ตอนที่ 2759 ครึ่งก้าวราชันปีศาจ
“นี่คือไพ่จริงๆที่แบล๊คเฟรมซ่อนเอาไว้มาตลอดเวลางั้นหรอ ?”
อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อพวกเขาจ้องมองไปยังปีศาจสามตาที่บินอยู่บนท้องฟ้าอย่างภาคภูมิใจ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา
[โฟร์เบโร่ (เจ้าแห่งความตาย)) (เจ้าชายปีศาจ)
เลเวล 135
HP 13,000,000,000/13,000,000,000
พวกเขารู้มานานแล้วว่าคนอย่างซือเฟิงนั้นมักจะซ่อนไพ่จริงๆของตัวเองไว้ตลอดเวลา ไม่งั้นเขาคงจะไม่กล้าเดินทางมายังพื้นที่อันตรายอย่างเทือกเขาที่ถูกทำลาย แม้ว่าเขาจะมาถึงขั้นสี่แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าไพ่ของซือเฟิงจะน่ากลัวขนาดนี้
ชายคนนี้ได้อัญเชิญเจ้าชายปีศาจมาจาก Dark Abyss และควบคุมให้เป็นหุ่นเชิดที่ต่อสู้เพื่อเขา
เจ้าชายปีศาจนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสามารถเทียบเคียงได้กับตัวตนขั้นห้าทั่วไปเลย และในแง่ของคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิต เจ้าชายปีศาจนั้นอยู่เหนือกว่าแม้แต่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้าชายปีศาจอย่างโฟร์เบโร่ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นครึ่งก้าวราชันปีศาจ
หากมหาอำนาจต่างๆค้นพบเกี่ยวกับพลังอำนาจนี้ พวกเขาจะต้องมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมาก
ปีศาจใดๆที่ครองตำแหน่งเจ้าชายปีศาจนั้น พวกมันล้วนได้ตำแหน่งนี้มาจากการเข่นฆ่าผู้คนนับไม่ถ้วนใน God domain อันที่จริงตำแหน่งเจ้าชายปีศาจนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำลายอาณาจักรบางส่วนของ God domain ด้วย
มันเป็นตัวตนที่สามารถจะทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรได้ด้วยตัวตนเดียวเลย และการทำลายเมืองกิลของซุเปอร์กิลจะเป็นเพียงแค่เรื่องง่ายๆเท่านั้นสำหรับมัน ในความเป็นจริงซือเฟิงเองก็ได้สนุกไปกับการจินตนาการเรื่องนี้เช่นเดียวกับอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทตอนนี้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงปล่อยให้มันเป็นเพียงความคิดไปตามเดิม ….
หลังจากเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นสี่ ทั้งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และมานาของเขาก็ได้รับการปรับปรุงในเชิงคุณภาพ ซึ่งด้วยการปรับปรุงเหล่านี้ เขาได้ค้นพบร่องรอยเล็กๆของพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวอยู่รอบวิญญาณของเขา ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นมอบพลังอันน่ากลัวให้กับผู้ใช้ และแม้กระทั่งไอเทมระดับตำนานบางชิ้นก็ยังเทียบกับมันไม่ได้ ซึ่งหากพูดกันตามตรงสถานการณ์นี้มันก็ดูไม่สอดคล้องกับกฎของ God domain
ใน God domain คนๆหนึ่งจะต้องจ่ายด้วยราคาที่สอดคล้องกันกับพลังที่ได้รับ นี่มันคือความสมดุลใน God domain อย่างไรก็ตามไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้มันดูเหมือนจะไม่สมดุลเลย เพราะพลังที่มันมอบให้เขานั้นมากกว่าค่าใช้จ่ายในการใช้งานมาก
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้รับรู้ถึงค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดในการใช้งานไบเบิ้ลแห่งความมืดแล้ว เพราะการใช้งานไบเบิ้ลแห่งความมืดมันทำให้วิญญาณของเขาต้องแปดเปื้อนพลังแห่งความมืด
แม้ว่าพลังแห่งความมืดที่อยู่รอบๆวิญญาณของเขาจะอ่อนแอมากๆ แต่ความบริสุทธิ์ของมันก็สูงมากเทียบเท่ากับพลังงานที่พบในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เลย พลังธรรมดานั้นไม่สามารถจะขับไล่มันได้
และยิ่งเขาใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดมากเท่าไหร่ พลังแห่งความมืดนี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น และในตอนที่เขาอัญเชิญโฟร์เบโร่ออกมา พลังแห่งความมืดนี้มันก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจึงไม่กล้าจะใช้พลังของไบเบิ้ลแห่งความมืดในตอนนี้เลย
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับพลังของโฟร์เบโร่ โทเดลย่าที่ปลิวกระเด็นไปในตอนแรกก็แผดเสียงคำรามที่ดังสนั่นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่โกรธแค้นออกมา
ร่างกายโปร่งแสงเดิมของโทเดลย่าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด และขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ลอร์ดแห่งดินแดนตัวนี้มีความสูงที่ราวห้าสิบเมตรแล้ว ในขณะเดียวกันระลอกพลังก็แผ่ออกมาจากร่างของมันไปทั่วรัศมีห้าร้อยหลารอบตัวมัน และทำให้พื้นดินจมลง
ช่างเป็นโดเมนแรงโน้มถ่วงที่ทรงพลังมากจริงๆ !!! ซือเฟิงขมวดคิ้ว เมื่อโดเมนแรงโน้มถ่วงของโทเดลย่ามาถึงเขา ….
แม้จะมีโดเมนมานา และร่างกายทางกายภาพของขั้นสี่ที่แท้จริง แต่การจะเคลื่อนไหวภายในโดเมนแรงโน้มถ่วงของโทเดลย่ามันก็เป็นเรื่องยากมากๆ ตอนนี้เขาสามารถแสดงความเร็วออกมาได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเร็วปกติ นับประสาอะไรกับความแข็งแกร่งของเขา
หากผู้เล่นขั้นสามทั่วไปได้มายืนอยู่ในโดเมนแรงโน้มถ่วงนี้ในตอนนี้ พวกเขาน่าจะถูกบดขยี้จนตายแน่นอน แต่โชคดีที่โฟร์เบโร่ซึ่งซือเฟิงควบคุมอยู่นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากโดเมนมานานี้มากนัก โดยความแข็งแกร่งและความเร็วของมันลดลงแค่ราวยี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งทำให้โดยรวมแล้ว เขายังคงได้เปรียบโทเดลย่าอยู่
นี่คือพลังของเจ้าชายปีศาจงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์นี้
แม้ว่าทั้งเขาและโฟร์เบโร่จะเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสี่เหมือนกัน แต่มันก็มีช่องว่างที่ใหญ่มากๆ ระหว่างเขากับโฟร์เบโร่ เขามีเพียงการควบคุมร่างกายขั้นพื้นฐานเท่านั้นที่เหนือกว่าโฟร์เบโร่ สำหรับในเรื่องการใช้มานาและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้นโฟร์เบโร่เหนือกว่าเขามาก
แม้ว่าทั้งสองแง่มุมนี้อาจจะดูไม่สำคัญมากนัก แต่มันก็จัดว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับตัวตนขั้นสี่ เพราะมันจะช่วยทำให้สามารถใช้ค่าสถานะพื้นฐานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
ในตอนนี้ซือเฟิงไม่สามารถจะแสดงพลังในการต่อสู้ที่แท้จริงของโฟร์เบโร่ออกมาได้ถึงสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามโฟร์เบโร่ก็ยังคงอยู่เหนือกว่าโทเดลย่ามาก
ทั้งหมดที่ซือเฟิงต้องทำตอนนี้ก็คือควบคุมโฟร์เบโร่ และให้มันช่วยตรึงโทเดลย่าเอาไว้ ก่อนที่จะให้ทุกคนช่วยกันรุมโจมตีโทเดลย่า ซึ่งหากทำแบบนี้ การจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายตัวนี้ให้ได้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตามโทเดลย่าก็ไม่ได้คิดจะให้ซือเฟิงทำตามแผนของเขาได้ง่ายๆ
เมื่อร่ายเวทย์เสร็จสิ้น ลอร์ดแห่งดินแดนได้ทำลายพื้นดินรอบๆตัวของมันเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และรวบรวมเศษหินที่กระจัดกระจายภายในเวลาเพียงสามวินาทีให้กลายเป็นอุกกาบาตขนาดยักษ์ที่มีรัศมีสี่ร้อยหลาลอยอยู่กลางอากาศ
คำสาปขั้นสี่ ? ใบหน้าของซือเฟิงมืดมนลง เมื่อเขาได้เห็นอุกกาบาต
คำสาขั้นสี่ที่ถูกร่ายและใช้โดยมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย มันจะมีพลังอยู่ในมาตราฐานของขั้นห้า และแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากการโจมตีดังกล่าวก็เกินพอที่จะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองขนาดใหญ่ได้แล้ว และในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ ถ้าเขาถูกโจมตีด้วยการโจมตีนี้ เขาจะตายโดยที่ไม่ต้องมีคำถามใดๆเลย
ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงซือเฟิงเลย แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ด อันยีลดิ้งฮาร์ท และผู้เล่นคนอื่นๆที่ยืนอยู่ห่างออกไปห้าร้อยหลาต่างก็ตกตะลึงกับการโจมตีนี้ของโทเดลย่า และรอยยิ้มที่ขมขื่นก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทุกคน
เมื่อคำสาปขั้นสี่ตกลงสู่พื้น มันจะไม่มีใครที่สามารถรอดชีวิตไปได้ และตอนนี้มันก็ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่สามารถขัดขวางคำสาปขั้นสี่ได้เช่นกัน
แม่งเอ้ย !!! ทำไมฉันใช้มานาของมันไม่ได้วะ ?!! ในตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกปวดหัวอย่างมากกับสถานการณ์เช่นนี้
ถ้าเขาสามารถควบคุมได้แค่ร่างกายทางกายภาพของโฟร์เบโร่ เขาจะไม่สามารถใช้คำสาปขั้นสี่ของเจ้าชายปีศาจได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าโฟร์เบโร่จะสามารถทนต่อการโจมตีของคำสาปขั้นสี่ได้ แต่ซือเฟิงและคนอื่นๆในทีมนั้นไม่สามารถจะทนได้ และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับการที่จะหลบหนีไปให้ได้ในตอนนี้
เพราะท้ายที่สุดแล้วการเปิดใช้งานคำสาปขั้นสี่นั้นจะทำให้พื้นที่ในระยะของคำสาปถูกผนึกทั้งหมด
นอกเหนือจากการทำลายคำสาปขั้นสี่โดยตรงแล้ว วิธีอื่นที่จะทำให้ผู้เล่นอยู่รอดในการโจมตีของคำสาปขั้นสี่ได้ก็คือ การทนให้มันผ่านพ้นไป อย่างไรก็ตามทั้งสองตัวเลือกนี้ไม่สามารถจะใช้งานได้สำหรับซือเฟิง และสำหรับเรื่องของโฟร์เบโร่ ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมมานาของมันได้ เขาก็จะไม่สามารถใช้สกิลหรือเวทย์ใดๆของเจ้าชายปีศาจได้เลย เขาจะใช้เจ้าชายปีศาจได้แค่ในการต่อสู้ทางกายภาพเท่านั้น ….
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการจะแก้ไขคำสาปขั้นสี่นี้ โทเดลย่าก็ได้ร่ายคำสาปขั้นสี่ Meteorite Collapse เสร็จสิ้นแล้ว
ตู้ม !!
วินาทีต่อมา อุกาบาตขนาดมหึมาก็ตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนดาวตกจริงๆ
แม่งเอ้ย !! เมื่อเห็นอุกกาบาตตกลงมา ซือเฟิงก็กัดฟันของเขาและเรียกพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวอยู่รอบวิญญาณของเขาออกมา ตอนนี้ต้องเสี่ยงแล้วว่าจะได้ทั้งหมด หรือไม่เหลืออะไรเลย !!!
ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ควบคุมปีศาจทั้งหมดได้ ไบเบิ้ลแห่งความมืดมันไม่น่าจะจำกัดเพียงแค่เปลี่ยนปีศาจให้เป็นหุ่นเชิดเนื้อธรรมดา ซือเฟิงเชื่อว่ามันน่าจะมีวิธีที่ทำให้เขาสามารถควบคุมมันได้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน พลังของปีศาจนั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะมานาเท่านั้น พวกมันยังสามารถเข้าถึงพลังแห่งความมืดที่น่ากลัวได้อีกด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพลังแห่งความมืดนั้นเป็นแหล่งที่มาของความแข็งแกร่งของปีศาจ
แต่เมื่อซือเฟิงใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดช่วย เขากับสามารถจะจัดการควบคุมปีศาจได้แบบง่ายๆเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้มันดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเลย
ทันทีที่ซือเฟิงจัดการกับพลังแห่งความมืดภายในวิญญาณของเขา มันก็ก่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังของโฟร์เบโร่
นี่คือ ?!
ซือเฟิงรู้สึกมึนงง
ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาคือโฟร์เบโร่ และตอนนี้เขาก็สามารถเห็นสิ่งที่โฟร์เบโร่เห็น และสัมผัสได้ว่าโฟร์เบโร่รู้สึกอย่างไร
นี่คือความรู้สึกของปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงกับราชันปีศาจขั้นห้างั้นหรอ ? ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะไม่รู้สึกกังวลหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อยกับอุกกาบาตที่ตกลงมา แต่ตอนนี้มันยังดูเหมือนของเล่นสำหรับเขาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นมานาโดยรอบภูมิประเทศหรือท้องฟ้า ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างได้อย่างชัดเจน และแม้แต่หลักการทำงานขององค์ประกอบธาตุของเวทย์มนต์ที่ซับซ้อน ตอนนี้มันก็ยังดูง่ายมากสำหรับเขา ในขณะเดียวกันเมื่อทุกคนในทีมส่ายหัว และเริ่มมีท่าทียอมแพ้ ทันใดนั้นโฟร์เบโร่ก็ยกมือของมันขึ้นภายใต้การควบคุมของซือเฟิง และเล็งไปที่อุกกาบาตนี้
ในช่วงเวลาต่อมา มือขนาดมหึมาที่ทำจากมานาก็โผล่ออกมาจากอากาศ และคว้าอุกกาบาตเอาไว้ จากนั้นก็จัดการบีบมันเบาๆ
ตู้ม !
มันเกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นจากการที่มือขนาดมหึมาทำแบบนี้ หลังจากนั้นอุกกาบาตที่มีรัศมีกว่าสี่ร้อยหลาก็แตกออกเป็นผุยผง ก่อนที่มือขนาดมหึมาจะหายไป เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่าสีดำสนิท