ตอนที่ 2766 ยุคโบราณ
ในหุบเขาท่ามกลางภูเขาที่สูงตระหง่าน ทีมที่มีกำลังเกือบห้าพันคนกำลังต่อสู้กับกลุ่มปีศาจอยู่ โดยในสนามรบแห่งนี้มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และมันดูน่าตื่นเต้นมากๆ และนี่มันก็ดูเหมือนกับสนามรบในสมัยโบราณเลย
ทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เลือดของทั้งสองฝ่ายนั้นเจิ่งนองไปทั่บหุบเขา และนี่มันก็ทำให้กลิ่นเลือดนั้นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณหลายพันหลา ซึ่งนี่มันทำให้ผู้ที่ต่อสู้อยู่ของทั้งสองฝ่ายแทบจะทนกับกลิ่นไม่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหยุดยั้ง และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทั้งสองฝ่ายนั้นพร้อมจะต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง
โดยทั้งสองกองทัพที่ปะทะกันอยู่นั้น กองทัพปีศาจมีผู้นำคือปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้า ขณะที่ฝั่งกองทัพมนุษย์นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้นำ
ซึ่งผู้หญิงที่เป็นผู้นำกองทัพมนุษย์นั้นมีผมสีแดง และมีดวงตาสีแดงเข้ม โดยเธอถือดาบศักสิทธิ์สีเงินอยู่ในมือ ในขณะที่เธอสวมชุดเกราะศักสิทธิ์ที่มีตราของอัศวินอยู่ ในขณะที่ผู้หญิงคนนี้กำลังต่อสู้กับปีศาจขั้นสาม เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบจำนวนหลายโหล HP ของเธอก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะดูเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่ยิ่งเธอต่อสู้มากเท่าไหร่ ดาบศักสิทธิ์ของเธอก็ยิ่งเปล่งประกายและทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันพลังที่เธอแสดงออกมา มันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย
“บ้าจริง นี่คุณใช้บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์จริงๆงั้นหรอ ?! อย่าแม้แต่จะคิดว่าฉันจะปล่อยให้คุณทำสำเร็จ !!!” การแสดงออกของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เมื่อมันเห็นดาบศักสิทธิ์ที่เปล่งประกายในมือของผู้หญิงที่เป็นผู้นำกองทัพมนุษย์ และทันใดนั้นมันก็กางปีกสองคู่ของมันออกมา และบินตรงเข้าไปหาผู้หญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้ม
“ทุกคน ปกป้องผู้บัญชาการ !!! อย่าปล่อยให้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เข้าใกล้ผู้บัญชาการได้ !!!” ชายร่างสูงตะโกน ขณะที่เขาวิ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกับยกโล่สีทองของตัวเองขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานอาชีพระยะประชิดอื่นๆอีกหลายโหลที่อยู่ใกล้เคียงก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดนั้นเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าพวกเขาอยู่แค่ขั้นสองเท่านั้น
“พวกมดปลวก !!!”
เมื่อเห็นฝูงชนพุ่งเข้าใส่ตัวมันเอง ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้บัญชาการก็ชักดาบใหญ่สีแดงเข้มของมันออกมาจากฝัก และฟันไปที่พื้นที่ตรงหน้า
หลังจากนั้นลำแสงสีแดงเข้มหลายร้อยลำแสงก็พุ่งออกมา และทำลายพื้นที่ทั้งหมดที่พวกมันเคลื่อนผ่าน ซึ่งพวกมันก็ไม่ใช่อะไรที่แม้แต่สิ่งมีชีวิตขั้นสามก็จะสามารถทนทานได้เลย
ตู้ม !!
ช่วงเวลาต่อมาอาชีพระยะประชิดขั้นสองจำนวนหลายโหลก็ระเหยกลายเป็นไอไปทันที ในขณะที่ชายผู้ถือโล่นั้นก็ปลิวกระเด็นไปกระแทกกับบริเวณหุบเขาด้านหนึ่งอย่างรุนแรง
“แม่งเอ้ย !! ฉันจะฆ่าคุณ !!!”
เมื่อชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆเห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเลือด และเขาก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกับดาบในมือของเขาทันที
อย่างไรก็ตามก่อนที่ชายคนนี้จะสามารถเข้าใกล้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้ เวทย์โจมตีระยะไกลของปีศาจขั้นสามหลายตัวก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว
ในขณะเดียวกันตอนนี้เลือดก็ได้เริ่มเข้าย้อมร่างกายของหญิงสาวที่มีดวงตาสีแดงเข้มที่กำลังต่อสู้กับปีศาจขั้นสามจำนวนมากอยู่ และผิวของเธอก็เริ่มซีดเซียวมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังจ้องมองไปยังปีศาจตรงหน้าเธอด้วยความแน่วแน่เหมือนเดิม
“ปีศาจต้องถูกลงโทษ !!!!” อัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มตะโกน พลางยกดาบศักสิทธิ์ของเธอขึ้น
ทันใดนั้นลำแสงศักสิทธิ์ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่ริ้วแสงนับไม่ถ้วนจะโปรยปรายลงมาทั่วบริเวณราวกับดาวตก และปีศาจที่ถูกดาวตกเหล่านี้ก็ตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสทันที
“ฆ่า !! เราไม่สามารถจะปล่อยให้ปีศาจเหล่านี้ก้าวเข้ามาในดินแดนของมนุษย์ได้ !!!” อัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มตะโกน ตอนนี้แม้ว่าเธอจะมีอาการเหนื่อยล้าอยู่ แต่เธอก็ยกดาบศักสิทธิ์ของตัวเองขึ้น และพุ่งเข้าใส่ปีศาจที่ยังคงต่อสู้ได้ทันที
คำพูดของอัศวินหญิงทำให้มนุษย์ที่รอดชีวิตเริ่มต่อสู้กับปีศาจต่ออย่างบ้าคลั่งทันที
อย่างไรก็ตามหลังจากการปะทะ และแลกเปลี่ยนกันอีกไม่กี่ครั้ง มนุษย์ที่ยังเหลือรอดในปัจจุบันทั้งหมดก็จ้องมองไปที่กองซากศพปีศาจที่อยู่ห่างไกลออกไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
วินาทีต่อมา ผู้บัญชาการของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีความสูงมากกว่าสิบเมตรก็โผล่ออกมาจากกองซากศพด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ขณะที่มองไปยังเหล่ามนุษย์ “บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์นั้นทรงพลังอย่างแท้จริง และสำหรับคุณที่ยังคงมีชีวิตอยู่ มันแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าคุณมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่น่ากลัวจริงๆ และฉันก็มั่นใจเลยว่าคุณจะต้องอยู่ในระดับต้นๆของพวกขั้นสี่แน่นอน” ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่กล่าวขณะที่มันมองไปยังอัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้ม และมันก็กล่าวต่ออย่างเย้ยหยันว่า “ว่าแต่ใช้ครั้งที่สองได้ไหม ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ใบหน้าของเหล่ามนุษย์ผู้รอดชีวิตก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
นี่คือบทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์นะที่เรากำลังพูดถึง !!!
นี่คือเวทย์เฉพาะของอัศวินศักสิทธิ์บลัดมูน คนส่วนใหญ่จะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก่อนจะตาย เนื่องจากความเจ็บปวดที่ตามมาของร่างกายและจิตใจหลังใช้มันนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทนได้ และแม้ว่าราคาการใช้ของมันจะสูงลิ่วแบบนี้ แต่มันก็ทรงพลังมากจนสามารถทำให้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่บาดเจ็บสาหัสได้ และมี HP ลดลงไปครึ่งหนึ่งโดยที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้เลย หากปราศจากน้ำแห่งชีวิต ….
แต่ตอนนี้ ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าพวกเขากับยังคงมีสภาพดีกว่าที่คิดมาก ….
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าอัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มจะไม่สามารถใช้บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์ได้อีกครั้งแน่นอน และด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของมนุษย์ผู้เหลือรอดอย่างพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถจะเทียบกับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้เลย
เพราะท้ายที่สุดแล้วปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าของพวกเขานั้นเป็นปีศาจระดับมาร์ควิสที่แท้จริง และความบริสุทธิ์ของสายเลือดของมันนั้นก็เหนือกว่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั่วไป
“เนื่องจากคุณไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นให้ใช้แล้ว งั้นตอนนี้มันก็ถึงตาของฉันแล้ว …” เมื่อปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เห็นมนุษย์ตรงหน้าของมันเงียบ มันก็เผยสีหน้าตื่นเต้นและสนุกสนานอย่างสุดจะพรรณนาออกมา
“อย่าแม้แต่จะคิด !!!”
ทันใดนั้นอัศวินหญิงก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ และใช้ดาบศักสิทธิ์จองเธอโจมตีเข้าใส่มัน
ซึ่งการโจมตีนี้ของเธอมันก็ทำให้ดาบเงาสามเล่มปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า และพุ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทันที โดยฉากนี้มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากๆ
“นี่คือ …. เทคนิคส่วนตัวของนักบุญแห่งดาบ ท่านลอร์ดล๊อค สกายเครเวอร์ !!!”
“นี่ผู้บัญชาการสามารถใช้มันได้จริงๆงั้นหรอ ?!”
เมื่อเหล่ามนุษย์ที่ยังรอดชีวิตเห็นฉากนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม ขณะที่มองไปยังอัศวินหญิง
“นี่คุณใกล้จะตายอยู่แล้ว แต่ยังเลือกจะต่อต้านแบบน่าเบื่อแบบนี้งั้นหรอ ?” เมื่อปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เห็นการโจมตีนี้กำลังใกล้เข้ามา มันก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวใดๆ ตรงกันข้าม มันกับปฎิบัติต่อการโจมตีนี้อย่างไม่ไยดีด้วยซ้ำ
ตู้ม !!
เมื่อมันเหวี่ยงดาบใหญ่ของมันเข้าปะทะกับการโจมตีนี้ มันก็ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่ส่งผลให้มนุษย์และปีศาจทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่ต้องถูกกังคับให้ถอยไปด้านหลังทันที
แถมการปะทะกันของการโจมตีทั้งสองนี้มันก็ทำให้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ไปทั่วบริเวณ และมือของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ถือดาบใหญ่อยู่นั้นก็สั่นสะท้านมากๆ
เมื่อได้เห็นฉากนี้มนุษย์ทุกคนก็รู้สึกมีกำลังใจและตื่นเต้นมากๆ
แน่นอนเลยว่าเทคนิคส่วนตัวของนักบุญแห่งดาบนั้นทรงพลังมากๆ !!!
อย่างไรก็ตามครู่ต่อมา ความตื่นเต้นและความรู้สึกมีกำลังใจของทุกคนก็แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง เพราะท้ายที่สุดแล้ววัดจากสภาพในตอนนี้ของอัศวินหญิงที่พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนตอนนี้ มันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอได้ใช้ทุกอย่างที่เธอมีไปแล้ว และเธอไม่สามารถจะต่อสู้ได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอทำได้แค่รอรับความตายที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น
“ฮ่าๆๆๆ !!! ยอดเยี่ยม !!! นี่มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉัน เนเมน คาร์โล ได้เห็นมนุษย์ขั้นสี่ที่ทรงพลังแบบคุณ !!!” ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่หัวเราะออกมา ขณะที่มองไปยังอัศวินหญิง “อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะต้องจบลงที่นี่ และก่อนฉันจะตาย ฉันก็จะส่งพวกคุณทั้งหมดไปนรกซะก่อน !!!”
หลังจากพูดจบ เนเมน คาร์โล ก็เริ่มร่ายเวทย์ขั้นสี่ ประตูนรกทันที
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง และประตูขนาดใหญ่ที่ถูกประดับไปด้วยกะโหลกก็ปรากฎขึ้น โดยที่มันมีแสงสีแดงเลือดส่องออกมาจากเบ้าตาของกะโหลก และเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดที่ดังออกมาจากประตูก็ดูเหมือนมันจะบอกทุกคนว่าชะตากรรมของพวกเขาจะสิ้นสุดลงที่นี่
แม้ว่ามนุษย์ที่ยังเหลือรอดในปัจจุบันจะพยายามขัดขวางการร่ายเวทย์นี้ของเนเมน คาร์โล แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำได้ เนื่องจากเหล่าปีศาจที่ยังรอดชีวิตนั้นก็ได้พยายามขัดขวางพวกเขาอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามในขณะที่เวทย์ประตูนรกนี้กำลังจะถูกร่ายเสร็จสิ้น รอยแยกมิติที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งพันหลาก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า โดยมันทำให้เกิดความปั่นไปทั่ว แถมมันยังทำให้มานาบนท้องฟ้ากระจัดกระจายไป และทำให้วงเวทย์ที่ทำหน้าที่อัญเชิญประตูนรกออกมานั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากนั้นมันก็มีร่างหลายร่างโผล่ออกมาจากรอยแยกมิติ และพุ่งลงมายังพื้นที่บริเวณสนามรบ ซึ่งมันทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ
“นี่คือยุคโบราณงั้นหรอ ?” ชายที่ยืนอยู่หน้าสุดของกลุ่มพึมพำด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังสภาพแวดล้อมรอบตัว