เขาคิดว่าตัวเองอยู่ใน God domain รึไง ?” เครุยบ่นอย่างไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เครุยก็คงเลือกที่จะเดินตามซือเฟิงเข้าไป