ตอนที่ 2763 เทพ
มันตายเลยงั้นหรอ ?
ซือเฟิงตกตะลึง เมื่อเห็นโฟร์เบโร่ถูกฆ่าไปในการโจมตีเดียว
ลำแสงสีแดงนั้นไม่เพียงแต่มันจะมีความรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันยังมีพลังมากเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าชายปีศาจได้ในทันที
แม้ว่าไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นจะเรียกแค่ร่างที่อ่อนแอของโฟร์เบโร่ออกมา ไม่ใช่ร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน แต่ร่างที่อ่อนแอนี้มันก็ยังจัดว่าอยู่ในระดับครึ่งก้าวราชันปีศาจอย่างแท้จริง
แม้แต่ราชันปีศาจขั้นห้าที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถจะฆ่าครึ่งก้าวราชันปีศาจได้ในการโจมตีเดียวเลย
สำหรับการที่ลำแสงสีแดงนี้มันจะมาจากกับดัก บาเรีย หรือวงเวทย์นั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นกับดัก บาเรีย และวงเวทย์ ผู้ใช้นั้นจะต้องมีพลังที่น่ากลัวมากๆจึงจะสามารถตั้งให้มันทำแบบนี้ได้ ไม่งั้นโดยทั่วไปแล้วมันก็จะทำได้แค่กักขังเท่านั้น มันไม่มีทางที่จะมีความสามารถในการจะฆ่าร่างอ่อนแอของครึ่งก้าวราชันปีศาจได้ในการโจมตีเดียวเลย
นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าลำแสงนี้ไม่ได้ดูเหมือนมีต้นกำเนิดมาจากกับดัก บาเรีย และวงเวทย์เลย มันดูเหมือนเวทย์โจมตีมากกว่า
ทุกคนก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้เช่นกัน และอาการตัวสั่น กับขนลุกก็แพร่กระจายไปทั่วร่างของพวกเขาทุกคนทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“นั่นคือครึ่งก้าวราชันปีศาจนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”
เจ้าชายปีศาจที่พวกเขาเชื่อว่าแทบจะเป็นอมตะได้ถูกฆ่าในทันที หากการโจมตีเมื่อครู่มันโดนผู้เล่นขั้นสามอย่างพวกเขา พวกเขาก็คงจะตายลงในเวลาไม่ถึงวินาทีแน่นอน ….
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
การที่อีกฝ่ายสามารถฆ่าครึ่งก้าวราชันปีศาจได้ในการโจมตีเดียวแบบนี้ มันก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากๆ และอาจจะน่ากลัวที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอแน่นอน
ในขณะเดียวกันมันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดที่กล้าจะยั่วยุตัวตนระดับนี้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากพวกเขาถูกฆ่าด้วยฝีมือของตัวตนระดับนี้ มันมีสิทที่จะจบลงเป็นการทำลายล้างวิญญาณ และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะต้องไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทั้งหมดจะทันได้หายตกตะลึง แรงกดดันทางจิตที่น่ากลัวก็ทวีความรุนแรงขึ้น และพุ่งตรงเข้าใส่พวกเขา
ซึ่งนี่มันทำให้ทุกคนนั้นแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายของตัวเองได้เลย แถมมันยังดูเหมือนเวลาจะหยุดนิ่งไปด้วย ในขณะเดียวกันสมองของพวกเขามันก็รู้สึกแสบร้อน และเจ็บปวดมากๆ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้แล้วจริงๆว่าพวกเขาควรจะต้องทำอะไร ….
ในขณะที่ทุกคนมีท่าทีแบบนี้นั้น ซือเฟิงก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง อย่างชัดเจน และหัวใจของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหนาวเน็บทันที เมื่อเขาค้นพบเรื่องนี้
มันจบแล้ว !
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาเคยเห็นปรากฎการณ์หยุดเวลานี้เพียงครั้งเดียวในวีดีโอของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าที่ปะทะกับเทพปีศาจโบราณ
การต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้โลกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้า และผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าจำนวนหนึ่งแล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆก็ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมา การต่อสู้มันก็จบลงไปแล้ว
สำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ในตอนนั้น มันรู้สึกราวกับว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นและจบลงทันที ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามนี่มันยังไม่ใช่แค่นั้น เพราะเมื่อพวกเขารู้สึกตัว หนึ่งในสิบของอาณาจักรของ God domain (หมายถึงอาณาจักรทั้งหมดใน God domain นับรวมกันนะที่หายไปหนึ่งในสิบ) ก็ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้เพียงแต่พื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆเท่านั้น
ตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าฉากนี้กำลังจะฉายซ้ำต่อหน้าของซือเฟิง และนี่มันก็หมายความว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้อ่อนไปกว่าเทพปีศาจโบราณในชีวิตที่ผ่านมาของเขาเลย
เมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปช้าลงมากขึ้น และความคิดของซือเฟิงกำลังจะหยุดนิ่ง ทันใดนั้นแสงสีแดงเข้มก็ผลิบานออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งการปรากฎขึ้นของแสงสีแดงเข้มนี้ มันได้ช่วยขจัดพลังที่ตอนนี้เขาต้องเผชิญอยู่ออกไปทันที
หลังจากนั้นใบดาบหักๆที่ดูซอมซ่อ แต่น่าสะพรึงกลัวก็บินออกมาจากกระเป๋าของซือเฟิง และลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบๆ
นี่มัน …. ใบดาบแอช ! ซือเฟิงนั้นตกใจมากๆเมื่อได้เห็นใบดาบนี้
มันมีตำนานต่างๆเล่าขานถึงดาบแอชมากมายใน God domain และตามข่าวลือก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาวุธของผู้สังหารเทพ โดยดาบแอชนี้ก็ได้ปรากฎขึ้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงด้วยเช่นกัน แต่ในตอนนั้นเจ้าของอาวุธชิ้นนี้ก็เป็นผู้เล่นลึกลับที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นลึกลับคนนี้ใช้ดาบแอช เขาก็สามารถจะทำลายเมืองหลักของซุเปอร์กิลลงได้อย่างง่ายดายมากๆ ยิ่งไปปกว่านั้นดาบแอชที่คนๆนี้ใช้มันก็ทรงพลังมากๆ และมันทำลายอาวุธระดับอีปิคทั้งหมดได้แทบจะทันทีที่ถูกนำมาใช้รับมือกับมัน มันมีเพียงแต่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเท่านั้นที่พอจะรับพลังของดาบแอชได้
ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนจึงสงสัยว่าดาบแอชนั้นเป็นอาวุธระดับตำนาน
ดังนั้นซือเฟิงจึงได้เลือกจะเก็บดาบแอชไว้มาคลอด แทนที่จะทิ้งไป เพราะท้ายที่สุดแล้วมันอาจมีสักวันหนึ่งที่เขาจะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้
แน่นอนว่ามันก็มีตำนานอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับดาบแอชเช่นกัน โดยตำนานนี้กล่าวว่าดาบแอชนั้นเป็นเบาะแสของมรดกของผู้สังหารเทพ อย่างไรก็ตาม ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์ในห้องสมุดของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ มันไม่มีใครเคยพบดาบแอชมาก่อน แต่หลังจากผู้เล่นลึกลับที่ใช้ดาบแอชคนนี้ปรากฎตัว
และทำให้สถานะที่เป็นอยู่เดิมของ God domain เปลี่ยนไป ทุกคนจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจกับดาบแอชมากขึ้น
“น่าสนใจจริงๆ ในบรรดาผู้คนที่มาถึงที่นี่ มีคนๆหนึ่งนำสิ่งนั้นมาด้วยสินะ …. ดูเหมือนว่าคุณจะค่อนข้างโชคดีทีเดียว …” ในขณะที่ซือเฟิงกำลังประหลาดใจเรื่องของใบดาบแอชตรงหน้าเขา เสียงที่ฟังดูไม่แยแสก็ดังมาจากส่วนลึกของถ้ำ ซึ่งมันไม่ได้พูดเป็นภาษามนุษย์ แต่มันพูดเป็นภาษาศักสิทธิ์ที่เหล่าทวยเทพใช้กัน
และมันก็คล้ายกับภาษาปีศาจ แม้ว่าซือเฟิงจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาศักสิทธิ์ แต่สมองของเขาก็ยังคงเข้าใจความหมายที่ถ่ายทอดออกมาโดยคำพูดนี้ และก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ตอบสนองอะไร ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเทาก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเขา
ร่างกายของชายชราคนนี้นั้นอยู่ในสภาพวิญญาณโปร่งแสง และมันก็ดูไม่เสถียรอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าร่างของชายชราคนนี้จะหายไปเวลาใดก็ได้ อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังคงรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากชายชราคนนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อซือเฟิงทำการตรวจสอบเขากับไม่รู้อะไรเลย เพราะข้อมูลของชายชราคนนี้ที่ปิดบังไว้อย่างสมบูรณ์
“ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ เรามาถึงที่นี่ด้วยความผิดพลาดบางประการ และเราก็ไม่ได้มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใดๆ ฉันหวังว่าคุณจะยกโทษให้เรา” ซือเฟิงกล่าวขอโทษชายชราตรงหน้า และแสดงท่าทีที่เต็มไปด้วยความเคารพมากๆ
แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของชายชรา แต่ความจริงที่ว่าชายชราคนนี้สามารถทำให้เกิดปรากฎการณ์หยุดเวลาได้ มันก็หมายความว่าเขาอยู่ในมาตราฐานขั้นหกอย่างไม่ต้องสงสัย และแม้ว่าตอนนี้ชายชราจะหลงเหลือเพียงแค่วิญญาณ แต่เขาก็ยังไม่ใช่ตัวตนที่ซือเฟิงจะสามารถยั่วยุได้อยู่ดี
“คุณไม่จำเป็นต้องมาโกหกฉันหรอก ฉันรู้ว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่ ….” ชายชรากล่าว ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงอย่างเงียบๆ ซึ่งการจ้องมองของเขานั้นมันก็ดูเหมือนว่าจะสามารถมองทะลุได้ถึงวิญญาณของซือเฟิงทั้งหมดเลย “ไม่เพียงแต่คุณจะได้รับแผนที่นั้นมา แต่คุณยังมีแม้กระทั่งใบดาบแอช ซึ่งในกรณีนี้มันก็แปลว่าคุณมีสิทที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้และเรียนรู้ถึงความลับของมัน สำหรับเรื่องที่ว่าคุณจะเรียนรู้ได้มากแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองทั้งหมด ฉันเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ และผู้พิทักษ์สถานที่แห่งนี้เท่านั้น ฉันไม่ได้คิดจะมาขัดขวางความก้าวหน้าของคุณหรอก”
ซือเฟิงนั้นรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา
ไม่ว่าชายชราจะโกหกเขาหรือไม่ ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจแล้ว เพราะท้ายที่สุดต่อให้ชายชราโกหก ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับชายชราได้อยู่ดี
“ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ ฉันขอถามหน่อยว่าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของฉัน ?” ซือเฟิงถามอย่างเป็นห่วง
แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆอีกต่อไป แต่นั่นมันก็ไม่สามารถจะพูดแบบเดียวกันได้กับเพื่อนร่วมทีมของเขา และมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ชายชราคนนี้จะลบพวกเขาออกไปอย่างสมบูรณ์เพื่อให้การคงอยู่ของสถานที่แห่งนี้ยังเป็นความลับต่อไป
“ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันจะไม่ฆ่าพวกเขา” ชายชราพูดพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปยังเพื่อนร่วมทีมของซือเฟิง “อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นคนที่ได้รับพรจากสวรรค์ ซึ่งพวกเขาจะไม่ตายแน่นอนแม้ว่าพวกเขาจะถูกฆ่า ใช่ไหมล่ะ ? …..”
ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะมีความกังวลใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินคำถามของชายชรา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าชายชราคนนี้รู้หลายสิ่งหลายอย่างจริงๆ แล้วเขาก็อาจจะเข้าใจถึงตัวตน และการมีอยู่ที่แท้จริงของผู้เล่นด้วย ไม่งั้นเขาคงจะไม่ถามคำถามแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ซือเฟิงได้พบกับ NPC แบบนี้
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันควรจะเลิกก่อกวนคุณดีกว่า ….” เนื่องจากซือเฟิงไม่กล้าจะตอบคำถามของเขา ชายชราจึงเลือกจะละทิ้งหัวข้อนี้ไป จากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณเป็นผู้ถือใบดาบแอช ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าคุณเป็นผู้ที่ถูกเลือก ดังนั้นคุณจะสามารถเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำได้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาจะถูกเทเลพอร์ตออกจากสถานที่แห่งนี้”
“แน่นอนว่า ในเมื่อคุณเป็นผู้โชคดีที่ถูกเลือก ดังนั้นคุณจะสามารถนำอีกเก้าคนไปพร้อมกับคุณได้”
“อย่างไรก็ตามคุณควรจะคิดให้ดีว่าจะนำใครไปกับคุณบ้าง ความลับของสถานที่แห่งนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่คนที่ได้รับพรจากสวรรค์จะสามารถจินตนาการได้ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว มันอาจส่งผลให้คุณตายอย่างแท้จริงเลย”
ชายชรานั้นค่อนข้างจะเน้นย้ำมากๆกับคำว่าตายอย่างแท้จริง แต่ซือเฟิงนั้นไม่สามารถจะเดาน้ำเสียงชายชราได้ออกเลยว่านี่เขากำลังเตือนหรือปั่นหัวซือเฟิงเล่นกันแน่
อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจคำพูดของชายชรามากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของเขาในการมาเยี่ยมชมเทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นก็คือดินแดนลับเอิร์ธฟอล แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในดินแดนลับ แต่จากสิ่งที่เขาได้ยินมา ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดสามจากห้ากิลที่ผูกขาดดินแดนลับแห่งนี้ไว้ได้ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล ดังนั้นนี่มันก็หมายความว่าดินแดนลับไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก
“ฉันตัดสินใจจะนำพวกเขาสี่คนไปกับฉัน โอเคไหม ?” ซือเฟิงถามขณะที่เขาชี้ไปที่ไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิล
“แค่สี่งั้นหรอ ?” หลังจากเหลือบมองไปที่ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆแล้ว ชายชราก็มองไปที่ซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ และถามว่า “คุณแน่ใจงั้นหรอว่าคุณต้องการจะนำคนไปแค่นี้ ? ฉันเดาว่าคุณก็น่าจะพอรู้ถึงค่าใช้จ่ายในการเข้าไปในนั้นดี สถานที่แห่งนั้นมันไม่ได้ธรรมดาเลย และระยะเวลาที่คุณจะสามารถอยู่ที่นั่นได้มันก็มีจำกัด
นะ”
“ฉันแน่ใจ” ซือเฟิงพยักหน้า
ในขั้นต้น เขาได้พิจารณาจะนำคนอื่นๆมาด้วย อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความลับนี้มันจะยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิด ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการจะเสี่ยงเพิ่มเติม
ซึ่งมันทำให้เขาตัดสินใจจะนำกลุ่มของไลฟ์เลสธอร์นไปกับเขาด้วยเพียงสี่คนเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดทั้งสี่นั้นรู้ความลับของเขามานานแล้ว และถือได้ว่าเป็นคนของเขาอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามสมาชิกทีมอาชูร่าคนอื่นๆนั้นยังไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ….
“โอเค นี่มันก็ถือเป็นการตัดสินใจของคุณล่ะนะ …” ชายชราไม่ได้คิดจะพูดใดๆต่อ ก่อนที่เขาจะโบกมือไปยังทั้งสี่คนที่ซือเฟิงเลือก
ทันใดนั้นนอกเหนือจากไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิลแล้ว ทุกคนก็ได้กลายเป็นลำแสงและบินออกไปจากเทือกเขาที่ถูกทำลายทันที
ในขณะเดียวกันไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
เมื่อไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา พวกเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันไม่มีใครยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาเลย ในความเป็นจริงแม้แต่ซือเฟิงเองก็ยังยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา อย่างไรก็ตามในพริบตาไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะมาปรากฎตัวต่อหน้าของพวกเขาเท่านั้น แต่สมาชิกในทีมคนอื่นๆของพวกเขายังหายไปด้วย และตอนนี้ความทรงจำของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ว่างเปล่าเลย
แถมตอนนี้มันยังมีชายชราที่ดูน่ากลัวยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วย ซึ่งชายชราคนนี้นั้นพวกเขาก็ไม่สามารถจะตรวจสอบข้อมูลใดๆของเขาได้เลย
“เอาล่ะ หยุดจ้องมองกันแบบนั้นเลย มันน่ารำคาญสุดๆ นี่คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้สึกตัวรึไง ?” ชายชราตะโกนใส่ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆทันที “ช่วยให้เกียรติกันบ้าง !!! ครั้งนี้ฉันจะปล่อยพวกคุณไป แต่ถ้าครั้งหน้ายังกล้ามาทำแบบนี้อีกพวกคุณตายแน่ !!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็พยักหน้าพลางเลิกใช้สกิลตรวจสอบของพวกเขาใส่ชายชราทันที
“ดี งั้นก็ตามฉันมาได้แล้ว !!!”
ชายชราพยักหน้าเมื่อเห็นไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆเชื่อฟังเขาแต่โดยดี จากนั้นเขาก็เริ่มนำทางเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ