Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2750

ตอนที่ 2750 เมืองปีกสีเงินที่น่ากลัว

เมืองปีกสีเงิน ย่านธุรกิจ :

เนื่องจากข่าวเรื่องที่มหาอำนาจต่างๆกำลังพุ่งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีก ทำให้จำนวนผู้เล่นที่อยู่ในย่านธุรกิจของเมืองลดลงไปมาก เพราะผู้เล่นหลายคนกลัวที่จะต้องกลายเป็นหลักประกันความเสียหาย

ผู้เล่นอิสระที่วางแผนจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกในตอนแรกก็เริ่มลังเลใจ

“เมื่อฉันเดินทางมาที่เมืองปีกสีเงิน และได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก ฉันก็คิดว่าฉันจะสามารถสยายปีกได้ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด”

“ฉันได้ยินมาว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายคนเริ่มถอนตัวออกจากกิลแล้ว ขณะที่คนที่เลือกจะอยู่ต่อก็ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวออกไปนอกเมืองกิลของสภาสิบแปดปีก”

“ถ้าให้ฉันบอกว่ากิลไหนแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ฉันก็คงจะบอกว่ามือแห่งนักบุญ ทำไมเราไม่ไปเข้าร่วมมือแห่งนักบุญกันล่ะ ? ถ้าเราสามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้ เราก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องมอนสเตอร์ Faux Saint ด้วย”

ผู้เล่นที่อยู่ในบาร์แห่งหนึ่งของเมืองต่างพูดคุยกันว่าพวกเขาควรจะมุ่งหน้าไปที่อื่นเพื่อพัฒนาหรือไม่ ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีความหวังใดๆกับสภาสิบแปดปีกอีกต่อไป

ในขณะเดียวกันที่มุมหนึ่งของบาร์ มันก็มีชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำหลายคนนั่งฟังการสนทนานี้อย่างเงียบๆ โดยชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในหมู่คนเหล่านี้ได้เผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมา เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก

“ตอนแรกฉันก็คิดว่ากิลที่เธอเข้าร่วมจะเป็นกิลที่ทรงพลัง ….” แอสซาซินหนุ่มขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสองที่แผ่ออร่าที่ทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามยังหวาดกลัวออกมา กล่าวด้วยความไม่พอใจ “ดูเหมือนว่าเราจะกังวลมากเกินไป เราไม่น่าจะต้องเสียเวลามาที่นี่เลย สภาสิบแปดปีกนั้นเทียบไม่ได้กับกิลชั้นยอดด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าพวกเขาไปทำแบบไหนถึงทำให้เธอยอมเข้าร่วมได้ พวกเขาช่างโชคดีจริงๆ !!! ขณะที่เธอนั้นไม่เต็มใจจะเข้าร่วมกับเราด้วยซ้ำ !!!”

“โอลด์ซิคอย่าพูดแบบนั้นสิ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่ดูจากสถานการณ์ทั้งหมดแล้วเราก็สามารถจะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบมาตราฐานของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถของกิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลได้ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญบางส่วนของตัวเองเข้ามาจัดการกับสภาสิบแปดปีกที่นี่นี่นา ….” ชายวัยกลางคนท่าทีเย็นชาที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะกล่าว “สำหรับเรื่องสภาสิบแปดปีก เมื่อเรากลับไปเราก็จะรายงานทุกอย่างไปตามความเป็นจริงให้กับพวกระดับสูงรู้นั่นแหละ และในเวลานั้นฉันว่าเธอจะต้องตื่นตระหนกบ้างแน่นอน”

“ฉันเดาว่าอย่างนั้นแหละ ….” แอสซาซินหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอเต็มใจจะเข้าร่วมกับเรา ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะช่วยสภาสิบแปดปีกสักหน่อยนะ ….”

ในระหว่างที่มหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นอิสระคิดว่าเมืองปีกสีเงินจะต้องกลายเป็นเมืองร้างแน่นอน มันก็มีผู้เล่นกลุ่มใหญ่ปรากฎตัวขึ้นบนถนนทีละกลุ่ม ทีละกลุ่ม โดยผู้เล่นเหล่านี้ค่อยๆเข้ามาเติมเต็มถนนสายหลักและตรอกซอกซอยของเมือง โดยพวกเขามีจำนวนนับร้อยนับพัน และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นเหล่านี้ทุกคนยังน่าเกรงขามมากๆ

“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”

“ทำไมสมาชิกของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลถึงมาที่นี่ ?”

“นี่ทั้งสองกิลวางแผนที่จะทำงานร่วมกับสภาสิบแปดปีกเพื่อต่อต้านมหาอำนาจต่างๆจริงๆงั้นหรอ ?”

ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆที่ยังคงเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ในเมืองปีกสีเงินตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้เลยว่ากิลชั้นยอดทั้งสองกิลคิดอะไรอยู่ พวกเขาระดมกำลังสมาชิกจำนวนมากเข้ามาที่เมืองปีกสีเงินทำไม ? และเมื่อเวลาผ่านไปจำนวนสมาชิกของทั้งสองกิลก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งสองกิลก็ได้รวบรวมสมาชิกมากกว่าสามล้านคนมาไว้ในเมือง ซึ่งมันทำให้เมืองที่เคยรกร้างว่างเปล่าก่อนหน้านี้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด

“ฮาร์ท ! นี่กิลของคุณบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?! คุณจะเดิมพันชิปทั้งหมดที่คุณมีกับสภาสิบแปดปีกจริงๆงั้นหรอ ?!!”
“นี่จักรพรรดิคริมสันกำลังพยายามจะเป็นศัตรูกับเราทั้งหมดงั้นหรอ ?”

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ล่าสุด มหาอำนาจต่างๆก็รีบติดต่อกับอันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องในครั้งนี้ทันที แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกำลังต่อสู้กับมหาอำนาจทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออกเกือบทั้งหมด การยืนอยู่ข้างสภาสิบแปดปีกในตอนนี้มันจะไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลย แต่อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆก็ต้องพบกับความตกตะลึงมากๆ เมื่อพวกเขาติดต่ออันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดไป ทั้งจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะยืนเคียงข้างสภาสิบแปดปีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ยังประกาศอย่างชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่นั่งนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลย ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆคิดจะปราบปรามเมืองปีกสีเงิน

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของสภาสิบแปดปีกนั้นมันเหนือความคาดหมายยิ่งกว่าอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันมาก เพราะตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้สั่งให้สมาชิกทุกคนที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหรือสูงกว่าขึ้นไปมารวมตัวกันที่เมืองปีกสีเงิน ซึ่งตอนนี้มันมีสมาชิกสภาสิบแปดปีกมากกว่าสองล้านคนเข้ามาที่เมืองปีกสีเงินแล้ว

ในปัจจุบันเมืองปีกสีเงินไม่เพียงแต่จะมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มารวมตัวกันในเมืองนั้นยังมีจำนวนเกินหนึ่งหมื่นคนไปแล้ว ซึ่งมันมากกว่าที่เมืองกิลอื่นๆในทวีปหลักมีเลย

ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนที่ดูแลเมืองปีกสีเงิน นับประสาอะไรกับมหาอำนาจต่างๆ แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องระวังเมืองปีกสีเงิน

มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าด้วยพลังแบบนี้ เมืองปีกสีเงินจะสามารถเหยียบย่ำมหาอำนาจต่างๆที่ดำเนินการอยู่ในจักรวรรดิออร์คได้อย่างง่ายดาย และหากมหาอำนาจใดๆต้องการจะสร้างคลื่นขึ้นรอบ และในเมืองปีกสีเงิน พวกเขาจะต้องจ่ายอย่างมหาศาลโดยที่ไม่สนใจต้นทุนเลยทีเดียวเพื่อนำผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากมาล้อมเมืองปีกสีเงิน ขณะที่การทำแบบอื่นๆนั้นแทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย

“อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!! นี่พวกเขาเต็มใจจะช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกแบบนี้จริงๆงั้นหรอ ?” เมื่อโคลท์ชาโด้วได้รับข่าวการกระทำของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล เธอก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน

เธอได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าสภาสิบแปดปีกต้องมีไพ่เด็ดอยู่แน่นอน ไม่งั้นกิลคงจะไม่กล้ายั่วยุมหาอำนาจต่างๆ

อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยคิดเลยว่าไพ่ของสภาสิบแปดปีกจะเป็นแบบนี้ !!

ในตอนนี้นับประสาอะไรกับโคลท์ชาโด้วที่เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีก แม้แต่เซเว่น
วอร์นเดอร์จากฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ยังพูดไม่ออกกับเรื่องนี้

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะทำให้กิลชั้นยอดสองกิลลงทุนเดิมพันชิปทั้งหมดของตัวเองได้

ด้วยการรวมมือกันของทั้งสามกิล แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็จะไม่กล้ายุ่งกับพวกเขาแน่นอน เพราะเหตุผลที่มหาอำนาจต่างๆกล้าที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะว่ากิลไม่ภูมิหลัง ทรัพยากร และเงินทุนใดๆ รวมไปถึงกิลก็ยังมีจำนวนที่น้อยกว่าพวกเขามาก ซึ่งด้วยความได้เปรียบทั้งหมดนี้ พวกเขาก็จะสามารถปราบปรามสภาสิบแปดปีกลงได้อย่างง่ายดายด้วยการร่วมมือกัน

อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปปีกมีสองมหาอำนาจคอยหนุนหลังอยู่ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้นจึงไม่ใช่จุดอ่อนของกิลอีกต่อไป หากมหาอำนาจต่างๆต้องการจะร่วมมือกันปราบปรามสภาสิบแปดปีกจริงๆ พวกเขาจะต้องจ่ายมากกว่าเดิมอีกอย่างน้อยสิบเท่าจากก่อนหน้านี้ ….

มหาอำนาจต่างๆไม่ใช่แค่พวกเดียวที่สับสนกับสถานการณ์นี้ แม้แต่สมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีกเองก็ยังมีท่าทีเดียวกัน

“อึก !! นี่กิลของเรายอดเยี่ยมขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”

“แต่ทำไมกิลถึงรวบรวมพวกเราทั้งหมดมาไว้ที่เมืองปีกสีเงินกัน ?”

“พวกเราจะทำการยึดครองเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์ครึปล่าว ?”

สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่มารวมตัวกันล้วนคาดเดาไปต่างๆนาๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วจำนวนและความแข็งแกร่งที่มารวมตัวกันในเมืองปีกสีเงินนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย แค่กองกำลังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนมันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้สยบพื้นที่ชั้นในของจักรวรรดิออร์ค และพวกเขาอาจผลักดันกองกำลังเข้าสู่พื้นที่หลักใจกลางจักรวรรดิได้เลยด้วยซ้ำ

“หัวหน้ากิล สมาชิกเลเวลหนึ่งร้อยและมากกว่าของเราทั้งหมดมาถึงแล้ว ส่วนตอนนี้ทั้งสองกิลก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปที่เมืองสกายสปริงได้ทุกเมื่อ ….” เหลียงจิงรายงานอย่างตื่นเต้น

เธอนั้นยังคงสงบอยู่มาตลอดกับสถานการณ์นี้ ในขณะที่คนอื่นๆล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นั่นเป็นเพราะเธอได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมาจากซือเฟิงก่อน และแผนของซือเฟิงที่จะเข้าปกครองเมืองสกายสปริง

ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกสามารถทำการปิดล้อมเมืองสกายสปริงได้ คนภายนอกก็จะมีปัญหาในการเดินทางออกจากเมือง ในขณะเดียวกันสมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็จะสามารถเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างอิสระเพื่อเก็บเลเวล พวกเขาจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่เก็บเลเวล และพวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่มหาอำนาจต่างๆจะมาทำร้ายสมาชิกสภาสิบแปดปีกได้ เพราะในเวลานั้นมันจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆจะทำร้ายสมาชิกสภาสิบแปดปีกได้

ไม่ต้องพูดถึง เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆออกไปเก็บเลเวลในพื้นที่ปกติที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการรบกวนของ NPC จำนวนมาก ซึ่งมันจะลดความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาลงไปอย่างมาก ในทางกลับกันสิ่งนี้มันก็จะช่วยขยายช่องว่างเลเวลของสมาชิกของมหาอำนาจกับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกออกไป

“เอาล่ะ ทำการเปิดห้องเทเลพอร์ตได้เลย ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า แม้ว่าสิ่งต่างๆจะพัฒนาไปจากแผนเดิมของเขาอยู่บ้าง แต่มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม เพราะท้ายที่สุดตอนนี้สิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องทำก็คือเฝ้าดูมหาอำนาจต่างๆดิ้นรนเพื่อรับมือกับ NPC และกองกำลัง NPC ที่เพิ่มจำนวนขึ้น

“เข้าใจแล้ว !!!”

เหลียงจิงพยักหน้ารับคำสั่งด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นเธอก็ได้สั่งให้ลูกน้องของเธอรื้อกำแพง และอาคารพรางตัวต่างๆรอบห้องเทเลพอร์ต

ช่วงเวลาต่อมาอาคารสูงเจ็ดถึงแปดชั้นหลายหลังตามถนนสายหลักของเมืองก็หายไป ซึ่งการหายไปของอาคารเหล่านี้มันก็ทำให้อาคารสูงห้าชั้นขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปรากฎขึ้นมาอย่างชัดเจน

เมื่อผู้เล่นที่เดินไปตามถนนสายหลักของเมืองปีกสีเงินได้เห็นอาคารหลังนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงทันที

อาคารขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางพลาซ่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“ห้องเทเลพอร์ต ?!”

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset