ตอนที่ 2773 มานาที่เกินขีดจำกัด
เมื่อได้ยินเสียงของแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นที่หูของเขา ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความสุขมากๆ อัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ ! แน่นอนเลยว่าวิธีการผสานเทคนิคมานาเข้าไปด้วยนั้นเป็นวิธีที่ดี
วิธีการจัดการมานาในตอนที่ใช้ไลท์ชาโด้วนั้นมีความละเอียดอ่อนมากกว่าวิธีที่เขาคิดขึ้นเอง โดยเฉพาะในแง่มุมของการจัดการองค์ประกอบเวทย์มนต์ วิธีการจัดการของเขาใช้แค่สี่ธาตุหลักของเวทย์มนต์เท่านั้น ขณะที่ไลท์ชาโด้วนั้นใช้ครบทุกธาตุ
เนื่องจากความแตกต่างนี้เขาจึงสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ด้วยวิธีการจัดการสองวิธีแบบนี้ และแม้ว่ามันจะมีความแตกต่างเพียงเจ็ดเปอเซ็นต์ระหว่างสองวิธีนี้ กับสองวิธีก่อนหน้านี้ของเขา แต่นี่มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะท้ายที่สุดหลังจากร่างมานาสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ ทุกๆหนึ่งเปอเซ็นต์ที่มันเพิ่มขึ้นจะให้การปรับปรุงอย่างมากต่อร่างมานา ดังนั้นความแตกต่างระหว่างร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยสามเปอเซ็นต์ กับหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์จึงเป็นเหมือนความแตกต่างระหว่างสวรรค์และโลก และหลัง
จากนั้นซือเฟิงก็ได้ลองชกพื้นที่ว่างตรงหน้าเขา
ตู้ม !
ทันใดนั้นพื้นที่ว่างตรงหน้าของซือเฟิงที่ดูเสถียรก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และรอยแยกเชิงพื้นที่ก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นจนกระทั่งมันไปสัมผัสกับบาเรียเวทย์มนต์ของห้องนั่งเล่น ก่อนที่ปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้จะหยุดลง
มันช่างเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งจริงๆ !!!
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ เมื่อเขามองไปยังพื้นที่ตรงหน้าของเขา ร่างมานาของเขามันได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริงหลังจากที่มาถึงอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ ตอนนี้แม้แต่การชกตามปกติของเขา มันก็ยังมีพลังของเทคนิคมานาแฝงอยู่เล็กน้อย เขาไม่จำเป็นจะต้องโฟกัสไปที่การปรับเปลี่ยนมานาเพื่อให้ได้เอฟเฟคแบบนี้เลย
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ลองหลับตาลง และพยายามจะรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาทั้งหมด และแม้ว่าเขาจะหลับตาลงแบบนี้ เขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งอย่างแท้จริง แม้แต่ฝุ่นผงละเอียดก็ไม่สามารถจะเล็ดรอดการรับรู้ของเขาไปได้
ไม่เพียงแต่ร่างกายทางกายภาพของฉันจะดีขึ้นอย่างน้อยสามสิบเปอเซ็นต์ แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าของฉันมันยังไปถึงจุดสูงสุดใหม่ด้วย และด้วยสถานะปัจจุบัน การรับรู้ของฉันจะด้อยกว่าเจ้าชายปีศาจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซือเฟิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความสุขที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา และแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถเทียบกับโฟร์เบโร่ได้ในแง่ของร่างกายทางกายภาพและประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เขาก็เข้าใกล้เจ้าชายปีศาจขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนี่มันนับเป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ในขั้นต้นเขารู้สึกว่าผู้เล่นขั้นสี่นั้นต้องการอาวุธระดับตำนานจึงจะสามารถต่อกรกับเจ้าชายปีศาจขั้นสี่ได้ เพราะท้ายที่สุดความแตกต่างระหว่างร่างกายทางกายภาพของทั้งสองฝ่ายนั้นมีสูงมาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกว่ามันมีสิทจะเป็นไปได้ที่ผู้เล่นจะได้รับร่างกายอันน่าทึ่งของเจ้าชายปีศาจขั้นสี่ในตอนที่พวกเขาอยู่ในขั้นสี่
ตอนนี้ร่างมานาของเขานั้นพึ่งจะได้รับการปลดล๊อคศักยภาพมาถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์เท่านั้น แต่ร่างทางกายภาพของเขาก็ใกล้เคียงกับร่างทางกายภาพของเจ้าชายปีศาจแล้ว หากเขาสามารถผลักดันไปจนตัวเองสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ตามข่าวลือ เขาก็อาจจะมีร่างกายทางกายภาพที่เทียบกับเจ้าชายปีศาจได้
ซือเฟิงนั้นค่อนข้างมั่นใจมากว่าในอนาคตเขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ เนื่องจากเขารู้วิธีในการที่จะทำแบบนั้นแล้ว เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเดาสุ่มมั่วๆเพื่อทำอีกต่อไป ….
ตอนนี้ฉันได้มาถึงขีดจำกัดของฉันด้วยการใช้สองวิธีแล้ว ฉันจะต้องเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉัน ฉันจึงจะสามารถใช้สามวิธีในการจัดการวงเวทย์ในร่างมานาได้อย่างไหลลื่น ซึ่งวิธีนี้ ฉันก็จะมีโอกาสสูงมากในการจะบรรลุอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ และทีนี้ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ หรือเรื่องของ NPC ลึกลับ ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นมาก ณ ตอนนี้ความมั่นใจของซือเฟิงนั้นเพิ่มขึ้นมากๆ อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยฉันควรจะรวบรวมชิ้นส่วนดาบโซโลมอนก่อน
ถ้าฉันมีดาบโซโลมอนที่สมบูรณ์ ฉันก็ไม่ต้องกลัวเลย แม้จะต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าที่แท้จริง หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องแก้ไขเรื่องราวในยุคโบราณที่เขารับมาให้รวดเร็ว และกลับไปยังยุคปัจจุบันเพื่อเก็บรวบรวมชิ้นส่วนดาบโซโลมอนที่เหลืออีกสองชิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้มีความมั่นใจที่จะไปเก็บรวบรวมมัน อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากที่ร่างมานาระดับอีปิคของเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพมาได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว มันก็น่าจะทำให้เขาโซโล่กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้ ซึ่งเขามั่นใจในเรื่องนี้มากเพราะมานาของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพไปอย่างมากจากเรื่องนี้
ในขั้นต้นมานาที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างมานาของเขาเป็นเพียงก๊าซ แม้ว่ามันจะมีความหนาแน่นที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อก็ตาม อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ มานาที่ไหลอยู่ภายในร่างมานาของเขาก็ได้กลั่นตัวเป็นหมอกทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบรรลุสถานะนี้ได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องจัดการมานาภายนอกเลย เนื่องจากรากฐานทั้งหมดของ God domain คือมานา ดังนั้นความแข็งแกร่งของมานาของผู้เล่นก็ส่งผลอย่างมากต่อพลังการต่อสู้ของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้สกิลและเวทย์ที่ต้องพึ่งมานาเป็นหลัก ซึ่งด้วยความที่มานาของซือเฟิงกลั่นตัวเป็นหมอกแล้วแบบนี้ มันจะทำให้สกิลและเวทย์แข็งแกร่งขึ้นสามสิบถึงห้าสิบเปอ
เซ็นต์เลย และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันด้วย ….
เพราะร่างกายทางกายภาพและคุณภาพของมานาภายในร่างกายของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายนั้นเหนือกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายมากๆ ….
ในขณะนี้แม้ว่าร่างกายของซือเฟิงจะยังไม่สามารถเทียบกับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้ แต่คุณภาพของมานาของเขาก็ใกล้เคียงกับพวกมันแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับอาวุธและอุปกรณ์ที่เขาใช้อยู่ทั้งหมด มันก็ทำให้เขาสามารถจะทดแทนช่องว่างทั้งหมดได้ ในขณะที่ซือเฟิงกำลังดื่มด่ำกับมานาที่ได้รับการปรับปรุงของเขา ยู่หลัวก็ติดต่อเขาเข้ามา
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลแห่งวิญญาณได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองอุกกาบาตแล้ว และตอนนี้ทั้งกองกำลังของผู้เล่น และกองกำลังของ NPC ก็ล้วนแสดงความสนใจในคริสตัลนี้ โดยพวกเขาทั้งหมดล้วนขอซื้อมันในราคาที่สูงลิ่ว”
ยู่หลัวกล่าวอย่างตื่นเต้น “ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองกำลังผู้เล่นชั้นยอดของเมืองได้ติดต่อฉันมา โดยบอกว่าพวกเขายินดีที่จะซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้น”
ถ้ามันเป็น God domain ในยุคปัจจุบัน คริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้น จะเทียบเท่ากับเงินหกหมื่นเหรียญทองเลย !!! และนั่นมันก็เป็นเงินที่เพียงพอที่จะติดอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดให้กับทีมหนึ่งร้อยคนในเมืองอุกกาบาตได้ และคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นนั้นก็ยังสามารถจะช่วยให้ผู้เล่นคนหนึ่งได้สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบครบเซ็ทด้วย
“นั่นไม่จำเป็น เราได้บอกไปแล้วว่าเราจะประมูลมัน และเราก็จะทำแบบนั้น หากพวกเขาต้องการจะซื้อมัน พวกเขาก็สามารถจะซื้อผ่านการประมูลได้” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ข้อเสนอเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นนั้นมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งหากเขานำคริสตัลแห่งวิญญาณไปประมูลใน God domain ยุคปัจจุบัน มันจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ถ้าเขาสามารถขายมันได้ในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าหมื่นชิ้น
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไปใน God domain ยุคโบราณ ที่วิธีในการจะฟื้นตัวจากสภาพจิตใจและวิญญาณที่อ่อนแอนั้นหายากมากๆ อันที่จริงถนนในเมืองอุกกาบาตนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ติดสถานะอ่อนแอทางจิต และผู้เล่นทั้งหมดก็สามารถพึ่งพาได้แค่มานาที่หนาแน่นในเมืองเพื่อฟื้นตัวอย่างช้าๆเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นติดสถานะอ่อนแอทางจิตอย่างสมบูรณ์นั้น มันก็จะต้องใช้เวลา
นานมากๆในการฟื้นตัว แม้ว่าภายในเมืองจะมีมานาที่หนาแน่นมากก็ตาม
หากผู้เล่นเหล่านี้เต็มใจที่จะอยู่ในเมืองอุกกาบาตโดยไม่ออกไปล่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาก็จะต้องใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการฟื้นตัวเองให้กลับสู่สถานะสูงสุด แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญที่จะไม่ออกไปล่าเป็นเวลานาน เพราะสองสัปดาห์นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่ออกไปล่า และไม่ออกไปล่า อันที่จริงการตายสักสองครั้งในแผนที่ล่า มันก็ยังไม่นับว่าเป็นการสูญเสียมากเท่าการหยุดออกไปล่าเป็นเวลาสองสัปดาห์เลย ดังนั้นไอเทมอย่างคริสตัลแห่งวิญญาณที่เป็นไอเทมฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมจึงมีค่ามากสำหรับผู้เล่น และ NPC ใน God domain ยุคโบราณ
ในขณะเดียวกันจุดประสงค์ของเขาที่เลือกจะให้เอาคริสตัลแห่งวิญญาณเข้าประมูลนั่นก็เป็นไปเพื่อหาราคาตลาดของคริสตัลแห่งวิญญาณ เพราะหลังจากทำแบบนี้แล้ว เขาก็จะสามารถเพิ่มผลกำไรสูงสุดที่เขาจะได้รับได้ เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ก็เพราะเขาไม่ได้มีคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่ในมือมากนัก และการจะไปเก็บรวบรวมวิญญาณของมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าเขาห้าเลเวล รวมทั้งต้องเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่หรือสูงกว่านั้นมันก็เป็นไปได้ยากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลบางส่วนเองด้วย
สำหรับตอนนี้เขามีคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่สี่สิบสามชิ้น แต่ในทางกลับกันเขามีน้ำแห่งชีวิตอยู่มากมาย ในตอนนี้เขาสะสมมันได้แล้ว 2,764 หยด ซึ่งนี่เป็นผลมาจากการสะสมในระยะยาว และแม้ว่าเขาจะมอบพวกมันจำนวนมากให้กับสมาชิกกิลเพื่อให้ใช้ศิลาจารึกระดับทองแดง และเงิน แต่เขาก็ยังคงมีเหลืออยู่อีกมาก อย่างไรก็ตามผลของน้ำแห่งชีวิตนั้นด้อยกว่าคริสตัลแห่งวิญญาณในระดับหนึ่ง ซึ่งหากคริสตัลแห่งวิญญาณไม่สามารถขายได้ในราคาสูงในตลาด น้ำแห่งชีวิตก็จะเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
“แต่ตอนนี้สกายแฟร์ได้ทุ่มสุดตัวที่จะเข้ามาแข่งขันแย่งชิงคริสตัลแห่งวิญญาณ ซึ่งนี่มันจะทำให้ทั้งผู้เล่น และ NPC จำนวนมากเลือกจะถอยไป เพราะความเคารพและกลัวต่อพวกเขาแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วนอกจากผู้บัญชาการของสกายแฟร์ มันยังมีข่าวลือว่ามีรองผู้บัญชาการอีกหนึ่งคนของพวกเขามาถึงขั้นสี่แล้ว” ยู่หลัวอธิบาย โดยธรรมชาติแล้วเธอเข้าใจความคิดของซือเฟิงได้อย่างรวดเร็ว
“พวกผู้มีอำนาจต่างๆจะไม่เลือกที่จะต่อสู้กับสกายแฟร์เพื่อแย่งชิงคริสตัลแห่งวิญญาณชิ้นเดียว ถ้าคุณเลือกจะเอามันไปประมูลจริงๆ ฉันกลัวว่ามันจะถูกประมูลไปในราคาไม่สูงมากนัก”
โลกนี้แตกต่างจากโลกที่พวกเขามา เมือง NPC ที่นี่ถูกอยู่ห่างจากกันในระยะที่ไกลมากๆ และหลังจากไปถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้น ผู้เล่นจึงจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างเมือง NPC ได้โดยไม่ต้องกังวล ผู้ขั้นสามจะสามารถออกไปได้แค่รอบๆเมืองหลักเท่านั้น ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้ที่อาศัยอยู่เมืองเดียวันมักจะเจอกันตลอด
ในขณะเดียวกันนักสู้ขั้นสี่นั้นก็ถือเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแท้จริงใน God domain แม้แต่ NPC ก็ยังมีความหวาดกลัวต่อตัวตนระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เล่นเลย หากมีใครคนหนึ่งไปยั่วยุและทำให้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์โกรธ ทั้งกลุ่มที่พวกเขารู้จักก็ไม่ควรคิดที่จะได้ออกจากเมืองไปเก็บเลเวลอีกต่อไป
กองกำลังของผู้เล่นที่มีผู้เล่นขั้นสี่สองคนงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่ากองกำลังของผู้เล่นในยุคโบราณของ God domain จะมีพลังมากถึงขนาดที่มีผู้เล่นขั้นสี่สองคนแล้ว ซึ่งมันมากกว่าสภาสิบแปดปีกอยู่หนึ่งคน แม้ว่าเรื่องการค้นหาดินแดนจะเป็นปัจจัยสำคัญในความแตกต่างนี้ด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็พูดว่า “งั้นเอาแบบนี้เป็นไง ? ฉันจะเช่าห้องโถงประมูลในบ้านประมูล และจัดการประมูลเล็กๆของเราขึ้น โดยให้ประกาศไปว่าเราจะขายคริสตัลแห่งวิญญาณทั้งหมดห้าชิ้น และน้ำแห่งชีวิตห้าสิบหยด ซึ่งน้ำแห่งชีวิตนี้จะมีผลน้อยกว่าคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่ระดับหนึ่ง แต่ให้ผลเหมือนกัน ถ้าเราทำแบบนี้ ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะไม่สามารถผูกขาดทุกอย่างได้” คำพูดของซือเฟิงทำให้ยู่หลัวประหลาดใจ เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะมีไอเทมชิ้นอื่นที่ช่วยในเรื่องนี้นอกจากคริสตัลแห่งวิญญาณด้วย เขามันเป็นขุมสมบัติเดินได้ชัดๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหากซือเฟิงทำการขายคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำแห่งชีวิตจำนวนมาก ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็จะมีปัญหาในการจะผูกขาดไปทุกอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีทางเลยที่ผู้มีอำนาจต่างๆในเมืองจะยอมได้ เมื่อมีไอเทมแบบนี้ถูกนำออกประมูลขายมากมาย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่ามันสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่อีก และท้ายที่สุดแล้วสกายแฟร์ก็ไม่ใช่ผู้มีอำนาจกลุ่มเดียวที่มีนักสู้ขั้นสี่
“โอเค !! ฉันจะรีบไปกระจายข่าวนี้ทันที !!!” ยู่หลัวพยักหน้า จากนั้นเธอก็วางสายไป หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้แจ้งให้ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นทราบถึงแผนของเขา ก่อนที่เขาจะเดินทางไปเช่าห้องประมูลของเมืองอุกกาบาตด้วยตัวเอง
โดยในระหว่างนี้ยู่หลัวก็ได้ทำการกระจายข่าวนี้ออกไปจนมันทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วเมือง